บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพ เดินหน้าหนุนนโยบาย คปภ. ขับเคลื่อนภาคการประกันภัยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง พร้อมสนับสนุนให้ประชาชนใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตและทรัพย์สิน จัดเต็มแบบประกันคุ้มครองสุขภาพยอดนิยม “สุขภาพ ปลดล็อค อัลตร้า” และ “สุขภาพ ปลดล็อค สบายกระเป๋า” ร่วมงาน Thailand InsurTech Fair 2021 (www.tif2021.com) พร้อมของกำนัลพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อและชำระเบี้ยประกันปีแรกภายในงาน นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมงาน Thailand InsurTech Fair 2021 ครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งปรับรูปแบบมาจากงานสัปดาห์ประกันภัยเป็นแบบ Virtual Event เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และขยายโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยได้ง่ายขึ้น โดยในงานนี้ บริษัทฯได้นำแบบประกันเพื่อการคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ที่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้มานำเสนอ ได้แก่ 1) ประกัน “สุขภาพ ปลดล็อค อัลตร้า” แบบประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 30 ล้านบาทต่อปี พร้อมให้ความคุ้มครองนานถึงอายุ 90 ปี เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครอง และความสบายใจสูงสุด เมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล 2) ประกัน “สุขภาพ ปลดล็อค สบายกระเป๋า” เน้นให้ความคุ้มครองสุขภาพในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ ด้วยเบี้ยต่อปีราคาเริ่มต้นไม่ถึงหมื่น ให้ความคุ้มครองหลักล้านต่อรอบปีกรมธรรม์ ครบทุกความคุ้มจ่ายให้ตามจริงภายใต้วงเงินคุ้มครอง สมัครได้ตั้งแต่อายุ 11 ปี ถึง 69 ปี (ต่อสัญญาได้ถึงอายุ 89 ปี คุ้มครองถึงอายุ 90 ปี) ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมของกำนัลพิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันและชำระเบี้ยประกันภายในงาน อาทิ ตุ๊กตาหมี อลิอันซ์ อยุธยา Sport Collection 1 ชุด (1 ชุดมี 5 ตัว) เมื่อชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 50,000 บาท อลิอันซ์ อยุธยา Sport Bag 1 ชิ้น เมื่อชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 30,000 บาท และเพิ่มเติมพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ มาย เฟิร์สคลาส หรือ สุขภาพ ปลดล็อค อัลตร้า หรือ สุขภาพปลดล็อค สบายกระเป๋า จะได้รับ บัตรกำนัล Starbucks มูลค่า 200 บาท 1 ใบอีกด้วย ผู้สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชมและเลือกซื้อแผนประกัน ได้ที่บูธ อลิอันซ์ อยุธยา ณ ฮอลล์ 5 ภายในงาน (www.tif2021.com) ระหว่างวันที่ 26-30 ตุลาคม 2564
Author: staff
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัทฯได้เข้ารับการย้ายโอนความคุ้มครองลูกค้าเอเชียประกันภัยที่ซื้อประกันโควิด ได้มีหลายฝ่ายทั้งลูกค้าทิพยประกันภัย และผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่งเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการย้ายกรมธรรม์ประกันเอเชียประกันภัยมาทำประกันกับทิพยประกันภัยนั้น จะมีปัญหาตามมาหรือไม่ เรื่องนี้ตนขอเรียนว่า กรมธรรม์ที่เปลี่ยนหรือย้ายมาทำนั้นเป็นกรมธรรม์ที่เหมือนกับที่ทิพยประกันภัยขายในปัจจุบัน โดยปัจจุบันทิพยประกันภัย เรามีกรมธรรม์ประกันโควิดโคม่าขายอยู่เพียง 2 แผน ได้แก่แบบแผนเบี้ยประกัน 300 คุ้มครอง 300,000 บาท กับอีกแผนที่คุ้มครอง 500,000 บาท เบี้ยประกัน 480 บาท เพราะฉะนั้นการแปลงกรมธรรม์นี้ไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระให้กับบริษัททิพยประกันภัย ในการรับประกันแต่อย่างใด หากเพียงแต่เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าเอเชียประกันภัยที่ต้องการหาซื้อประกันโควิดคุ้มครองการเสียชีวิตจากอาการโคม่าไว้เท่านั้นเอง และคงจะไม่มีผลกระทบต่อความแข็งแกร่งทิพยประกันภัยแต่ประการใด โดยเฉพาะทิพยประกันภัยถือว่าโชคดีที่เราเป็นบริษัทประกันเพียงไม่กี่บริษัท ที่มีบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ (รีอินชัวเรอร์ตปท.) ที่มารับประกันภัยต่อประกันโควิดของเรา ซึ่งรับประกันต่องานประกันโควิดของทิพยประกันภัยไว้ถึงสัดส่วน 50% ของพอร์ต ซึ่งค่อนข้างจะมากทีเดียว ทั้งนี้ก็เพราะรีอินชัวเรอร์มองเห็นว่า เราค่อนข้างระมัดระวัง และทิพยประกันภัย มีการคำนวณความเสี่ยงในการรับประกัน ดังนั้นรีอินชัวเรอร์ต่างประเทศจึงมีความมั่นใจพร้อมจะสนับสนุนทิพยประกันภัย ดร.สมพร ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันทิพยประกันภัยได้รับประกันโควิดปีนี้กับปีที่แล้วรวมๆกันแล้วเกือบ 5 ล้านกรมธรรม์ คิดเป็นเบี้ย 2,500 กว่าล้านบาท โดยเรามีผู้ใช้สิทธิเรียกร้องสินไหมรวมแล้ว 5หมื่นราย คิดเป็นสินไหมประมาณ 2,000ล้านบาท โดยทิพยประกันภัย เราไม่มีการขายประกันเจอจ่ายจบ จึงทำให้เราสามารถยังให้ความคุ้มครองรองรับลูกค้าเราได้อย่างไม่มีปัญหา และอยากให้ผู้ถือหุ้นทิพยประกันภัยและลูกค้าของเราสบายใจได้ว่า บริษัทฯมีความมั่นคงแข็งแกร่ง โดยลูกค้าเอเชียประกันภัยหากย้ายมาประกันโควิดในรูปแบบประกันการเสียชีวิตจากอาการโคม่าทั้งหมด 770,000 หมื่นคน เราก็ยังสามารถรองรับได้ เนื่องจากความคุ้มครองจะดูแลเฉพาะการเสียชีวิตจากอาการโคม่า ซึ่งคำว่า ”โคม่า” ในนิยามคงไม่ใช่หมายถึง ติดเชื้อแล้วไปอยู่ไอซียูแล้วได้รับความคุ้มครอง ซึ่งส่วนใหญ่ ”โคม่า” ในที่นี้จะเป็น “ภาวะก่อนการเสียชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์” เพราะฉะนั้นความเสี่ยงที่รองรับประชาชนจุดนี้จึงไม่กระทบต่อบริษัทฯ ทั้งนี้ดร.สมพร ยังกล่าวถึงเงินกองทุน (คาร์เรโช) ณ ปัจจุบันของทิพยประกันภัย อยู่ที่ 263% ว่า เรายังคงมีสถานะอย่างนี้ไปได้จนถึงสิ้นปี และถ้าสถานการณ์โควิดเกิดมีรอบ 4 ขึ้นมา ก็คิดว่ามันจะไม่กระทบ เพราะเชื่อว่าคงจะมีความรุนแรงไม่มาก เพราะรัฐบาลมีประสบการณ์รับมือการระบาดที่ผ่านมาแล้ว รวมทั้งประชาชนส่วนใหญ่ต่างได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก และเข็มสองไปแล้วจำนวนมาก รวมถึงการเริ่มฉีดเข็มสาม ประกอบกับทิพยประกันภัยเองก็ไม่มีการขายประกันภัยแบบเจอจ่ายจบในพอร์ต…
อ.สพ.ญ.ดร.ภัคนุช บันสิทธิ์ อาจารย์คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้การต้อนรับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีนายอนุศิษฎ์ นิติสุวรรณกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 1 (ภาคเหนือ) พร้อมทีมงาน เป็นผู้แทนบริษัทฯ ในโอกาสเยี่ยมชมและติดตามความคืบหน้าโครงการ “ปลูกพืชอาหารช้างที่มีคุณภาพ เพื่อความยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่” ที่ทางบมจ.วิริยะประกันภัยให้การสนับสนุน ณ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อม สำหรับการขยายพื้นที่เพื่อปลูกพืชอาหารช้าง และวางแผนเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพืชอาหารช้างในฤดูแล้ง พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพเพื่อความยั่งยืนให้กับช้างในพื้นที่ต่อไป
รมว.คลัง มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) แล้ว เลขาธิการ คปภ. เผยร่วมบูรณาการตั้งศูนย์ทั่วประเทศให้คำแนะนำ รับเรื่องร้องเรียน และอำนวยความสะดวก แก่ผู้เอาประกันภัยอย่างเต็มที่ และกองทุนประกันวินาศภัยเข้ารับช่วงจ่ายเคลมประกัน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไม่สะดุด ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) แจ้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1936/2564 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยครั้งนี้ เป็นมาตรการที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย โดย สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการต่าง ๆ ภายใต้ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์สูงสุดของประชาชน พร้อมทั้งขอชี้แจงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเหตุประกอบการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเตรียมมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับมิให้ผู้เอาประกันภัยและประชาชนเดือดร้อน ดังนี้ 1. เนื่องจากปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัทฯ มีฐานะการเงินไม่มั่นคงจากการดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตาม ที่กฎหมายกำหนด มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน สภาพคล่องไม่เพียงพอต่อการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน จ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า และเสนอขายกรมธรรม์ไม่เป็นไปตามแบบและข้อความที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน จึงเป็นกรณีที่บริษัทฯ มีฐานะหรือการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คณะกรรมการ คปภ.) ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 52 และมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สั่งให้บริษัทแก้ไขฐานะและการดำเนินการตามที่นายทะเบียนกำหนด และให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว…
บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย ดร. สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ คว้ารางวัลใหญ่ระดับสากล “Corporate Excellence Award ” ซึ่งจัดโดย Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2021, Regional Edition เป็นรางวัลที่สะท้อนถึงความสำเร็จด้านการพัฒนาสินค้าและด้านการตลาดของสินค้าและบริการของบริษัท รวมถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจให้ก้าวสู่ระดับสากลอย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตที่ประสบความสำเร็จด้านการดำเนินธุรกิจ ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่
บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย ดร. สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ รับ 2 รางวัลใหญ่ “สุดยอดองค์กรนวัตกรรมดีเด่นแห่งปี 2564” ประกอบด้วย รางวัลสินค้าประเภทประกันชีวิตและประกันภัย กลุ่มประกันสุขภาพ โครงการ Extra Care Plus และรางวัลสินค้าประเภทประกันชีวิตและประกันภัย กลุ่มการบริการ Application MTL Click ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งเดียวที่ได้รับ 2 รางวัลดังกล่าว จัดโดยนิตยสาร BUSINESS+ ในโครงการ “BUSINESS+ PRODUCT INNOVATION AWARDS 2021” ขึ้นเพื่อคัดเลือกสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมในหลากหลายประเภทสินค้า โดยผ่านการคัดเลือกจากทีมบรรณาธิการและผู้ทรงคุณวุฒิจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งคะแนนโหวตจากประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อมอบรางวัลในครั้งนี้ ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่
หลังการรวมกิจการของทีเอ็มบีและธนชาตอย่างสมบูรณ์ มาเป็น “ทีเอ็มบีธนชาต” โดยเป็นธนาคารที่มีลูกค้ารวมกว่า 10 ล้านราย พร้อมเป้าหมายการสร้างชีวิตการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งวันนี้และอนาคต ในส่วนของผลิตภัณฑ์บัญชีเพื่อใช้ “ทีทีบี ออลล์ฟรี” (ttb all free) ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ “ฮีโร่” ของธนาคาร ที่ยืนหยัดการเป็นผู้นำเทรนด์ความฟรีที่ให้ฟรีค่าธรรมเนียมมาก่อนใคร และต่อมาได้พัฒนาสิทธิประโยชน์ประกันอุบัติเหตุฟรีซึ่งเป็นประกันขั้นพื้นฐานที่คนไทยทุกคนควรมี ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงหากเกิดอุบัติเหตุ ในวันนี้ ttb all free ยังคงเดินหน้าต่อ เพื่อตอกย้ำจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ให้ลูกค้า “ใช้ชีวิตฟรีรอบด้าน” ในทุกสถานการณ์ และล่าสุดได้ต่อยอดสู่ “บัตรเดบิต ออลล์ฟรี ดิจิทัล” ที่เน้นจุดขายเรื่องสิทธิประโยชน์ด้านการใช้จ่ายออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางหลักในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นางสาวนันทพร ตั้งเจริญศิริ หัวหน้าบริหารการตลาดลูกค้าบุคคลและประสบการณ์ลูกค้า ทีเอ็มบี ธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า “แนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์บัญชีเงินฝาก ttb all free เรายังคงตอกย้ำจุดเด่นด้าน “ใช้ชีวิตฟรีรอบด้าน” พร้อมทั้งการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 ช่วยแก้ปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่ และช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่ายได้อย่างแท้จริง โดยล่าสุดธนาคารได้พัฒนาบัตรเดบิต ออลล์ฟรี ดิจิทัล ซึ่งลูกค้าไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมทั้งแรกเข้าและรายปี และไม่ต้องพกบัตร ลดการสัมผัสเงิน ทั้งยังอัปเกรดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายผ่านออนไลน์ให้สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น” “ผู้ใช้บัตรเดบิตออลล์ฟรี ดิจิทัล ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ไม่แตกต่างจากการถือบัตรแข็งแบบเดิม แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์หลายคนต้อง Work From Home และร้านค้าต้องปิดให้บริการจึงไม่สะดวกในการนำบัตรแข็งไปรูดใช้จ่ายตามร้านค้าหรือผู้ให้บริการ ซึ่งแน่นอนว่าการใช้จ่ายผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้กลายเป็นช่องทางที่จำเป็นในปัจจุบัน ดังนั้น บัตรเดบิตออลล์ฟรี ดิจิทัล จึงเข้ามาตอบโจทย์การใช้จ่ายที่สะดวกคล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งได้สิทธิประโยชน์ด้านโปรโมชันในเรื่องการใช้จ่ายออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นโค้ดส่วนลดค่าส่งและค่าอาหารจากแอปพลิเคชัน Food Delivery อาทิ LINEMAN GrabFood และ Online Shopping อาทิ Shopee เพื่อทำให้ทุกการใช้จ่ายของลูกค้าประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น และเมื่อผูกบัตร เดบิตออลล์ฟรี ดิจิทัล ไว้กับแอปพลิเคชันเมื่อเวลาใช้จ่ายชำระเงิน ก็ง่าย กดจ่ายได้เลยทันที” นางสาวนันทพร กล่าวเพิ่มเติม นอกจากนี้ สิ่งที่สะท้อนความคุ้มค่าสูงสุดเมื่อมาใช้งานบัตรเดบิตออลล์ฟรี ดิจิทัล คือลูกค้าจะได้รับคะแนน wow คืน 1% ทุกการใช้จ่ายออนไลน์…
เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับกลุ่มบริษัท เอไอเอ สานต่อกิจกรรม AIA Live 2021 กิจกรรมออนไลน์เพื่อสุขภาพครั้งยิ่งใหญ่ของเอไอเอ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีในปีแรกด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 50,000 คนทั่วภูมิภาค โดยกิจกรรม AIA Live 2021 จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้คนทั่วภูมิภาคได้มีการดูแลสุขภาพแบบรอบด้านจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมด้วยแขกรับเชิญระดับโลก ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน 2564 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทั่วโลกที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนนั้น ทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต โดยชีวิตวิถีใหม่นี้คาดว่าจะดำรงอยู่กับเราไปอีกสักพัก ซึ่งถือเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ในด้านความอดทน ความคิดบวก ความมุ่งมั่น และความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลกในการเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ ต่อยอดจากความสำเร็จในปีที่แล้ว ปีนี้ AIA Live 2021 นำโดย แอมบาสเดอร์ด้านสุขภาพของครอบครัวเอไอเอ เดวิด เบ็คแฮม AIA Global Ambassador แขกรับเชิญคนพิเศษจากประเทศไทย โค้ชมิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและเทรนเนอร์สุดฮอต โค้ชชื่อดังจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากทั่วทุกมุมโลกที่จะมามอบมุมมองใหม่ๆ ในการหาเป้าหมายและการมีสุขภาพกายใจที่แข็งแรงในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ผ่านสาระความรู้ 4 แขนง ได้แก่ • Mental Wellness: เจาะลึกกับปรัชญาการใช้ชีวิตแบบอิคิไก (Ikigai) และ นาโงมิ (Nagomi) กับ ดร.เคน โมงิ นักประสาทวิทยาและผู้เขียนหนังสือขายดี The Little Book of Ikigai • Physical Wellness: ค้นพบวิธีการออกกำลังกายใหม่ ๆ มาเคลื่อนไหวร่างกายและจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับศาสตร์แห่งไทเก็กพร้อม เดวิด เบ็คแฮม โกลบอลแอมบาสเดอร์ของเอไอเอ และคลาสเรียกความฟิตกับโค้ชมิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ และโค้ชจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ • Nutritional Wellness: ส่งเสริมให้ได้ลองสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ เรียนรู้วิธีการเตรียมอาหารให้สนุกและอร่อย แถมยังดีต่อตัวเองและสิ่งแวดล้อม…
“ลุมพินี วิสดอม” ระบุแนวโน้มการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานมาแรง ช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะในระยะยาว หลังจากกระทรวงพลังงานคลอดเกณฑ์การออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2564 นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom หรือ LWS) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า หลังจากที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ออกกฎกระทรวงเกณฑ์การออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน หรือ Building Energy Code : BEC ด้วยการกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการออกแบบอาคาร เพื่อให้อาคารมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา โดยในปี 2564 ได้นำมาใช้กับอาคารขนาด 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป ในขณะที่อาคารขนาด 5,000ตารางเมตรขึ้นไปจะมีผลในปี 2565 และอาคารขนาด 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป มีผลในปี 2566 ตามลำดับ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานในประเทศมากขึ้น จากรายงานของกระทรวงพลังงานพบว่า ตั้งแต่ปี 2552-2563 มีจำนวนอาคารที่ได้รับการประเมินเป็นอาคารประหยัดพลังงานตามเกณฑ์ของ BEC จำนวน 850 อาคาร มีการประหยัดพลังงานได้ 630 ล้านหน่วย โดยกระทรวงพลังงานมีเป้าหมายว่าภายใน 20 ปี นับจากปี 2561 ถึงปี 2581 การสร้างอาคารประหยัดพลังงานจะทำให้ประเทศไทยสามารถประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 13,700 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินกว่า 47,000 ล้านบาท และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ไม่น้อยกว่า 7,282 ตันต่อปี “การสร้างอาคารประหยัดพลังงานเป็นประโยชน์ในระยะยาวกับเจ้าของอาคารและผู้ใช้อาคาร ซึ่งนอกจากประเด็นเรื่องของการประหยัดการใช้พลังงานในระยะยาวแล้ว การออกแบบอาคารประหยัดพลังงานยังมีส่วนสำคัญในการสร้างสุขอนามัย (Wellbeing) ที่ดีในการอยู่อาศัย และการใช้ประโยชน์ภายในอาคาร” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว จากการศึกษาของทีม “ลุมพินี วิสดอม” พบว่า การพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่า เกรด B ประหยัดพลังงานขนาด 10,000 ตารางเมตร จะสามารถประหยัดพลังงานได้เฉลี่ย 270,000 กิโลวัตต์ต่อปี คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.12 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่น้อยกว่า 151,470 กิโลกรัมคาร์บอนเทียบเท่าต่อปี ในขณะที่ต้นทุนการก่อสร้างอาคารประเภทนี้สูงกว่าการสร้างอาคารปกติ ประมาณ 0.6%เมื่อเทียบความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานกับต้นทุนการก่อสร้างแล้ว แต่ละอาคารจะใช้เวลาในการคืนทุนจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นภายในระยะเวลา 4.5-5 ปี โดยเฉลี่ย โดยการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานจะให้ความสำคัญในการออกแบบครอบคลุมระบบเปลือกอาคาร ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบผลิตน้ำร้อน และการใช้พลังงานหมุนเวียนภายในอาคาร เป็นหลัก นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า อาคารประหยัดพลังงานไม่เพียงสามารถออกแบบและพัฒนาอาคารขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาอาคารขนาดเล็ก ที่พักอาศัยทั้งอาคารชุดพักอาศัย บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ รวมถึงสามารถนำไปปรับปรุงอาคารเก่าให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานได้ โดยการนำเกณฑ์ในการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานมาใช้ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อเจ้าของและผู้ใช้งานในอาคารได้ในระยะยาว ที่ผ่านมา “ลุมพินี วิสดอม” ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้มีการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานแล้ว 15 โครงการ ช่วยประหยัดพลังงานได้ประมาณ 135 ล้านกิโลวัตต์ต่อปี “ถือว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานให้กับประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์กับส่วนรวมและการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลังกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารชั้นนำของประเทศไทย เปิดบริการให้คำปรึกษา ทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ สำหรับลูกค้าเอไอเอส (AIS) และเอไอเอสไฟเบอร์ (AIS Fibre) ผ่าน แอปพลิเคชัน Pulse by Prudential (Pulse) สุดยอดแอปพลิเคชันด้านการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมสำหรับผู้บริโภคทุกคนแอปแรกในเอเชีย ในราคาโปรโมชั่นพิเศษเพียง 199 บาท (จากราคาปกติ 375 บาท) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 ตุลาคมนี้ โดยลูกค้าทุกคนสามารถรับคำปรึกษาทางการแพทย์จากคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การรักษาในโรงพยาบาลชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งได้รับการฝึกอบรมและการรับรองสำหรับการให้คำปรึกษาทาง การแพทย์แบบออนไลน์โดยเฉพาะ รวมถึงผ่านการคัดเลือกตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด จนพร้อมให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษาโรคทั่วไป อาทิ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ หรือการติดเชื้อทางเดินหายใจ รวมถึงประเมินอาการที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านระบบการนัดหมายและ ให้คำปรึกษาทางออนไลน์ คุณซูซาน แฟนนิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจสุขภาพ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “บริการให้คำปรึกษาออนไลน์ผ่านแอป Pulse by Prudential นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ระบบสาธารณสุขไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทาย ซึ่งพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ในฐานะบริษัทประกันชั้นนำ มั่นใจว่าดิจิทัลโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพของเราจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและดูแลสุขภาพของคนไทยให้สามารถก้าวผ่านสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น โดยเราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับเอไอเอส ในการสนับสนุนลูกค้าในช่วงการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทั้งการมอบประกันที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ฟรี ซึ่งถือเป็นเป็นเจ้าแรกในตลาดที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 250,000 บาท ตามด้วยความคุ้มครองเพิ่มเติมสูงสุด 550,000 บาท ให้กับลูกค้าเอไอเอส กว่า 1 ล้านคน ฟรี” “นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังปกป้องคนไทยจากการระบาดของโรคภัยอื่น ๆ อย่างโรคไข้เลือดออก ที่เราได้นำเสนอแผนประกันราคาพิเศษสำหรับ PRUDengue แบบครบวงจรให้กับลูกค้าเอไอเอส เพื่อคุ้มครอง พวกเขาจากโรคร้ายนี้ นับเป็นความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ขยายความร่วมมือกับ AIS เพื่อเป็นประโยชน์แก่ลูกค้า และประชาชนทุกคนให้สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ราคาเป็นมิตรและเข้าถึงได้ และมุ่งหวังว่าการร่วมมือกันเป็นพันธมิตรของทั้งสองบริษัทจะเข็มแข็งมากขึ้น เพื่อทำให้ผู้คนมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัยมากขึ้นไปอีก” คุณซูซาน กล่าวเพิ่มเติม