Author: staff

เดอะวิสดอมกสิกรไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจบริการลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง มอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมขยายกลยุทธ์สู่กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง ตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป เปิดตัวสิทธิพิเศษใหม่ด้วยแนวคิด “UP & MORE PERSONALIZED”* เลือกได้มากกว่า เป็นตัวเองได้มากขึ้น โดยลูกค้าสามารถเลือกแพ็กเกจสิทธิพิเศษที่ชื่นชอบตรงกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ทำให้ได้ใช้สิทธิพิเศษที่มีอยู่ในแพ็กเกจได้อย่างเต็มที่ และร่วมกับ K WEALTH ศูนย์รวมความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการเงิน การลงทุนและประกัน จากธนาคารกสิกรไทย ยกระดับการดูแลพิเศษด้านการลงทุนอย่างเข้มข้น มุ่งเสริมเสถียรภาพพอร์ตของลูกค้าท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวน นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในปีนี้ เดอะวิสดอมกสิกรไทย มุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตผ่านลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูง เร่งขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัด พร้อมออกแบบสิทธิพิเศษด้วยแนวคิด “UP & MORE PERSONALIZED”* เลือกได้มากกว่า เป็นตัวเองได้มากขึ้น ทั้งด้านการเงิน การลงทุน และไลฟ์สไตล์ ที่เพิ่มคุณค่าประสบการณ์และมอบเอกสิทธิ์ต่างๆ ตามระดับความมั่งคั่ง ตรงกับความต้องการและตอบโจทย์ตามไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบของลูกค้าที่แตกต่างกันใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านเดินทางท่องเที่ยว ด้านการใช้ชีวิต ด้านสุขภาพ ด้านสิทธิพิเศษที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังขยายกลยุทธ์สู่การดูแลลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งทุกระดับ โดยยังคงให้ความสำคัญกับฐานลูกค้าหลักที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป และได้เพิ่มเอกสิทธิ์ใหม่ที่เป็นไลฟ์สไตล์เทรนด์ พิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งสูงที่มีเงินลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาท 50 ล้านบาท และ 150 ล้านบาทขึ้นไป เช่น ที่พักในโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล หรือโรงแรมสยาม เคมปินสกี้ บริการตรวจสุขภาพระดับพรีเมียมสำหรับตัวเองและคนในครอบครัวพร้อมรถรับส่ง “สิทธิพิเศษใหม่ในคอนเซปต์ “UP & MORE PERSONALIZED” มีให้เลือก 4 แพ็กเกจตามไลฟ์สไตล์ 4 ด้านของลูกค้า โดยลูกค้าเลือกได้ 1 แพ็กเกจ ได้แก่ 1) JOYFUL TRAVELER แพ็กเกจสำหรับลูกค้าที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยว และต้องการสิทธิพิเศษที่ช่วยอำนวยความสะดวก เช่น Priority PassTM Airport Lounge ณ…

