นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายพุฒิ เด่นสมพรพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม โดยนางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม บริจาคเตียงผู้ป่วยระบบไฟฟ้า 4 มอร์เตอร์ ราวกั้นปีกนกปิดเต็ม จำนวน 5 เตียง เป็นมูลค่า 500,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สำหรับใช้ในการดูแลผู้ป่วยวิกฤตติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีรองศาสตราจารย์ นายแพทย์ณัฐพล ธรรมโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากายภาพโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ นางสุกัญญา คุณกิตติ หัวหน้างานการพยาบาลคัดกรองและรับผู้ป่วยใน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิม พระเกียรติ รับมอบ ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่
Author: staff
เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่ง ประกาศรุกตลาดประกันในกลุ่มเด็ก ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ‘AIA Health Happy – UDR’ สัญญาเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต AIA Issara Plus โดยเป็นการผสานระหว่างความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพให้ครอบคลุม 360 องศา เพื่อส่งมอบความอุ่นใจแก่ผู้ปกครอง พร้อมตอบโจทย์ครบทุกความต้องการด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของบุตรหลาน โดดเด่นด้วยความคุ้มครองแบบ ‘เหมา เบิ้ล คุ้ม’ ไม่จำกัดวงเงินต่อการเข้ารักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง เพิ่มความคุ้มครองค่าห้องผู้ป่วยในถึง 365 วัน[1] นอกจากนี้ยังได้รับผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่า[2] ต่อเนื่องรวมเป็น 4 ปีกรรมธรรม์หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง รวมถึงบริการเสริมพิเศษจาก Medix[3] เดินหน้าปักธงยืนหนึ่งในด้านผลิตภัณฑ์ประกันในกลุ่มเด็กที่ดีและ ตอบโจทย์ที่สุด ควบคู่กับการเสริมแกร่งความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นระยะเวลากว่า 83 ปี ที่เอไอเอ ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตของประเทศ ด้วยจำนวนกว่า 1 ใน 3 ของกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศไทยเป็นของเอไอเอ วันนี้เรามองเห็นโอกาสในตลาดประกันสำหรับเด็กในการมอบความคุ้มครองที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละช่วงชีวิต เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ประกันที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพของบุตรหลาน ได้คลายความกังวลใจเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ควบคู่กับการเพิ่มโอกาสให้บุตรหลานได้เข้ารับการรักษาที่ดีขึ้นเมื่อเจ็บป่วย ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ ‘AIA Health Happy – UDR’ ที่เราออกมาใหม่เพื่อเป็นสัญญาสุขภาพเพิ่มเติมแนบไปกับกรมธรรม์หลักนั้น จะทำหน้าที่เป็นเสมือนเกราะป้องกันให้ผู้ที่ถือกรมธรรม์สามารถก้าวผ่านทุกอุปสรรคในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ปัจจุบันยังคงมีความน่าเป็นห่วง และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่” สัญญาสุขภาพเพิ่มเติม AIA Health Happy – UDR คือทางเลือกสำหรับผู้ที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิต AIA Issara Plus ในการรับความคุ้มครองที่มากขึ้นและครอบคลุมยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 4 แผนประกัน ที่มีมูลค่าความคุ้มครองเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ล้านบาท และสูงสุดที่ 25 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์ โดยมีอายุรับประกันภัยตั้งแต่ 1 เดือน – 75 ปี สามารถต่ออายุถึง 84 ปี และคุ้มครองต่อเนื่องไปจนอายุ 85 ปี โดยผู้เอาประกันสามารถใช้สิทธิ์ได้ ณ โรงพยาบาลชั้นนำโดยไม่ต้องสำรองเงินสด ทั้งนี้เบี้ยประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปลงทุนในกองทุนรวม ให้ผู้ถือกรมธรรม์ได้อุ่นใจในระยะยาว พร้อมเพิ่มความมั่นคงให้กับความไม่แน่นอนตลอดทุกช่วงของชีวิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ เหมา-เบิ้ล-คุ้ม เหมา – รับผลประโยชน์แบบเหมาจ่าย[4] ในส่วนของค่ารักษาพยาบาล เบิ้ล – รับผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่า ต่อเนื่องรวมเป็น 4 ปีกรมธรรม์ กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ครั้งแรก คุ้ม – รับบริการจัดการดูแลผู้ป่วยรายบุคคลโดย Medix ที่พร้อมให้คำปรึกษาทางการแพทย์ ตลอดจนการดูแล รักษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก สำหรับแผนความคุ้มครอง 15 ล้านบาท และ 25 ล้านบาท รวมถึงเบี้ยประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปลงทุนในกองทุนรวม โดยผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ AIA Health Happy – UDR เริ่มขายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3iSAjkG หรือ ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AIA Call Center โทร. 1581 ตลอด 24 ชั่วโมง หมายเหตุ: [1] ค่าห้องฯ และค่าห้อง ICU รวมกันแล้วไม่เกิน 365 วัน [2] ผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัยเมื่อป่วยเป็นโรคร้ายแรงครั้งแรก [3] รายละเอียดและเงื่อนไขสำหรับการพิจารณา การให้สิทธิประโยชน์ การให้บริการต่างๆ เป็นไปตามนโยบายการให้บริการ ของ Medix ซึ่ง Medix เป็นบริษัทนอกกลุ่มบริษัทเอไอเอ และอยู่นอกเหนือจากการบริหารงานของเอไอเอ ทางเอไอเอจะ ไม่รับผิดชอบต่อการบริการผลิตภัณฑ์ และข้อเสนอใดๆ ที่นำเสนอโดย Medix [4] ผลประโยชน์เหมาจ่ายในบางรายการ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากกรมธรรม์ เมื่อรวมผลประโยชน์ในทุก หมวดแล้วต้องไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อรอบปีกรมธรรม์ *ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น…
อลิอันซ์ อยุธยา ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เชื่อมต่อเทคโนโลยี API ครบวงจร เพิ่มความสะดวก รวดเร็วการใช้บริการที่รพ. ไม่ต้องรอนาน บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตอกย้ำผู้นำในธุรกิจประกันชีวิต เดินหน้าต่อยอดระบบการทำงานกับโรงพยาบาลด้วยเทคโนโลยี มุ่งเสริมประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ล่าสุด ร่วมกับบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (มหาชน) หรือ BDMS พัฒนาระบบเชื่อมต่อ API (Application Program Interfaces) ครบวงจร ประสานการทำงานระหว่างโรงพยาบาลในเครือ BDMS และอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวก ร่นระยะเวลาการใช้บริการ OPD และ IPD ให้รวดเร็ว พร้อมขยายการให้บริการในโรงพยาบาลในเครือ BDMS ทั่วประเทศในอนาคต พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า กล่าวว่า “อลิอันซ์ อยุธยา เป็นผู้นำในนวัตกรรมธุรกิจประกัน เรามุ่งยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยการนำเอาเทคโนโลยีมาต่อยอดในการบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจประกันสุขภาพที่อลิอันซ์ อยุธยา เป็นผู้นำอยู่ในตลาดประเทศไทย เรามองเห็นถึงต้องการของลูกค้าเมื่อไปโรงพยาบาล ที่ต้องการได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน เมื่อรับการบริการจากโรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องการรับยาและกลับบ้านทันที จึงทำให้เกิดความร่วมมือกับพันธมิตรใกล้ชิดอย่าง BDMS เครือโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายใหญ่ในประเทศไทย ในการพัฒนาระบบ API ครบวงจร เพื่อเชื่อมต่อการทำงานระหว่างโรงพยาบาลกับบริษัทฯ ช่วยให้การประสานงานเป็นไปด้วยความรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา เราได้มีการนำร่องทดสอบการใช้งานระบบนี้กับบริการผู้ป่วยนอกไปแล้วในโรงพยาบาลในเครือ BDMS 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ และ โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน ปรากฎว่าสามารถสร้างผลสำเร็จ ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น โดยสามารถร่นระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการทำงานได้ถึง 80% และในปี 2564 นี้ จึงได้ขยายการดำเนินงานมาสู่กระบวนการทำงานสำหรับผู้ป่วยใน ซึ่งลดระยะเวลาการทำงานได้ถึง 50% นอกจากนี้ ยังช่วยลดขั้นตอนการประสานงานระหว่างอลิอันซ์ อยุธยา และโรงพยาบาลให้มีความคล่องตัวมากขึ้นได้ถึง 50% เช่นกัน ทำให้การประสานงานระหว่างกันในระบบหลังบ้านมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในการเก็บค่าบริการ (E-billing)…
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง และผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ รับมอบรถเข็นวีลแชร์และถังทิ้งเข็มฉีดยา จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นางสาวพรพิมล จำปาพุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝ่ายปฏิบัติการภาค 6 (ภาคกรุงเทพฯ) ด้านสาขา เป็นผู้แทนบริษัทฯมอบ เพื่อนำไปใช้อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการและผู้สูงอายุที่มาใช้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มอบถังสำหรับจัดทิ้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้แล้ว เช่น เข็มฉีดยา หรืออุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนติดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติงานและผู้จัดเก็บขยะภายในศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ณ สถานีกลางบางซื่อ ถนนกำแพงเพชร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้โดยเร็วและครอบคลุมมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศ และบริษัทฯ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนชาวไทย ก้าวผ่านพ้นวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกัน
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต โดย นางแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (คนขวา) และนางสาวบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคล (คนซ้าย) รับรางวัลระดับนานาชาติ จาก Asian Leadership Awards 2021 ในสาขา “Diversity & Human Resource” รางวัลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจ และความสำเร็จในด้านบริหารทรัพยากรบุคคล และส่งเสริมความเท่าเทียมกันในองค์กร ตอกย้ำจุดยืนของบริษัทฯ ที่จะเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป ทั้งนี้ Asian Leadership Awards 2021 จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อที่เป็นเวทีเปิดเผยศักยภาพของผู้นำในภูมิภาคของเอเชียของแต่ละบริษัท และองค์กรชั้นนำที่มีเป็นเลิศในการเป็นผู้นำทางธุรกิจในเอเชีย
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กรุงเทพประกันชีวิต หนึ่งในผู้นำด้านความคุ้มครองสุขภาพ ตระหนักถึงการช่วยเหลือดูแลลูกค้าทุกคนของกรุงเทพประกันชีวิต ไม่ว่าจะมีกรมธรรม์ประเภทใด โดยที่ผ่านมากรุงเทพประกันชีวิตได้ขยายความคุ้มครองให้กับกรมธรรม์ประกันสุขภาพในการเข้าทำการรักษาผ่าน Hospitel การให้บริการผ่านระบบ Telemedicine, การลดระยะเวลารอคอยเหลือ 14 วัน และเปิดศูนย์ BLA Health Partner ขึ้นเพื่อให้บริการด้านคำปรึกษาแก่ลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพของกรุงเทพประกันชีวิต ม.ล. จิรเศรษฐ์ ศุขสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงเทพประกันชีวิต กล่าวว่า “แม้ว่าแบบประกันสุขภาพของกรุงเทพประกันชีวิตจะครอบคลุมการเจ็บป่วยจากไวรัสโควิด-19 และในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มความคุ้มครองเกี่ยวกับโควิด-19 ให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่เนื่องจากขณะนี้ผู้ได้รับเชื้อโควิด-19 บางส่วนได้รับการวินิจฉัยให้ทำการรักษาแบบ Home Isolation กรุงเทพประกันชีวิตจึงได้เปิดโครงการ BLA Health Partner Care@Home เพื่อช่วยดูแลและอยู่เคียงข้างลูกค้าของกรุงเทพประกันชีวิตที่ต้องเข้าสู่การรักษาแบบ Home Isolation” นพ. คงศักดิ์ เตชะวิบูลย์ผล ผู้อำนวยการอาวุโสศูนย์บริการการแพทย์ กล่าวว่า “โครงการ Care@Home นี้จะให้การดูแลผู้ถือกรมธรรม์กรุงเทพประกันชีวิตทุกคน ไม่ว่าจะมีสัญญาเพิ่มเติมด้านสุขภาพหรือไม่ และเมื่อลูกค้าได้รับการวินิจฉัยให้เข้าสู่การรักษาแบบ Home Isolation ลูกค้าสามารถแจ้งศูนย์ BLA Health Partner ผ่านช่องทาง line OA ID: @blahealthpartner หรือ Call Center 02-777- 8888 เพื่อให้บุคคลากรทางการแพทย์ของศูนย์บริการการแพทย์กรุงเทพประกันชีวิต เข้าให้คำแนะนำเพิ่มเติม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและดูแลตลอดช่วงเวลาที่ต้อง Home Isolation รวมทั้งจัดส่งชุดกักตัวหรือสิทธิการใช้บริการแพทย์ทางไกลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยบริการที่โครงการ BLA Health Partner Care@Home จะมอบให้ประกอบด้วย 1. ทีมแพทย์และพยาบาลจากศูนย์บริการการแพทย์กรุงเทพประกันชีวิต ในการให้คำปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพที่จะดูแลลูกค้าแต่ละคนตลอดช่วงเวลาที่ต้อง Home Isolation โดยทีมแพทย์และพยาบาลจะโทรติดต่อกับลูกค้าภายใต้ความดูแลเป็นประจำ พร้อมช่วยเหลือหากลูกค้ามีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลเพิ่มเติม 2. ชุด “กักตัวอุ่นใจ” ประกอบด้วย อุปกรณ์จำเป็นในการดูแลตัวเอง อาหารและยา เพื่อเสริมเพิ่มเติมจากสิ่งที่ลูกค้ามีอยู่ หรือลูกค้าสามารถเลือกรับสิทธิการรักษาทางไกล (Telemedicine) กับพันธมิตรของกรุงเทพประกันชีวิต เพื่อให้คำปรึกษาเฉพาะทาง ภายใต้วงเงินที่บริษัทมอบให้เป็นพิเศษ นอกเหนือจากความคุ้มครองในกรมธรรม์ที่ลูกค้าถืออยู่ ลูกค้าที่ได้รับการวินิจฉัยให้ทำการ Home…
บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ TQM ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์โครงการ ‘ช่วยด้วย! ช่วยคุณจากโควิดได้ถึงบ้าน’ จัดโดย Doctor A to Z พร้อมเหล่าพันธมิตรกว่า 15 บริษัทเอกชน, ทีมแพทย์พยาบาล และเจ้าหน้าที่จิตอาสา หวังช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดในภาวะวิกฤตเตียงเต็มให้ได้รับการดูแลรักษาแบบ Home Isolation ด้วยตนเอง ภายใต้การดูแลของแพทย์และ Care Giver ติดตามอาการตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะรับดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มสีเขียว ที่สามารถดูแลตัวเองได้ที่บ้าน ให้สามารถได้รับการดูแลอย่างอุ่นใจและได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที กรณีต้องได้รับการรักษาในสถานพยาบาล ก็จะมีทีมประสานดูแลส่งต่อ ซึ่งผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพียงแค่แอดไลน์ “ช่วยด้วย” โดยโครงการ ‘ช่วยด้วย! ช่วยคุณจากโควิดได้ถึงบ้าน’ เป็นความร่วมมือกันในการสร้างกลุ่มพันธมิตรโดยภาคบริษัทเอกชน ได้แบ่งทีมเป็น 4 ฝ่าย ในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดในด้าน ต่าง ๆ ได้แก่ ทีมดูแลสุขภาพ ให้บริการคำปรึกษาโดยทีมแพทย์จิตอาสากว่า 400 ท่าน และจัดส่งยาให้ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ พร้อมทีมพยาบาลจิตอาสา และทีมเจ้าหน้าที่จิตอาสาที่จะมาช่วยประสานงานติดตามอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ทีมเวชภัณฑ์ อาหาร และสิ่งของจำเป็น เพื่อดูแล จัดหา รวบรวมเวชภัณฑ์ อาหาร และสิ่งของที่จำเป็น ที่ได้รับจากผู้บริจาคส่งตรงถึงผู้ป่วย และทีมสนับสนุนอื่น ๆ คอยประสานงานทั่วไป อาทิ ช่วยระดมทุน ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการ และประสานงานอื่น ๆ สำหรับ TQM เป็นอีกหนึ่งพาร์ทเนอร์ที่เห็นความสำคัญและได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวโดยให้ความช่วยในด้านเงินบริจาค ประชาสัมพันธ์โครงการ กับสื่อต่าง ๆ ในเครือข่ายของ TQM และฐานลูกค้าของบริษัท พร้อมทั้งสนับสนุนให้พนักงาน TQM เป็นจิตอาสาช่วยรับโทรศัพท์ประสานงานจากผู้ป่วย TQM หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการฝ่าวิกฤตมหันตภัยร้ายนี้ไปพร้อม ๆ กับคนไทยทุกคน
อาคเนย์ ห่วงใยคนไทย จัดโครงการ “S Plus+ ปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด” ชวนเปลี่ยนคะแนนสะสมเป็นเงินบริจาค สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ผ่านแอปพลิเคชัน S Plus+ นางสาวภารณี เชิดวิศวพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงจัดทำโครงการ “S Plus+ ปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด” เพื่อรวมพลังแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ ส่งมอบความห่วงใยและความช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 ผ่านมูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยเราพร้อมที่จะเคียงข้างคนไทย ให้ร่วมผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการแอปพลิเคชัน S Plus+ กว่า 150,000 ราย สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้ได้ง่าย ๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. – 31 ส.ค. 64 สำหรับขั้นตอนการบริจาค สมาชิก S Plus+ กดใช้คะแนนในโครงการฯ นี้ ทุก 100 คะแนน เท่ากับ 1 สิทธิ์ แทนเงินบริจาค 15 บาท ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ สำหรับผู้ที่ยังไม่เป็นสมาชิก S Plus+ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://bit.ly/Splus21 เพื่อสมัครและกรอกข้อมูล จะได้รับ 215 คะแนน จากนั้นคัดลอกโค้ดแลกสิทธิ์ พร้อมแจ้งหลักฐานยอดบริจาคผ่านไลน์อาคเนย์ https://bit.ly/2PxLIKN โดยผู้ที่มียอดบริจาคตั้งแต่ 100 บาท ขึ้นไป สามารถขอใบเสร็จรับเงิน เพื่อหักลดหย่อนภาษีได้ สำหรับผู้ที่แจ้งหลักฐานการบริจาคผ่านไลน์อาคเนย์ 1,000 คนแรก จะได้รับสิทธิพิเศษเป็นคะแนน S Plus+ คืน 100 คะแนน โดยจะประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 15 ก.ย. 64 ผ่านทางแอปพลิเคชัน S Plus+ “อาคเนย์ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม เพื่อให้คนไทยและครอบครัวใช้ชีวิตหรือดำเนินธุรกิจอย่างมีความสุข ปราศจากความกังวลใจ ผ่านนวัตกรรมทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยแอปพลิเคชัน S Plus+ ขอเชิญชวนสมาชิกร่วมกันเปลี่ยนคะแนนสะสมเป็นเงินบริจาคสมทบทุนให้แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในวิกฤตโควิดให้ผ่านพ้นไปได้ในเร็ววัน” นางสาวภารณี กล่าว สำหรับลูกค้าอาคเนย์และผู้ที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน S Plus+ เพียงคลิก https://bit.ly/Splus21 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โครงการ “S Plus+ ปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด” ได้ที่ ศูนย์ดูแลลูกค้าโทร.1726, แอดไลน์อาคเนย์ Line @Southeast.th , เฟซบุ๊ก อาคเนย์ Southeast คลิก www.facebook.com/Segsoutheastpage/
ไทยประกันชีวิต ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ เพิ่มบริการผ่านแอปพลิคชัน ไทยประกันชีวิต ด้วย e-claim บริการยื่นเคลมออนไลน์ และ e-payment ชำระเบี้ยฯ ด้วยบัตรเครดิตผ่านแอปฯ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันภัยในยุค New Normal นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Marketing Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตดำเนินนโยบายมุ่งเป็นทุกคำตอบของชีวิต หรือ Life Solutions ผ่านการดูแลชีวิตอย่างรอบด้านด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุม ภายใต้แนวคิดยึดการลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centric และเพื่อตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ รวมถึงสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เอาประกันภัยให้สามารถเข้าถึงบริการ และทำธุรกรรมด้านประกันชีวิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยตนเองทุกที่ทุกเวลา บริษัทฯ จึงได้เพิ่มบริการใหม่บนแอปพลิคชัน ไทยประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็น บริการ E-Claim ยื่นเคลมค่าชดเชยรายได้ ได้แก่ การเรียกร้องค่าชดเชยรายวัน กรณีรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ตามเงื่อนไขสัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาลรายวัน (รพ./ตรพ.) หรือสัญญาประกันอุบัติเหตุรายบุคคล และการเรียกร้องค่าชดเชยรายสัปดาห์กรณีอุบัติเหตุ ตามเงื่อนไขของสัญญาเพิ่มเติมการประกันอุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันภัยสามารถใช้บริการยื่นเคลมผ่านแอปฯ ง่ายๆ 3 ขั้นตอน คือ กรอกข้อมูลการเคลม จากนั้นอัปโหลดเอกสารต่างๆ เพื่อประกอบการยื่นเคลม อาทิ ใบรายงานแพทย์ตามแบบที่บริษัทฯ กําหนด และสุดท้ายกรอกข้อมูลการรับเงิน ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินผ่านการโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกด้วยเลขบัตรประชาชน หรือโอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ของผู้เอาประกันภัยเท่านั้น โดยบริษัทฯ จะส่งหนังสือแจ้งผลการพิจารณาสินไหมผ่านอีเมลที่ผู้เอาประกันภัยได้ลงทะเบียนไว้ หรือสามารถตรวจสอบที่เมนูประวัติการเคลมบนแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต บริการ E-Payment ชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิต เพิ่มความสะดวกให้ผู้เอาประกันภัยในการชำระเบี้ยฯ สามารถเลือกชำระได้ผ่านเมนู “ชําระเบี้ยฯ” ระบบจะแสดงกรมธรรม์ที่ถึงกําหนดชําระล่วงหน้า 30 วัน และแสดงถึงวันครบกําหนดชําระเบี้ยฯ หรือเมนูกรมธรรม์ของฉัน เลือก “เบี้ยฯ ที่ต้องชําระ/ประวัติการชําระเบี้ยฯ” โดยผู้เอาประกันภัยสามารถชําระเบี้ยฯ ผ่านบัตรเครดิตทั้งประเภท VISA, MASTER CARD และ JCB ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบข้อมูลการชําระเงินได้ที่ประวัติการชําระเบี้ยฯ ภายใน 3 วันทําการ และใบเสร็จรับเงินจะส่งไปตามที่อยู่ที่ระบุไว้ สำหรับกรณีกรมธรรม์ที่เกินกําหนดชําระเบี้ยฯ ไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยสามารถชำระเบี้ยฯ ได้ผ่านตัวแทนประกันชีวิต หรือที่ทําการสาขาทั่วประเทศ บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนา แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเพื่อนคู่คิดที่เข้าใจความต้องการ และเป็นทุกคำตอบของบริการด้านธุรกรรมประกันชีวิตแก่ผู้เอาประกันภัย ผ่านหลากหลายเมนูการใช้งาน อาทิ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลกรมธรรม์ ตรวจสอบความคุ้มครองและผลประโยชน์ บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ บริการข้อมูลกองทุนรวมภายใต้แบบประกันยูนิตลิงค์ สิทธิประโยชน์จากไทยประกันชีวิต Privilege กิจกรรมและสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายสําหรับสมาชิกไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต บริการรับเงินคืนระหว่างสัญญาผ่านพร้อมเพย์ หรือบัญชีธนาคาร และไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์และการเดินทางฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ทั่วโลก ผู้เอาประกันภัยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิตได้ฟรีทั้งจากระบบ IOS และ Android เพื่อเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ และทำธุรกรรมด้านประกันชีวิตได้ด้วยตนเองทุกที่ทุกเวลา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 1124 กด 7 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 21.00 น. หรือ carecenter@thailife.com ตลอด 24 ชั่วโมง
โลกกำลังเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความสูญเสียเป็นวงกว้างทั้งชีวิตและเศรษฐกิจ รวมถึงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายมิติ รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากเดิม ภาคธุรกิจก็จำเป็นต้องปรับตัวตามเพื่อความอยู่รอด ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจประกันชีวิตที่เผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ สำหรับ “เมืองไทยประกันชีวิต” ภายใต้การนำของซีโออีหนุ่ม “สาระ ล่ำซำ” ถือได้ว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายความสามารถและเป็นบททดสอบที่สำคัญครั้งหนึ่ง โจทย์สำคัญก็คือทำอย่างไรจึงสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีบทบาทในการช่วยเหลือสนับสนุนองค์กรภาครัฐและเอกชน รวมถึงบบุคลากรทางการแพทย์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สังคมไทยก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ภาพรวมอุตสาหกรรมยังดูดี สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เล่าว่าภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้คนไทยตื่นตัวและหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น รวมถึงตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน ทำให้มีการซื้อความคุ้มครองกรมธรรม์ใหม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการต่ออายุกรมธรรม์มากขึ้นด้วย โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 เบี้ยประกันชีวิตรวมทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ 195,544 ล้านบาท เติบโต 3% แบ่งเป็นเบี้ยรับรายใหม่ 56,253 ล้านบาท เติบโตถึง 10% (ซึ่งในส่วนนี้เป็นเบี้ย Single Premium จำนวน 25,120 ล้านบาท) ส่วนเบี้ยรับต่ออายุมีจำนวนถึง 139,290 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1% นอกจากนี้ยังเห็นการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ Unit Linked ทั้งในรูปแบบ Regular Premium และในรูปแบบ Single Premium ซึ่งอาจจะเป็นผลจากการขายผลิตภัณฑ์ Unit Linked ผ่านช่องทางธนาคารเพิ่มขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนสูงสุดยังคงเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพและส่วนควบ (Health & CI Rider) ที่เติบโตขึ้น 6% ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย สาระ ยังคงยืนยันตัวเลขประมาณการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปี 2564 ไว้ที่ -1% ถึง +1% MTL: เบี้ยรับรายใหม่โต 37% ส่วนของเมืองไทยประกันชีวิต ในช่วง 4 เดือนแรก…