นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิตเดินหน้ารุกตลาดประกันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง บนความมุ่งมั่นในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุก ๆ คนในสังคม (Democratizing Insurance) พร้อมตอบโจทย์ด้านการวางแผนภาษีโค้งสุดท้ายช่วงปลายปี 2567 ด้วยการนำเสนอประกันออมทรัพย์ออนไลน์ ให้คุณเลือกได้ 3 แบบ 3 สไตล์ ในแบบคุณ แบบที่ 1 “เมืองไทย เพอร์เฟค เซฟวิ่ง 11/5 (Perfect Saving 11/5)” สำหรับคนที่ชอบให้ดูแลยาว ๆ รับสิทธิลดหย่อนภาษีตามเงื่อนไขเป็นระยะเวลา 5 ปี คุ้มครองชีวิตนาน 11 ปี ผลตอบแทนคุ้มสะใจ รับผลประโยชน์รวมสูงสุด527.5%(1) รับเงินจ่ายคืนทุก 2 ปีกรมธรรม์ ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 20-65 ปี ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท แบบที่ 2 “ออมจุใจ 10/3” สำหรับคนชอบจ่ายสั้น ๆ ประกันออมทรัพย์ออนไลน์ตัวใหม่ล่าสุด ที่ตอบโจทย์ความต้องการแบบจุใจ ทั้งด้านการออม ผลประโยชน์ทางภาษี และความคุ้มครองชีวิต ด้วยผลประโยชน์รวมสูงสุด 333%(1) จ่ายเบี้ยสั้น ๆ 3 ปี แต่คุ้มครองยาวถึง 10 ปี รับเงินคืนทุกปีกรมธรรม์ ปีละ 1%(1) ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 20-80 ปี ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท แบบที่ 3 “โครงการเมืองไทย Super Return 11/1” ประกันออมทรัพย์สำหรับคนชอบจ่ายครั้งเดียวจบ ได้เงินคืนแบบแฮปปี้ ซื้อง่าย ให้ความคุ้มครองยาวถึง 11 ปี รับผลประโยชน์รวมสูงสุด 112%(1) รับเงินจ่ายคืนทุก 2 ปีกรมธรรม์ ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 20-65…
Author: staff
กรุงเทพฯ, 2 ธันวาคม 2567 – ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำจุดยืน ‘Standby เคียงข้าง SME’ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ สินเชื่อ ‘SME กล้าให้ Standby Cash’ วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนสำหรับเสริมสภาพคล่องธุรกิจ แบบไม่ใช้หลักทรัพย์เป็นประกัน เพื่อเป็นตัวช่วยให้ทุกย่างก้าวของธุรกิจ SME เดินหน้าได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปัจจุบันธุรกิจ SME ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นทั้งในและต่างประเทศ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างรวดเร็วถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและแข่งขันได้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สินเชื่อ ‘SME กล้าให้ Standby Cash’ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในการลงทุนขยายกิจการ เช่น การซื้อเครื่องจักรใหม่ การขยายตลาด และการบริหารกระแสเงินสดในช่วงที่รายได้ผันผวน เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME ทุกท่านสามารถนำพาธุรกิจก้าวผ่านช่วงเวลาอันท้าทายได้อย่างราบรื่น สอดคล้องกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจ Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ” นายนาธัส กฤตวรานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ (First Executive Vice President) กลุ่มบริหารธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สินเชื่อ ‘SME กล้าให้ Standby Cash’ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยปลดล็อกข้อจำกัดทางการเงิน และเสริมสร้างโอกาสที่มั่นคงให้กับธุรกิจไทยในทุกสถานการณ์ และด้วยความสะดวกในการใช้งาน สินเชื่อดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ SME ซึ่งมักเผชิญข้อจำกัดด้านเงินทุนหมุนเวียน ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นตามแผนที่วางไว้ โดยไม่มีอุปสรรค ตอกย้ำคำมั่นสัญญาของธนาคารฯ ‘STANDBY เคียงข้าง SME’ ในทุกความต้องการทางธุรกิจ” สินเชื่อ ‘SME กล้าให้ Standby Cash’ เป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยบุคคลธรรมดา วงเงินสินเชื่อสูงสุด 2 ล้านบาท ไม่ใช้หลักทรัพย์เป็นประกัน ทำรายการเบิกวงเงินสินเชื่อผ่านศูนย์ผู้ช่วยธุรกิจส่วนบุคคล (Standby Assistant) ของธนาคารฯ ลูกค้าที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพิ่มเติมได้ที่ www.thaicreditbank.com หรือสอบถาม Call Center โทร. 0…
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ในโอกาสเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ และเดินทางลงพื้นที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และภารกิจของกระทรวงการคลัง (คลังสัญจร) ครั้งที่ 1/2567 ภายใต้แนวคิด “ปรับ ฟื้น คืนสุข เมืองล้านนา” ณ ด่านศุลกากรแม่สาย จ.เชียงราย โดยนายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมทั้งให้เกียรติมอบมาตรการช่วยเหลือแก่ลูกค้าธนาคารออมสิน ในการนี้ ผู้อำนวยการธนาคารออมสินได้รายงานผลการจัดทำมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยตามนโยบายรัฐบาล อาทิ มาตรการลดภาระหนี้ แบ่งเป็น การพักหนี้อัตโนมัติ 6 เดือน ยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด สำหรับผู้ประสบอุทกภัยตามประกาศฯ ในงวดเดือนตุลาคม 2567 – งวดเดือนมีนาคม 2568 โดยสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้วกว่า 200,000 บัญชี วงเงินรวม 82,000 ล้านบาท คิดเป็นเม็ดเงินที่ธนาคารไม่คิดดอกเบี้ยกว่า 2,400 ล้านบาท โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย สามารถช่วยลูกหนี้ได้กว่า 52,000 บัญชี วงเงิน 23,000 ล้านบาท และการปรับลดอัตราการชำระขั้นต่ำ (Minimum Payment) ของลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดเป็น 3% ของยอดเรียกเก็บ (ขั้นต่ำ 300 บาท) เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เป็นระยะเวลา 3 รอบบัญชี (นับรอบบัญชีต่อเนื่อง) สามารถช่วยลูกหนี้ได้กว่า 220,000 บัญชี วงเงินรวม 1,900 ล้านบาท โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย สามารถช่วยลูกหนี้ได้กว่า 21,000 บัญชี วงเงิน186 ล้านบาท มาตรการสินเชื่อเยียวยาและฟื้นฟู ภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ GSB Boost Up Plus เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย ในการฟื้นฟูกิจการจากเหตุอุทกภัย อนุมัติสินเชื่อไปแล้วกว่า 500 ราย วงเงินรวม…
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ตามที่ สำนักงาน คปภ. จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Insure Mall ช่องทางการให้บริการและการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผ่าน www.insuremallthailand.com ภายใต้แนวคิด “Insure Mall ครบทุกเรื่องประกันภัย จบทุกความต้องการ” เพื่อสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้กับประชาชนในรูปแบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมชั้น 2 สถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ สำหรับโครงการ Insure Mall ถือเป็นโครงการที่เข้ามาช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจประกันภัยให้ได้มีพื้นที่ในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย ทำให้บริษัทประกันภัยเกิดการแข่งขันในการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ดี มีคุณภาพ และตรงตามความต้องการของผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยอย่างแท้จริง ซึ่งนอกจาก Insure Mall จะเป็นช่องทางเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยแล้ว ยังเป็นช่องทางที่มีการรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะด้านประกันภัยอีกด้วย สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่าน Insure Mall มีจำนวน 17 บริษัท ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ…
ฉลองครบรอบ 80 ปี – นายสิงห์ ตังทัตสวัสดิ์ รองประธานกรรมการบริหาร นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ นายอมร จันทรสมบูรณ์ นายอรุณ จิรชวาลา นายโชคชัย นิลเจียรสกุล นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ กรรมการธนาคาร นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการบริหาร นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ นายปรีดี ดาวฉาย นายวีระพัฒน์ ถกลศรี กรรมการธนาคาร นายสุวรรณ แทนสถิตย์ นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหาร และ นางสาวนิรมาณ ไหลสาธิต กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงาน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 100 รูป ในโอกาสวันคล้ายวันก่อตั้งธนาคารปีที่ 80 ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 นี้ โดยธนาคารได้นิมนต์พระสงฆ์จาก 6 วัดพระอารามหลวง ประกอบด้วย วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร วัดยานนาวา พระอารามหลวง วัดราชสิงขร พระอารามหลวง และ วัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร เพื่อประกอบพิธีสงฆ์และรับบิณฑบาต ณ บริเวณลานหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลม โอกาสเดียวกันนี้ คณะผู้บริหารและพนักงาน ที่ประจำธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม พระราม 3 รวมถึงสาขาและสำนักธุรกิจทั่วประเทศ ได้ร่วมร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด และตัดเค้กตราสัญลักษณ์บัวหลวงและโลโก้ ‘80 ปี ธนาคารกรุงเทพ’ ขนาด 100 ปอนด์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 80 ปี ของการก่อตั้งธนาคาร พร้อมจัดแจกวุ้นแฟนซีแบบคัพเค้ก และไอศกรีมโลโก้ 80 ปี…
นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหาร รับชม “โขน” รอบพิเศษ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” ศิลปการแสดงชั้นสูง อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย เพื่อเป็นของขวัญส่งความสุขท้ายปี ให้ลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ แทนคำขอบคุณในความไว้วางใจและความเชื่อมั่น ที่มีให้เมืองไทยประกันภัยดูแลเสมอมา ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา การแสดงโขน “พระจักราวตาร” ในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 จัดการแสดงโดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเป็นการนำบทพระราชนิพนธ์ฉบับในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มาเป็นบทการแสดงโขนมูลนิธิฯ นอกเหนือจาก ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมรับชมโขนแล้ว บริษัทฯ ยังได้เชิญนักเรียนจากโรงเรียนศรีสังวาลย์ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการ ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เข้าร่วมชมการแสดงในครั้งนี้ด้วย การแสดงสุดยิ่งใหญ่นี้ ถูกถ่ายทอดโดยนักแสดงเยาวชนคนรุ่นใหม่ จากสถาบันบัญฑิตพัฒนศิลป์ ด้วยท่วงท่าการร่ายรำที่อ่อนช้อยงดงาม ถูกต้องตามจารีต พร้อมด้วยเครื่องแต่งกาย การบรรเลงและการขับร้องเพลงไทยแสนไพเราะ ตลอดจนฉากการแสดงสุดวิจิตรและยิ่งใหญ่ตระการตา ที่หาชมได้แค่เพียงปีละหนึ่งครั้ง สร้างความประทับใจ และตราตรึงใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก “โขน” ได้รับการยกย่องจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) ในปีพ.ศ. 2561 ว่าเป็น ‘มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติ’ ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยรายการแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียน เมืองไทยประกันภัย ภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน ส่งเสริม อนุรักษ์ประเพณีไทย และมรดกอันทรงคุณค่าของชาติไทย
เมืองไทยประกันชีวิต จับมือมูลนิธิเมืองไทยยิ้มและกรมกิจการผู้สูงอายุกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมสร้างสังคมคุณภาพผู้สูงวัย พัฒนาบุคลากรเพื่อดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมจัดอบรม โครงการ “การอบรมหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ Care Giver รุ่นที่ 4” หลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขั้นเบื้องต้น จำนวน 18 ชั่วโมง เพื่อตอบรับสถานการณ์การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมืองไทยประกันชีวิต สานต่อโครงการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขั้นเบื้องต้น รุ่นที่ 4 ณ อาคาร CSR ศูนย์การเรียนรู้สรรค์สาระ จังหวัดราชบุรี โดยในครั้งนี้ได้จัดการอบรมให้แก่บุคลากรในองค์กรที่เกี่ยวข้อง อาทิ พนักงานดูแลความสะอาด พนักงานดูแลสวน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) จำนวน 53 คน เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุในบ้านและชุมชน ซึ่งมีความสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของผู้สูงวัยในสังคมไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ การอบรมครั้งนี้ประกอบด้วยการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติรวม 18 ชั่วโมง โดยเนื้อหาหลักสูตรมุ่งเน้นให้ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้เข้าใจในหลักการพื้นฐานของการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้สูงอายุ ทั้งนี้หลักสูตรได้รับการรับรองจากกรมกิจการผู้สูงอายุและจัดหาวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น อาทิ การให้ความรู้และแนะนำอาหารโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละกลุ่ม รวมถึงการรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีโภชนาการที่ดีต่อผู้สูงอายุ การส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพแบบองค์รวม โดยให้ความรู้เกี่ยวกับรูปแบบวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมและถูกต้องสำหรับผู้สูงอายุ และการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในผู้สูงอายุและการดูแลสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและสนับสนุนให้ผู้สูงวัยมีความสุขในวัยเกษียณ การอบรมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคมในภาพรวม เพราะเมื่อมีผู้ที่เข้าใจและมีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น จะสามารถลดภาระในการดูแลและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้สูงอายุในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการสร้างเครือข่ายผู้ดูแลที่สามารถให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความเข้มแข็งในชุมชน โดยผู้เข้าอบรมจะได้รับความรู้และทักษะในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนการสร้างให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อ การดำรงชีวิต สำหรับที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดการอบรม หลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุเบื้องต้น จำนวน 18 ชั่วโมง จำนวน 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นที่ 1 จัดขึ้นในวันที่ 7-8 ตุลาคม 2566 สำหรับผู้บริหาร พนักงาน ของบริษัทฯ ณ สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ และรุ่นที่ 2 จัดขึ้นในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2566 สำหรับประชาชนทั่วไป ณ ศูนย์การเรียนรู้สรรค์สาระ เมืองไทยประกันชีวิต…
กรุงเทพฯ (29 พฤศจิกายน 2567) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดยกลุ่มงานธุรกรรมการเงิน (Transaction Banking Group) ตอกย้ำการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาค ที่มุ่งเป็นพันธมิตรในการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ผ่านบทบาทความเป็น Trade Advisory ที่ปรึกษาด้านธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ สนับสนุนลูกค้าในทุกก้าว ด้วยทีมงานที่มากประสบการณ์และมีความเข้าใจในธุรกิจ โดยผสานความร่วมมือกับ MUFG หนึ่งในกลุ่มการเงินชั้นนำระดับโลก ให้การชำระเงินระหว่างประเทศรวดเร็ว สะดวก และง่ายขึ้น รวมถึงยกระดับบริการ Trade Services แบบครบวงจร ครอบคลุมทุกมิติความต้องการของธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และเร่งเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการเงินใหม่ๆ เพื่อตอบสนองธุรกิจนำเข้าและส่งออกให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง คุณนิลวรรณ จีระบุญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกรรมการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีให้ความสำคัญกับการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมให้คำปรึกษากับลูกค้า เราไม่เพียงมอบบริการทางการเงิน แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะติดอาวุธให้กับลูกค้า ด้วยการให้คำปรึกษาแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ การจัดการกับความท้าทายที่ลูกค้าอาจพบเจอ อาทิ เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน สกุลเงิน การโอนเงินและรับเงินจากคู่ค้าปลายทาง และการนำเสนอโอกาสใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงในตลาดต่างประเทศ” กรุงศรี Trade Advisory จึงถูกนำมาใช้เป็นแนวคิดหลักในการผลักดันและเข้ามาช่วยสนับสนุนลูกค้าธุรกิจทุกขนาด ครอบคลุมทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ไปจนถึง SME โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจนำเข้าและส่งออกสินค้าจากต่างประเทศ ให้สามารถขยายตัวและแข่งขันในระดับภูมิภาคและทั่วโลกได้ นอกจากกรุงศรีจะมุ่งมั่นให้บริการการค้าระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกความต้องการทางธุรกิจ ตั้งแต่การให้คำปรึกษาทางการเงิน การสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม การบริหารจัดการความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ไปจนถึงการเข้าถึงสินเชื่อพิเศษที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แล้ว กรุงศรียังพร้อมเป็นที่ปรึกษา เป็นพันธมิตรที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจการค้าต่างประเทศของลูกค้าในทุกด้านผ่านกลยุทธ์ความแข็งแกร่งทั้ง 5 ด้านของกรุงศรีนั่นคือ 1) เครือข่ายระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยความร่วมมือจาก MUFG และธนาคารพันธมิตรทั่วโลก 2) ทีมผู้เชี่ยวชาญ ที่คอยดูแลและให้คำปรึกษาแนะนำในการทำธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ 3)ต่อยอดบริการทางการเงินดิจิทัล เพิ่มความคล่องตัวให้ลูกค้า เช่น บริการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบเรียลไทม์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 4) นำเสนอบริการที่ช่วยบริหารจัดการความเสี่ยง อาทิ ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และ 5) เข้าถึงข้อมูลสำคัญและเทรนด์ใหม่ๆ เช่น จัดกิจกรรมสัมมนาอัพเดทความรู้การเงินระดับโลก เป็นต้น จากความตั้งใจที่จะเดินเคียงคู่ไปกับลูกค้าผ่านแนวคิด Trade Advisory สร้างความประทับใจให้กับบริษัท…
บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ประเมินแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/67 ไปได้สวย ชูประกันภัยต่อ Personal Accident and Health-Cyber-D&O-EV ดาวเด่น เดินหน้าพัฒนาประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ร่วมกับบริษัทประกันภัยชั้นนำ โดยนำเทคโนโลยีมาประมวลผลข้อมูล วิเคราะห์ความเสี่ยง พร้อมขยายเครือข่ายลูกค้า สร้างพันธมิตรใหม่ ขณะที่ บริษัทร่วมทุน อัลฟ่าเซคฯ และ อาร์สแควร์ฯ ลุยเจรจาลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตโดดเด่น นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 4/2567 ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากบริษัทฯ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ เช่น การประมวลผลข้อมูล การวิเคราะห์ความเสี่ยง ที่สามารถนำเสนอบริการและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจประกันภัยต่อ “เรามั่นใจว่า ในไตรมาส 4 ปีนี้ TQR จะสามารถทำผลงานออกมาได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่อร่วมกับบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) (TQM) และบริษัทประกันภัยชั้นนำ ทั้ง ประกันภัยต่อสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident and Health),ประกันภัยไซเบอร์ (Cyber), ประกันภัยความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร (Directors and Officers), ประกันภัยต่อการก่อการร้ายและภัยทางการเมือง (Political Violence), ประกันภัยที่อยู่อาศัย รวมทั้ง ประกันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นช่วง High Season ที่ผู้บริโภคมีการทำประกัน เพื่อนำไปใช้ในการลดหย่อนภาษี หรือเป็นรอบอายุของการทำประกัน จึงส่งผลต่อการทำประกันภัยต่อของบริษัทประกันภัยเพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง จึงเชื่อมั่นว่า การดำเนินธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้พร้อมกับการปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์ จะส่งผลให้ผลงานในปีนี้เติบโตได้อย่างแน่นอน” นายชนะพันธุ์กล่าว นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท…
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของไตรมาส 4 ภาพรวมการลงทุนถือว่ายังมีความท้าทายอยู่จากทั้งรื่องของความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางหลักทั่วโลกว่าจะเป็นแนวโน้มการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องต่อไปตามที่ตลาดคาดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดหุ้นยังคงมีความน่าสนใจโดยได้รับแรงหนุนจากการประกาศงบของไตรมาสที่ 3/24 โดยเฉพาะงบของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังมียอดขายและกำไรเติบโตได้ดีกว่าที่คาดเล็กน้อย รวมถึงนโยบายทางการเงินจาก Fed ที่มีการลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพฤศจิกายน 2567 (ที่มาของข้อมูล: สำนักข่าวรอยเตอร์ ณ 8 พ.ย. 2567) ซึ่งคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีในเดือนธันวาคม ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินโดยรวมลดลง แต่ยังคงถูกกดดันจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นระยะๆ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยโดยภาพรวมเราคาดว่าตลาดน่าจะได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านการคลังในช่วงปลายปี รวมถึงในส่วนของเงินจาก Tax saving fund ที่โดยมากมักจะเข้าในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบาย จากทางสหรัฐหลังทรัมป์ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งซึ่งผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นแต่ละประเด็นที่ต้องติดตามคือ 1. มาตรการทางด้านภาษี โดยที่ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะขยายเวลาแคมเปญ TCJA หรือ Tax Cut And Jobs Act ที่ประกาศใช้ในปี 2017 ออกไป ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะหมดอายุในปี 2025 ขณะที่ในแง่ของภาษีนิติบุคคล ทรัมป์มีโอกาสที่จะให้ลดภาษีลงอีกจาก 21% ไปที่ 15% อย่างไรก็ตามการลดอัตราภาษีจะหมายถึงรายได้ภาครัฐที่ลดลงซึ่งทรัมป์ตั้งเป้าจะมีรายได้ชดเชยจากการเก็บภาษีนำเข้าจากทั่วโลก ซึ่งคาดว่านโยบายภาษีของทรัมป์อาจช่วยกระตุ้นการเติบโตของ GDP ในระยะสั้นๆ และทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นในอนาคต รวมถึงจะทำให้ความไม่เท่าเทียมกันรุนแรงมากขึ้น ทางทรัมป์มีนโยบายกีดกันผู้อพยพโดยผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการลดจำนวนผู้อพยพและการเนรเทศผู้อพยพที่ไม่ได้รับอนุญาตจะทำให้ GDP สหรัฐฯลดลงและเกิดภาวะเงินฝืดในระยะกลางเนื่องจากการลดจำนวนประชากรจะทำให้อุปทานแรงงานลดลงรวมถึงอุปสงค์ในประเทศลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตามผลกระทบจากนโยบายกีดกันผู้อพยพจะมีความแตกต่างกันไปตามความเข้มงวดของนโยบาย และ 3.นโยบายการขึ้นภาษีศุลกากรเป็นนโยบายหลักในการหาเสียงของทรัมป์ โดยเขาได้เสนอให้กำหนดภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10%-20% สำหรับสินค้าที่นำเข้าทั้งหมด และ 60% สำหรับสินค้าจากจีน อย่างไรก็ตามการขึ้นภาษีศุลกากรเป็นความพยายามที่ทุกฝ่ายต่างเสียเปรียบ ในสถานการณ์ที่มีสินค้าทดแทนน้อย ผู้ส่งออกก็มีแนวโน้มที่จะลดราคาน้อยลง ดังนั้นผู้บริโภคของสหรัฐฯจึงต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าที่ราคาแพงมากขึ้น และทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้น้อยลงและช้าลง นอกจากนี้เองหากการกีดกันทางการค้าเกิดขึ้นจริงตามที่ทรัมป์เสนอ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จะมีแนวโน้มสูงขึ้นและส่งผลให้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกผันผวนมากขึ้นตามไปด้วย สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ นายยิ่งยง กล่าวว่า แนะนำเน้นลงทุนปยังหุ้นกลุ่ม Quality มากขึ้น รวมถึงหุ้นที่มีกระแสะเงินสดสูงเพื่อรองรับกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่ตราสารหนี้ควรเน้นตราสารหนี้คุณภาพที่มี Yield ที่น่าสนใจและ…