Read More

ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับ สมาคมไทย-ญี่ปุ่น (TJA) และหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ จัดงานสัมมนา “Strengthening Thailand-Japan Cooperation on the Face of Renewed Trade Tensions” เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่นได้ยกระดับความร่วมมือในการเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการสนับสนุนธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทยตลอดจนแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจ ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า บริษัทญี่ปุ่นมีศักยภาพในการขยายการลงทุนและสร้างการเติบโตในหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้นักลงทุนและธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทยกำลังเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายที่สำคัญ โดยธนาคารกสิกรไทยพร้อมสนับสนุนภาคธุรกิจไทยและญี่ปุ่น ในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ผ่านบริการทางการเงินที่หลากหลาย การให้คำปรึกษา รวมทั้งการเชื่อมต่อภูมิภาค AEC+3 นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ท่ามกลางความผันผวนของภูมิทัศน์การค้าโลก ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของการร่วมมือกัน ด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือในภาคส่วนที่มีความสำคัญ อาทิ เทคโนโลยี ความยั่งยืน และภาคการผลิต เราสามารถยกระดับสถานะของเราบนเวทีโลกและสร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จในอนาคต ด้วยการเปิดการเจรจา การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในภาคการผลิต ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา การลงทุนสะสมจากญี่ปุ่นมายังประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 40% ของการลงทุนโดยตรง (FDI) จากต่างประเทศทั้งหมดในประเทศไทยซึ่งความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและไทยเป็นรากฐานสำคัญในการเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการค้าโลก ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้ารอบใหม่ “อเมริกามาก่อน” (America First) ไทยและญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลประทบ เนื่องจากเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน Global Minimum Tax กำลังบั่นทอนประสิทธิภาพของผลประโยชน์ประโยชน์ทางภาษี ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก โดยจีนกลายเป็นผู้นำการส่งออกรถยนต์ของโลก ซึ่งส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมนี้ ดังนั้นในสถานการณ์นี้การกระชับความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่นจึงมีความสำคัญยิ่ง ในด้านนโยบายและแผนรับมือกับสงครามการค้ารอบใหม่ รัฐบาลไทยตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนจากญี่ปุ่นในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ของเอเชีย รัฐบาลเข้าใจความต้องการของภาคธุรกิจญี่ปุ่นและพร้อมช่วยแก้ไขปัญหาที่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ ไทยและญี่ปุ่นสามารถร่วมกันฝ่าฟันความท้าทายจากความตึงเครียดทางการค้าและความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วยการสร้างระบบเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น เน้นนวัตกรรม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น นโยบายสำคัญของรัฐบาลประกอบด้วย การลดภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ไฮบริด การส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ การสนับสนุนธุรกิจดิจิทัลและธุรกิจที่ยั่งยืน การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเพื่อปกป้องผู้ผลิตในประเทศ การอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ มาตรการลดมลพิษทางอากาศ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งขยายความร่วมมือทางการค้าผ่านข้อตกลงการค้าเสรี (FTAs) กับประเทศต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการค้าและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการใช้ไทยเป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์ของอาเซียนสำหรับธุรกิจญี่ปุ่น นอกจากนี้แล้ว การฟื้นฟูการบริโภคภายในประเทศและการวางกลยุทธ์ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะการจัดการกับการไหลเข้าของสินค้าจีนในระยะสั้น ในระยะกลางถึงยาว รัฐบาลต้องยกระดับอุตสาหกรรมไทย…

Read More

นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% เหลือ 2.00% ต่อปี นั้น ธนาคารพร้อมตอบสนองต่อมาตรการดังกล่าวด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าทุกกลุ่มสูงสุด 0.25% เพื่อตอกย้ำความตั้งใจของธนาคารในการดูแลและช่วยเหลือลูกค้าบรรเทาภาระหนี้ ลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อสำหรับภาคธุรกิจ และภาคครัวเรือน นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของธนาคารในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งยังคงเผชิญกับความท้าทายและมีแนวโน้มขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ทั้งจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น รวมถึงนโยบายการค้าที่มีความไม่แน่นอน ตลอดจนเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการเสริมสร้างกำลังซื้อของประชาชน เพิ่มสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีผลวันที่ 4 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป รายละเอียด ดังนี้ · อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.25% จาก 7.34% เป็น 7.09% ต่อปี · อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดจาก 7.15% เป็น 7.05% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดจาก 7.18% เป็น 7.08% ต่อปี ธนาคารกสิกรไทยยังคงพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความเหมาะสมเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับมือและบริหารจัดการภาระหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถดำเนินการติดต่อผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคารได้ทุกช่องทาง

