อลิอันซ์ อยุธยา ตอกย้ำผู้นำในธุรกิจประกัน ให้ความคุ้มครองลูกค้าทั่วไทย พร้อมดูแลความมั่นคงทั้งกายและใจในสถานการณ์ล็อคดาวน์ แจกโค้ดสั่งอาหารและช้อปปิ้งออนไลน์กว่า 5,000 โค้ด ลูกค้าอลิอันซ์ อยุธยา สามารถเลือกรับโค้ด Lazada มูลค่า 50 บาท หรือ 1112 Delivery มูลค่า 50 บาท จำกัดสิทธิ์ ลูกค้า 1 ท่าน เลือกรับได้ 1 สิทธิ์เท่านั้น ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ก.ค. 64 หรือจนกว่าสิทธิ์จะเต็ม เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ข้อมูลเพิ่มเติม ที่ https://www.azay.co.th/th_TH/for-customer-index/promotion-activity-index/privilege-index/lockdown.html
Author: staff
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ยืนยันพร้อมดูแลลูกค้าด้วยพลังความรัก ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เรายังคงยึดมั่นคำสัญญา พร้อมดูแลลูกค้าที่มีสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ หรือ สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองชดเชยรายได้รายวัน ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ โดยให้ความคุ้มครองการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 และความคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ตามผลประโยชน์ความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ทั้งประกันสุขภาพรายเดี่ยวและรายกลุ่ม โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เมื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเครือข่ายของบริษัทไทยสมุทรกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงคุ้มครองครอบคลุมการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในโรงพยาบาลสนาม (FIELD HOSPITAL) และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (HOSPITEL) พร้อมเพิ่มความอุ่นใจอีกขั้น ด้วยความคุ้มครองเร็วขึ้น ในกรณีเจ็บป่วยจาก COVID-19 หรือได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีน COVID-19 โดยได้ปรับลดระยะเวลารอคอย (Waiting Period) จาก 30 วันเหลือ 14 วัน สำหรับลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่มีสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ หรือ สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองชดเชยรายได้รายวัน ที่มีวันเริ่มคุ้มครองภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เท่านั้น OCEAN LIFE ไทยสมุทร พร้อมเดินเคียงข้างคนไทยในทุก สถานการณ์ พร้อมจับมือพาทุกคนก้าวผ่านทุกวิกฤต สนใจติดตามเรื่องราวดี ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าจาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร ผ่านทาง OCEAN CLUB APP หรือช่องทางต่าง ๆ ทั้ง LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife และเว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 0 2207 8888
ไทยประกันชีวิต ยืนยันให้ความคุ้มครองโควิด-19 ตามเงื่อนไขสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ พร้อมมอบบริการดูแลผู้เอาประกันภัยครบรอบด้าน นายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Life Operation Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตดำเนินนโยบายมุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของชีวิต หรือ Life Solutions และในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการติดเชื้อในวงกว้าง บริษัทฯ ยังคงยืนยันมอบความคุ้มครองโรคโควิด-19 ตามเงื่อนไขสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ ทั้งในส่วนของค่ารักษาพยาบาลหรือค่าชดเชยรายได้ ในกรณีต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความคุ้มครองไปถึงการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) ซึ่งในกรณีดังกล่าวสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย สำหรับโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญา และในอนาคตหากมีการขยายแนวทางการรักษาของกระทรวงสาธารณสุขในรูปแบบอื่นๆ บริษัทฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนตามความเหมาะสมต่อไป ในช่วงเวลาที่สถานการณ์การติดเชื้อเกิดขึ้นต่อเนื่อง บริษัทฯ คำนึงถึงผู้เอาประกันภัยที่ซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพทุกประเภท ที่ยังต้องมีระยะเวลารอคอยความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วย จึงได้ลดระยะเวลารอคอยความคุ้มครองจาก 30 วัน เหลือ 14 วัน ในกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคโควิด-19 และภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน รวมถึงความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันกรณีรักษาตัวในโรงพยาบาล และการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามเกณฑ์การตรวจที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความห่วงใยผู้เอาประกันภัยท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด จึงเพิ่มบริการไทยประกันชีวิต Telemedicine สำหรับผู้เอาประกันภัยที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ผู้เอาประกันภัยที่ต้องติดตามการรักษาหลังการผ่าตัด หรือหลังเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งโรคเหล่านี้ไม่สามารถรอได้มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง จึงได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลคู่สัญญากว่า 30 แห่ง ให้บริการตรวจรักษาทางไกลผ่าน VDO Call หรือโทรศัพท์เพื่อติดตามการรักษา รวมถึงการส่งยาจากโรงพยาบาลเพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ โดยให้ความคุ้มครองตามสัญญาเช่นเดียวกับการรับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย รวมถึงผู้เอาประกันภัยสามารถรับบริการปรึกษาแพทย์จากโรงพยาบาลสมิติเวชแบบ Online ผ่าน Video Conference พร้อมสั่งการรักษาด้วย Telemedicine ผ่านแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะให้บริการสำหรับผู้เอาประกันภัยรายบุคคลที่มีประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก ซึ่งเจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไปที่มีอาการไม่รุนแรง รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องการปรึกษาหรือติดตามผลการรักษา ทั้งนี้ บริษัทฯ จะคุ้มครองค่าใช้จ่ายการให้คำปรึกษา รวมถึงค่ายาจากการเข้ารับการรักษาตามเงื่อนไขกรมธรรม์โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในสถานการณ์ปัจจุบัน หมดความกังวลด้านสุขภาพ “ไทยประกันชีวิตพร้อมดูแลทุกชีวิตในสังคม และพร้อมเคียงข้างในทุกสถานการณ์ พร้อมขอเป็นกำลังใจให้คนไทยทุกคนผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน” นายสวัสดิ์กล่าว
เคทีซี แจ้งกำไรสุทธิครึ่งปีแรกโต 20.1% เท่ากับ 3,352 ล้านบาท ส่วนของกำไรสุทธิไตรมาส 2 เท่ากับ 1,703 ล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ต่อเนื่องมาถึงระลอก 3 โดยใช้ประสบการณ์ปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การดำเนินงานโดยรวมยังผ่านไปได้ดี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวมเพิ่มขึ้น ในขณะที่ NPL อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม พร้อมเดินหน้าครึ่งปีหลังขยายธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันให้ครบวงจร รักษาฐานสมาชิกและบริหารคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากโควิด-19 ร่วมกับองค์กรการกุศลต่างๆ และขยายเวลาช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ กล่าวว่า “ภาพรวมของอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในช่วง 6 เดือนของปีนี้ยังคงเติบโต ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ ไม่แน่นอนจากการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 สำหรับภาพรวมการดำเนินงานธุรกิจของเคทีซียังผ่านไปได้ดี โดยเรียนรู้จากประสบการณ์มาเป็นเข็มทิศในการปรับแผนกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 บริษัทฯ มีการขยายตัวของลูกหนี้บัตรเครดิตเท่ากับ 10.4% (อุตสาหกรรมโต 8.6%) ทำให้เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 13.7% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีสัดส่วน 13.5% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 5.4% (อุตสาหกรรมโต 2.2%) และสัดส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 4.7%” “อย่างไรก็ดีสถานการณ์แพร่รระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องถึงระลอก 3 ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการจัดหาสมาชิกใหม่ทำได้ยากขึ้น รวมถึงการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้รวมและปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัวได้ไม่มาก เคทีซีจึงมีแผนสร้างโมเดลธุรกิจขยายตัวไปยังสินเชื่อมีหลักประกันมากขึ้น โดยได้เข้าซื้อหุ้น 75.05% ของบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2564 และภายหลังการตรวจสอบตามเงื่อนไขเสร็จสิ้นในเดือนพฤศจิกายน 2564 KTBL จะเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของเคทีซี” “สำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เคทีซีมีกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก 3,352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% และมีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 เท่ากับ 1,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.2% ซึ่งแม้ว่าบริษัทฯ จะมีรายได้รวมลดลง แต่ยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายรวมให้ต่ำลง…
อาคเนย์ประกันภัย หนึ่งในสายธุรกิจหลักด้านประกันและการเงิน ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ พร้อมดูแลลูกค้ายืนยันไม่ยกเลิกกรมธรรม์โควิด-19 ทุกประเภท เตรียมส่งผลิตภัณฑ์รับมือสถานการณ์ ตอบโจทย์ทุกความกังวลใจ ปลายเดือนกรกฎาคม 2564 นายมนตรี วงศ์ท่าเรือ กรรมการผู้จัดการบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทห่วงใยและเข้าใจคนไทยที่มีความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อาคเนย์ขอยืนยันว่าพร้อมดูแลและให้ความคุ้มครองลูกค้าทุกรายที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ทุกประเภทกับบริษัทจนครบกำหนดอายุกรมธรรม์ตามนโยบายของบริษัท ที่มุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับคนไทยและครอบครัวของทุกคน สามารถใช้ชีวิตหรือดำเนินธุรกิจได้แบบปราศจากความกังวลใจ ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ ตรงใจ เข้าถึงได้ง่าย คุ้มค่าเงิน เพื่อให้ลูกค้ามีความสุข “จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณความสนใจสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดการซื้อประกันภัยโควิด-19 ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นกรมธรรม์แบบเจอจ่ายจบ ค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยรายได้ และเงินปลอบขวัญ เข้ามาที่อาคเนย์อย่างล้นหลาม ในทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับสุขภาพและการวางแผนทางการเงินของตัวเองและคนในครอบครัว เราจึงเตรียมออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยโควิด-19 ในรูปแบบใหม่เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้” นายมนตรี กล่าว ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำประกันภัยอาคเนย์ได้ที่ศูนย์ดูแลลูกค้า โทร 1726 กด 9 , แอปพลิเคชันไลน์ Line @Southeast.th , เว็บไซต์ www.southeastinsurance.co.th และเฟซบุ๊ก อาคเนย์ Southeast https://m.facebook.com/Segsoutheastpage/
