ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศรายชื่อหุ้นยั่งยืนประจำปี 2567 หรือ SET ESG Ratings 2024 โดย บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ “TLI” ได้รับการจัดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings 2024 ในระดับ “A” ตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยประกันชีวิต ในการเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) การได้รับการจัดอันดับดังกล่าว สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทในด้านความยั่งยืน หรือ ESG ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานที่เป็นเลิศทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาธิบาล ทั้งยังสะท้อนถึงการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมประกันภัยและประกันชีวิต และมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม นอกจากนี้ ในปี 2567 ไทยประกันชีวิต ยังได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้เข้าอยู่ในทำเนียบของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และได้รับการประเมินให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการอยู่ในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (ปี 2566- 2567) อีกด้วย ไทยประกันชีวิต ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน ที่ส่งมอบคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสีย” จึงให้ความสำคัญกับกรอบและกลยุทธ์การดำเนินงานด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน 3 มิติ “TLI” คือ 1) Trusted Partner ตอบโจทย์ทุกความไว้วางใจ: สะท้อนมิติเศรษฐกิจ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบทุกความต้องการภายใต้พื้นฐานธรรมาภิบาลที่ดี 2) Life Inclusion เชื่อมประสบการณ์สู่โอกาส: สะท้อนมิติสังคม ด้วยการสร้างโอกาสแห่งการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และการให้ความรู้ทางการเงินและการประกันชีวิตให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และ 3) Infinite World พร้อมส่งต่อโลกที่ดีกว่า: สะท้อนมิติสิ่งแวดล้อม ด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่การใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตสำหรับคนรุ่นต่อไป
Author: staff
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนางสาวปวีณา จูชวน (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ปีที่ 22 ประจำปี 2567 จากศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย (กลาง) องคมนตรีโดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล (ซ้าย) ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติในงานประกาศเกียรติคุณจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ประจำปี 2567 (The Thai Chamber of Commerce Business Ethics Standard Test Awards: TCC Best Award 2024) ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 กรุงเทพประกันภัยได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย ซึ่งบริษัทฯ ได้รับรางวัลดังกล่าวต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ในฐานะเป็นองค์กรที่บริหารธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณตามหลักจรรยาบรรณของหอการค้าไทย แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และการบริหารงานของบริษัทฯ ที่มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ ยึดมั่นหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต และมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
นายพิจารณ์ วิริยะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารปราสาทสัจธรรม ดำเนินการจัดงาน “พิธี 5 ศาสนา ถวายพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” ประจำปี 2567 โดยมี บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นเจ้าภาพการจัดงานในครั้งนี้ พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนพิธีบรรพชาสามเณร จำนวน 335 รูป รวมเป็นเงิน 300,000 บาท ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์และสามเณร และจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่นาคสามเณรซึ่งลาสิกขาแล้ว พร้อมนำกลุ่มวิริยะจิตอาสา ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และตั้งโรงทานเพื่อบริการอาหารคาวหวานแก่ประชาชนที่เข้าร่วมงาน ณ ปราสาทสัจธรรม ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี สำหรับ “พิธี 5 ศาสนา” ปราสาทสัจธรรม พัทยา ร่วมกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชลบุรี ผู้นำทางศาสนา (พุทธ,คริสต์,พราหมณ์-ฮินดู, ซิกข์ และอิสลาม) หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมใจจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงทุ่มเทพระวรกาย บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ และทรงอุปถัมภ์ค้ำจุนทุกศาสนาทั้งปวง ด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียม เพื่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า โดยภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธี ทางคณะผู้จัดงานได้มีการร่วมสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ มอบให้กับโรงพยาบาลบางละมุง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพต่อไป
ท่ามกลางวิกฤตสงครามการค้า – จับตาเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอีกครั้ง 18 ธ.ค.67 – TISCO ESU ฟันธง!! เศรษฐกิจโลกปี 2568 ขยายตัว 3.2% แรงหนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าคาด จับตานโยบายกีดกันทางการค้าตัวแปรสำคัญกำหนดทิศเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดเติบโต 3.0% แรงหนุนจากรายจ่ายและการลงทุนภาครัฐ – เอกชนที่กลับมา การท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายขึ้น ด้านราคาน้ำมันคาดไม่ปรับลงแรงตามที่ตลาดกังวล ชี้ “หุ้น” ยังเป็นสินทรัพย์น่าสนใจลงทุนแม้ผันผวนมากกว่าปี 2567 โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯ ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และกลุ่มสถาบันการเงิน (Financials) รวมถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจเร่งตัวขึ้น นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) (Mr. Methas Rattanasorn, Economist, TISCO Economic Strategy Unit) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่มีความเสี่ยงที่จะโน้มไปทางด้านต่ำ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ระดับ 3.2% โดยมีปัจจัยบวกมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด (Exceptionalism) อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ สถานการณ์สงครามที่ยังไม่คลี่คลายทั้งในตะวันออกกลาง และรัสเซีย – ยูเครน ซึ่งจะสร้างความไม่แน่นอนแก่ราคาพลังงานและเงินเฟ้อ รวมถึงทิศทางของนโยบายการเงินโลก นอกจากนี้ ในหลายประเทศที่รัฐบาลมีภาระหนี้สินในระดับสูง อาจหันมาลดการขาดดุลงบประมาณลง ซึ่งจะส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินได้ ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว (Advanced Economy) ส่วนใหญ่จะชะลอตัวลงจากประมาณการเดิม เช่นเดียวกับเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market) ที่มีแนวโน้มชะลอลงจากหลายปัจจัย อาทิ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่กระทบต่อผลผลิต และความขัดแย้งภายในประเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ดี อุปสงค์ต่อสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ที่ฟื้นตัวตามกระแสการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence; AI) จะหนุนให้เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในแถบเอเชีย (Emerging and Developing Asia) ขยายตัวได้ต่อเนื่องตามการผลิตและการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง โอกาสและความท้าทายเศรษฐกิจไทย ในสมรภูมิชิงความเป็นใหญ่ระหว่างมหาอำนาจ ด้านเศรษฐกิจไทย ในปี 2568 TISCO ESU…
กรุงเทพฯ (18 ธันวาคม 2567) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) จัดงานสัมมนา “Data Center Opportunities in Thailand 2024” สำหรับลูกค้าธุรกิจและนักลงทุน อัปเดตเทรนด์และโอกาสด้านการลงทุนในธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย โดยได้ระดมผู้เชี่ยวชาญจากกรุงศรี และ MUFG ผู้ทรงคุณวุฒิของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ และแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจและการลงทุน อันจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการพัฒนาอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก พร้อมผลักดันประเทศไทยขึ้นแท่นการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอาเซียน งานสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ นายบุนเซอิ โอคุโบะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ (JPC/MNC Banking) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนในธุรกิจศูนย์ข้อมูล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย การเติบโตของการลงทุนในธุรกิจศูนย์ข้อมูลอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน ด้วยเล็งเห็นโอกาสอันสำคัญนี้ กรุงศรีจึงได้จัดงานสัมมนา “Data Center Opportunities in Thailand 2024” นี้ขึ้น เพื่อเป็นเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและมุมมองอันมีคุณค่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและนักลงทุนในการสร้างเครือข่ายและพัฒนาธุรกิจศูนย์ ข้อมูลให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน กรุงศรี และ MUFG ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เรามุ่งมั่นและพร้อมที่จะให้การสนับสนุนลูกค้าธุรกิจด้วยโซลูชันและการให้คำปรึกษาด้านการเงินที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน และใช้ความเชี่ยวชาญทั้งในประเทศและเครือข่ายระดับโลกที่แข็งแกร่ง เชื่อมโยงลูกค้ากับเครือข่าย MUFG เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง” การสัมมนาครั้งนี้ เริ่มด้วยการกล่าวถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลในระดับโลก และมุมมองอนาคตของอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย โดย นายศิวภูมิ จันทา, Senior Consultant, MU Research and Consulting (Thailand) ซึ่งเปิดเผยว่า “ประเทศไทยได้กลายมาเป็นผู้เล่นที่สำคัญในตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของภูมิภาคอาเซียน ด้วยมูลค่าการเติบโตที่ 24% หรือ 50 ล้านบาทของตลาดโดยรวม โดยคาดการณ์ว่าตลาดดาต้าเซ็นเตอร์จะโตได้ถึง…
สิงห์ เอสเตท ประกาศอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วยหุ้นกู้อายุ 2 ปี และ 3 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 4.50% และ 5.00% ต่อปีตามลำดับ โดยจะเสนอขายต่อผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 7 – 9 ม.ค. 2568 ด้านสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายมั่นใจหุ้นกู้ดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ระบุมั่นใจในแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดทั้งในและต่างประเทศ กรุงเทพฯ 18 ธันวาคม 2567 – บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนระดับสากล กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% ต่อปี โดยหุ้นกู้ดังกล่าวกำหนดชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน โดย “สิงห์ เอสเตท” จะเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ระหว่างวันที่ 7 – 9 มกราคม 2568 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ที่ระดับ “BBB” ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม…
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จัดสัมมนา ttb I Executive Morning Briefing หัวข้อ “Economic Outlook and Global Market Movement 2025” เชิญสภาพัฒน์ ร่วมอัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก พร้อมแชร์มุมมองด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงการทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางให้ลูกค้าธุรกิจปรับกลยุทธ์วางแผนธุรกิจเตรียมพร้อมรับมือความท้าทายในปี 2568 นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบีได้จัดงานสัมมนา ttb I Executive Morning Briefing ภายใต้หัวข้อ“Economic Outlook and Global Market Movement 2025” ให้แก่ลูกค้าธุรกิจ เพื่ออัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ความท้าทายสำคัญและแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต รวมถึงวิธีการบริหารความเสี่ยงเพื่อรับมือกับความผันผวนต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าธุรกิจในการวางแผนธุรกิจทั้งในปีนี้และในปี 2568 โดยทีทีบีพร้อมเป็นพันธมิตรที่ช่วยผลักดันให้ลูกค้าธุรกิจ เตรียมพร้อมรับมือและปรับกลยุทธ์เชิงรุกในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตในสมรภูมิการค้าโลกได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ดร.อานันท์ชนก สกนธวัฒน์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์ และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2567 อยู่ที่ 2.9% และในปี 2568 จะเติบโตอยู่ที่ 3.3% โดยเศรษฐกิจประเทศมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและจีนชะลอตัวลง ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2568 คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การลดดอกเบี้ยของ FED ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่กลับมาเป็นบวกมากขึ้น รายรับจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และผลที่จะเกิดจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ราคาน้ำมันดิบ รวมถึงปัจจัยภายในประเทศ ที่อาจส่งผลต่อค่าเงินบาทที่ผันผวนในระยะสั้น ซึ่งต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 ยังอยู่ในระดับต่ำ คาดการณ์ว่า GDP ในปี 2567 จะอยู่ที่ 2.3-2.8% และแนวโน้ม GDP ในปี 2568 จะอยู่ที่ 2.5-3.5% โดยการขับเคลื่อนมาจาก 4 ปัจจัยสนับสนุน…
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้บริหารสายกลยุทธการตลาดและบริหารจัดการลูกค้า พร้อมด้วย นายนรินทร์ เอกวงศ์วิริยะ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร จัดกิจกรรม Bangkok Life Happy Movie Day เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิก BLA Happy Life Club โดยเชิญชวนร่วมชมภาพยนตร์ Moana 2 แอนิเมชันชื่อดังจากดิสนีย์ ช่วงเทศกาลวันพ่อ พร้อมกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย ณ โรงภาพยนตร์ไอแมกซ์ เลเซอร์ ควอเทียร์ ซีเนอาร์ต เอ็มควอเทียร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ กิจกรรมดูหนังร่วมกันในครอบครัวเป็นกิจกรรมที่กรุงเทพประกันชีวิต ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อขอบคุณลูกค้าที่มอบความไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตดูแล ด้วยการส่งมอบความสุขให้ทุกคนในครอบครัว ซึ่งนอกจากจะได้ใช้เวลาร่วมกันแล้ว ยังเสริมสร้างจินตนาการ และการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ผ่านเรื่องราวการเดินทางผจญภัยครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมของ Moana โดยในวันดังกล่าวมีลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ประกันชีวิตที่ดูแลเรื่องความมั่นคงทางการเงิน รวมถึงใส่ใจ ส่งมอบความสุขให้ลูกค้าได้ในทุก ๆ วัน โดยจะมีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมายที่จะมอบให้ลูกค้าคนสำคัญตลอดปี 2568
ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพาย ประจำปี 2567 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 นั้น นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ประจำปี 2567 ชั้นสายสะพาย ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2567 ชั้นสายสะพาย ชั้นปฐมดิเรกคุณาภรณ์ (ป.ภ.) เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดโดยสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) โดยมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและข้าราชการเข้าร่วมในพิธี ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ นายชัย โสภณพนิช ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นเกียรติประวัติสูงสุดนี้ในฐานะบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ โดยให้การส่งเสริมและสนับสนุนทั้งด้านการศึกษา ศาสนา สังคม และสาธารณชนมาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นความปลื้มปีติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ประกาศแต่งตั้ง ณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย (คุณเคเค) ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะรายงานตรงต่อคุณแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอกซ่า ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 และขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบต่างๆ ทั้งนี้ เคเค ถือเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนไทยคนแรกของบริษัทฯ ซึ่งมีค่านิยมส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแอกซ่า ที่มุ่งเน้นการมีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับการลงมือปฏิบัติและเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงออกถึงวัฒนธรรม Care & Dare ตลอดจนถ่ายทอดให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม มีความเข้าใจในวัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถช่วยผลักดันธุรกิจในประเทศไทย และในภูมิภาคให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ตลอดจนสร้างการเติบโตของบริษัทฯ อย่างยั่งยืน ซึ่งบริษัทฯ เป็นบริษัทฯ สำคัญของการตลาดที่แข็งแกร่งของกลุ่มแอกซ่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มแอกซ่า สำหรับปี 2024-2026 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Unlock the Future” ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากกลุ่มแอกซ่าในการขับเคลื่อน และการเติบโตที่สูงมากขึ้น ผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทฯ โดยคุณเคเคจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สาขาบริหารธุรกิจ และระดับปริญญาโทในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างภาควิชาบริหารธุรกิจของ Hong Kong University of Science and Technology (HKUST) และ New York University (NYU) Stern School of Business ตลอดจนได้จบหลักสูตรผู้บริหารจาก Singularity University ในรัฐแคลิฟอร์เนีย