Read More

ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการปี 2567 โชว์กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 11,682 ล้านบาท เติบโตมากถึง 20.4% ผลจากกำไรจากการรับประกันภัยที่มีเสถียรภาพ ควบคู่กำไรจากการลงทุนเติบโต โดยมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 7,336 ล้านบาท และมีอัตรากำไรของธุรกิจใหม่อยู่ที่ 60.8% ทั้งนี้มูลค่าพื้นฐานของกิจการเติบโตอีก 12.6% ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 180,773 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.8 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติให้จ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.5 บาทต่อหุ้น นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 11,682 ล้านบาท หรือเติบโต 20.4% จากปีก่อนหน้า โดยกำไรจากการรับประกันภัยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2566 แม้ว่าภาพรวมสินไหมค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ เน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความคุ้มครอง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างความยั่งยืนของกำไรจากการรับประกันภัย ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังมีกำไรจากการลงทุนเติบโตขึ้นถึง 119.7% เป็นผลจากสภาวะตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น และการปรับพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ ให้สอดคล้องกลยุทธ์และมาตรฐานรายงานทางการเงินใหม่ที่เริ่มบังคับใช้ในปี 2568 ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 สินทรัพย์ลงทุนของบริษัทฯ มากกว่า 80% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมด เป็นสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ ขณะที่มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (Value of New Business : VONB) ในปี 2567 อยู่ที่ 7,336 ล้านบาท โดยอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB Margin) มีอัตรา 60.8% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 87,854 ล้านบาท นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานของกิจการ…

Read More

ทีทีบี สานต่อพันธกิจช่วยคนไทยเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ไวขึ้น จับมือ ออริจิ้น เวอร์ติเคิล ผู้นำตลาดคอนโด เพ็ท เฟรนด์ลี่ ยกทัพ 17 โครงการคุณภาพ มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อคอนโด เพ็ท เฟรนด์ลี่ และสมัครสินเชื่อบ้าน ทีทีบี ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 1.90% ต่อปี และรับเพิ่มบัตรกำนัลโฮมโปร ล้านละ 1,000 บาท สูงสุด 50,000 บาท เมื่อจดจำนองภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 นางสาวสุพรรณิการ์ ธรรมนิทัศนา (ขวา) หัวหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อมีหลักประกันและจัดหาลูกค้าใหม่ ทีเอ็มบีธนชาต และ นายอภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL ในเครือ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ร่วมสานฝันกลุ่ม Gen Y และ Gen Z รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่นิยมเลี้ยงสัตว์ในที่อยู่อาศัย ให้ได้เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียม เพ็ท เฟรนด์ลี่ โครงการคุณภาพ รวมกว่า 17 โครงการจาก ออริจิ้น เวอร์ติเคิล ได้ไวขึ้น โดย สินเชื่อบ้าน ทีทีบี มอบโปรโมชันพิเศษ อัตราดอกเบี้ย 1.90% ต่อปี นาน 1 ปีแรก และรับเพิ่มบัตรกำนัลโฮมโปร ล้านละ 1,000 บาท สูงสุด 50,000 บาท พร้อมรับฟรี ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยตลอดอายุสัญญา และ ทางเลือกฟรีค่าจดจำนอง รวมถึงสามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 35 ปี โดยโปรพิเศษนี้ สำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อภายในวันที่ 31 มีนาคม…

Read More

Liberty Mutual Insurance ได้ตกลงขายธุรกิจในประเทศไทยและเวียดนามให้กับ Chubb Limited โดยที่รายละเอียดเงื่อนไขการทำธุรกรรมไม่ได้รับการเปิดเผย คาดว่าการขายในประเทศไทยจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่สองของปี 2568 และในเวียดนามจะแล้วเสร็จในปี 2569 โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการซื้อขายและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบต่างๆ การขายนี้รวมถึง บริษัท LMG Insurance Public Company Limited (LMG Insurance ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยรถยนต์และประกันวินาศภัยท็อปเทนในประเทศไทย และ Liberty Insurance Limited ซึ่งบริษัทประกันภัยรถยนต์ต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ส่วนใหญ่ของเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ของทั้งสองตลาดมาจากประกันภัยรถยนต์ และทั้งสองบริษัทยังมีผลิตภัณฑ์ประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยอื่นๆ ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายหลายช่องทาง ธุรกรรมนี้ช่วยให้ Liberty Mutual สามารถมุ่งเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคาดว่าจะเป็นตลาดประกันภัยวินาศภัยที่ใหญ่ที่สุดภายในปี 2688 บริษัทจะยังคงดำเนินกลยุทธ์ในการใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้ต่อไปผ่านการดำเนินงานที่เหลืออยู่ในประเทศออสเตรเลีย จีน มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ และอินเดีย “ประเทศไทยและเวียดนามเป็นธุรกิจที่มีประสิทธิภาพสูงและมีศักยภาพที่ดี และธุรกรรมนี้ทำให้ธุรกิจเหล่านี้เข้ากับองค์กรที่มีกลยุทธ์และความมุ่งมั่นในการลงทุนพัฒนาตลาดเหล่านี้” ทิม สวีนี ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Liberty Mutual กล่าวขอบคุณทีมงาน Liberty Mutual ที่ทุ่มเทให้กับการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โบรกเกอร์ และพันธมิตรในตลาดเหล่านี้ สำหรับการซื้อขายในครั้งนี้มี Goldman Sachs ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ Baker McKenzie ในประเทศไทย และ Baker & McKenzie ในเวียดนามทำหน้าที่ให้คำแนะนำทางกฎหมายแก่ Liberty Mutual สำหรับ Liberty Mutual Insurance ทำธุรกิจในไทยภายใต้ชื่อ บริษัท แอลเอ็มจีประกันภัย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2455 และมีสำนักงานใหญ่ในบอสตัน ปัจจุบันเป็นบริษัทประกันภัยวินาศภัยรายใหญ่อันดับแปดของโลก ถ้าดูจากเบี้ยประกันภัยรับรวมในปี 2566 อยู่ในอันดับที่ 87 ในรายชื่อบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 อันดับแรกของสหรัฐอเมริกา โดยมีรายได้รวมประจำปี 4.94 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

Read More

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นประธานจัดงาน AF x LH KICK OFF 2025 ภายในธีม DRIVING ACTION TO CELEBRATE HAPPINESS AND SUCCESS ก้าวข้ามทุกขีดจำกัดเพื่อความสำเร็จ และความสุขไปด้วยกัน ของสายงานขายและการตลาด ช่องทางพันธมิตรทางธุรกิจ (AF) และ สายงานขายและการตลาด ช่องทาง LH Bank (LH) เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ความเชื่อมั่น และผนึกกำลังในการขับเคลื่อนอย่างไม่มีขีดจำกัด เติมเต็มพลังแห่งการเติบโตสู่เป้าหมายอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานปี 2568 โดยมีนายไพฑูรย์ ไกรอมร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นางสาวอุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง รองกรรมการผู้จัดการ นายแพทย์วุฒิวงศ์ สมบุญเรืองศรี รองกรรมการผู้จัดการ นางสาววรภร สุทธิเวชชะกร รองกรรมการผู้จัดการ และนางสาวชนัญทิมา ปิ่นเงิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหารและพนักงานสายงานขายและการตลาดช่องทางพันธมิตรทางธุรกิจ และ LH Bankร่วมงานด้วย ณ หอประชุมเมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่.

Read More

บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “บล.พาย” ผู้นำด้านบริการการเงินและการลงทุนแบบครบวงจร ประกาศความสำเร็จในการดำเนินงานปี 2567 พร้อมเปิดกลยุทธ์ปี 2568 มุ่งขยายบริการด้านการลงทุนที่ครอบคลุมทุกความต้องการ พร้อมสร้างประสบการณ์การลงทุนที่เข้าถึงง่ายตามแนวคิด ‘Investing, simplified’ นายณัฐพล จันทร์สิวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ร่วม) บล.พาย เปิดเผยว่า “บล.พาย ยังคงขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคง แม้ปี 2567 จะเป็นปีที่ตลาดการลงทุนประสบกับความผันผวนสูงและเผชิญกับปัจจัยกดดันหลากหลาย แต่บล.พายยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาการบริการและสร้างสรรค์นวัตกรรมการลงทุนอย่างต่อเนื่องภายใต้แบรนด์ ‘พาย’ ซึ่งทำให้เรามียอดเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นราว 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ด้วยการเป็นบริษัทหลักทรัพย์อันดับหนึ่งด้านรายได้ของ TFEX อีกทั้งยังได้เปิดตัวบริการ Pi MT4 อย่างเป็นทางการเพื่อยกระดับประสบการณ์การซื้อขายอนุพันธ์ด้วย Innovative Trading เสริมเครื่องมือให้แก่นักลงทุนพร้อมต่อยอดความมั่งคั่ง ซึ่งจากความมุ่งมั่นพัฒนาของบล.พายที่มีเสมอมา ทำให้เราสามารถคว้า 3 รางวัลทรงเกียรติจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้แก่ TFEX Agent of the Year ติดกัน 6 ปีซ้อน (2562-2567) พร้อมด้วย TFEX Best Award of Honor 2024 สาขา Active Agent ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 (2563-2567) และรางวัล TFEX Best Award 2024 สาขา Most Active House ตอกย้ำความเป็นผู้นำในวงการ TFEX ของบล.พายได้เป็นอย่างดี” “ด้าน Pi Financial แอปพลิเคชัน ที่เปิดตัวไปในปี 2567 มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 140,000 ครั้ง ซึ่งบล.พายพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถซื้อ-ขายหลักทรัพย์หลากหลายประเภทได้ครบจบในที่เดียวผ่านเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ สะท้อนการเป็นแนวหน้าของวงการการเงินดิจิทัลของ บล.พาย ส่วนธุรกิจ Pi Private Wealth ซึ่งเปิดตัวไปในปี 2567 เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่…

Read More

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คว้ารางวัล Best Brand Performance on Social Media (Bank) Finalist ประเภทธนาคาร ในงาน Thailand Social Awards ครั้งที่ 13 งานประกาศรางวัลโซเชียลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่จัดขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการเชิดชูแบรนด์ องค์กร และบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่มีมาตรฐาน โปร่งใส รับผิดชอบต่อสังคม และเคารพทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมส่งเสริมการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์และยกระดับสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยรางวัลที่ ธ.ก.ส. ได้รับในครั้งนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จในการเป็นต้นแบบการนำเสนอเนื้อหาที่สร้างสรรค์ มุ่งเน้นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มีคุณค่า สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัลผ่านช่องทางที่เป็นทางการของธนาคาร ได้แก่ Facebook : ธกส BAAC Thailand, Line Official Account : @baacfamily, Instagram: @baacthailand, X : @baacthailand, TikTok : @baacthailand และ Youtube : BAAC Thailand ธ.ก.ส. มุ่งมั่นพัฒนาการสื่อสารบนสื่อสังคมออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ สร้างการมีส่วนร่วมและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนภาคเกษตรกรรมของไทยให้เติบโต และมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยใน ทุกมิติอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์การเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนต่อไป โดยมีนายพงษ์เทพ พรหมศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการข้อมูล เป็นผู้แทนธนาคารเข้ารับรางวัล พร้อมด้วยนางพรพรหม เหล่ากิจไพศาล ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร ธ.ก.ส. เข้าร่วมงาน ณ ห้อง TRUE ICONSIAM ชั้น 7 ICONSIAM เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 See insights and ads Boost All reactions: 1Banking and Insurance

Read More

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ชวนออมเงินระยะสั้นพร้อมรับผลตอบแทนสูงกับ เงินฝากออมทรัพย์พิเศษ “เงินฝากทองพันชั่ง” ฝากขั้นต่ำครั้งละ 100,000 บาท รวมฝากสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำร้อยละ 2.35 ต่อปี) รับดอกเบี้ยล่วงหน้าทันทีในวันที่ฝากเงิน ระยะเวลาฝาก 8 เดือน โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ทั้งนี้ กรณีผู้ฝากที่ถอนต้นเงินบางส่วนหรือปิดบัญชีก่อนครบกำหนดระยะเวลาฝาก 8 เดือน (ครบกำหนดแบบวันชนวัน) ธนาคารจะเรียกเก็บคืนดอกเบี้ยเงินฝากทั้งหมดของต้นเงินที่ถอน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีและฝากเงินได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รีบฝากเลยวันนี้ถึง 31 มีนาคมนี้ หรือครบการรับฝากเต็มวงเงิน! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555

Read More