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตอกย้ำความแข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์โควิด 19 ยืนยันให้ความคุ้มครองลูกค้าทุกรายที่ถือกรมธรรม์อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิตและสุขภาพ พร้อมเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง สนับสนุนสังคมไทยให้เดินหน้าฝ่าโควิดไปด้วยกัน นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ในขณะนี้ มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเกิดความไม่มั่นใจ สำหรับ อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะผู้นำในประกันชีวิตและสุขภาพ ขอยืนยันความมั่นคงของบริษัท และยืนยันความคุ้มครองที่ลูกค้าจะได้รับจะเป็นไปตามกรมธรรม์ที่ลูกค้าถือไว้ทุกประการ บริษัทไม่มีนโยบายในการยกลิกสัญญากับลูกค้าอันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้จ่ายเคลมตามกรมธรรม์จากสถานกาณณ์โควิด 19 ไปแล้ว กว่า 2,500 เคส ยอดเคลมกว่า 157 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีมาตรการเสริมความคุ้มครองโควิด-19 รอบด้านสำหรับลูกค้า อาทิ การให้ความคุ้มครอง กรณีลูกค้าติดเชื้อและเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งครอบคลุมการรักษาทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (hospitel) ความคุ้มครองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับลูกค้าที่มีอาการและได้รับคำแนะนำจากแพทย์ การช่วยประสานงานและให้คำปรึกษาการเข้ารับการรักษา กรณีที่ลูกค้า ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโควิด-19 และ การลดระยะเวลารอคอยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองเร็วขึ้น กรณีที่ลูกค้ามีการซื้อสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพฉบับใหม่ โดย ลดระยะเวลารอคอยการเข้ารับการรักษาด้วยโรคโควิด-19 จาก 30 วันเป็น 14 วัน และสามารถใช้บริการเคลมแบบที่ลูกค้าไม่ต้องสำรองจ่ายออกไปก่อน (แฟกซ์เคลม) จากเดิม ที่จะใช้สิทธิ์ได้ต้องรอ 90 วัน ลดเหลือเพียง 30 วันก็สามารถเคลมแบบไม่ต้องสำรองจ่ายได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของรพ.คู่สัญญา และ เงื่อนไขกรมธรรม์ด้วย “ไม่ว่าสถานการณ์จะไม่แน่นอนซักเพียงใด อลิอันซ์ อยุธยา จะอยู่เคียงข้างลูกค้า พร้อมที่จะให้ความคุ้มครองตามคำมั่นสัญญาของเรา และพร้อมจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนของสังคมไทย ที่จะจับมือทุกฝ่ายก้าวผ่านสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน” นางสาวพัชรา กล่าวทิ้งท้าย
ตามที่มีข่าวว่าบริษัทประกันภัยรายหนึ่งมีหนังสือถึงผู้เอาประกันภัยแจ้งการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แบบ เจอ จ่าย จบ หรือ COVID 2 in 1 รวมทั้งมีการเผยแพร่เอกสารการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวต่อสาธารณชนนั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการติดตามข้อมูลดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้ประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อมิให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยเห็นว่า ในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ระบบประกันภัยควรเป็นที่พึ่งและสามารถเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้เอาประกันภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ตลอดจนเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย สำนักงาน คปภ. จึงได้ดำเนินการออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่อง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและเป็นการคุ้มครองประชาชนผู้เอาประกันภัย โดยคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ได้สั่งให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัท สำหรับกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ที่บริษัทได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน และกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ที่บริษัทได้ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัยก่อนวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 และยังคงมีผลใช้บังคับ เว้นแต่ปรากฏหลักฐานชัดเจนต่อบริษัทว่าผู้เอาประกันภัยได้กระทำการทุจริตหรือฉ้อฉลประกันภัย เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการประกันภัย ซึ่งหมายความว่า กรมธรรม์ประกันภัยโควิดที่ยังไม่หมดอายุจะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยต่อไปจนกว่าจะหมดอายุความคุ้มครอง โดยที่บริษัทประกันภัยจะไม่สามารถบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยได้ตามอำเภอใจ “การออกคำสั่งนี้เป็นกรณีที่นายทะเบียนเห็นสมควร เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้เอาประกันโควิดเป็นวงกว้าง ทั้งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของระบบประกันภัยไทย รวมทั้งมีการใช้มาตรการอย่างอื่นแล้วไม่เป็นผล จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการโดยเร่งด่วนเพื่อมิให้ปัญหาลุกลามบานปลาย โดยที่คำสั่งดังกล่าวจะมีผลกับบริษัทประกันวินาศภัยทุกบริษัท จึงไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งต่อไปจะได้หารือกันเพื่อให้มีการปรับปรุงเงื่อนไขการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จะติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนมั่นใจต่อระบบประกันภัย สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงได้ในทุกสถานการณ์ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องประกันภัย หรือต้องการข้อมูลด้านประกันภัยเพิ่มเติม สอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 หรือ Add Line Official @oicconnect” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย