“มูลนิธิมาดามแป้ง” ภายใต้การดำเนินงานของ “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ มอบเครื่องผลิตออกซิเจนจำนวน 25 เครื่อง แก่ 4 โรงพยาบาลในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งเป็นการสนับสนุนอุปกรณ์จำเป็นทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือ และบรรเทาปัญหาอุปกรณ์การแพทย์ขาดแคลนในโรงพยาบาลต่างจังหวัดจากการรับมือสถานการณ์โควิด-19 โดยมี ร้อยเอกหญิงชญาดา หนีพาล กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิฯ เป็นผู้แทนมอบ พร้อมด้วย นายแพทย์ ศุภพงศ์ ไชยมงคล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ และ แพทย์หญิง ดวงพร อัศวราชันย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทอง รับมอบเมื่อวันอังคาร ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้องประชุม ชั้น 28 เมืองไทยประกันภัย นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวว่า “ปัจจุบัน จากการทำงานด้านการสนับสนุนทางการแพทย์ตลอด 1 ปีเต็ม ก็ทราบว่าปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์เป็นปัญหาใหญ่ ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้น จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้ง ยังมีผู้ป่วยวิกฤตจากการเจ็บป่วยด้วยโรคและอุบัติเหตุด้วยส่วนหนึ่ง รวมถึง ปัจจุบันแพทย์ พยาบาล ยังต้องออกไปดูแลผู้สูงอายุในชุมชนต่าง ๆ ด้วย อุปกรณ์จำพวก เครื่องช่วยหายใจ เครื่องผลิตออกซิเจน เหล่านี้มีความจำเป็นมากต่อการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และชีวิตผู้คน” “เราขอเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ทำงานต่อเนื่อง ในการสนับสนุนเครื่องผลิตออกซิเจน ขนาด 5 ลิตร จำนวน 25 เครื่อง มูลค่ารวม 475,000 บาท ให้แก่ 4 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองถึง 125 กิโลเมตร ดูแลประชาชนในพื้นที่และอำเภอใกล้เคียงกว่า 64,000 คน, โรงพยาบาลอ่างทอง มีจำนวน 338…
Author: staff
บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) เปิดงบปี 64 กำไรพุ่งแตะ 97.46ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.60% เทียบปีก่อน อานิสงส์รายได้ธุรกิจนายหน้าประภัยต่อโตเด่น บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดอีก 0.153 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 16 มี.ค.65 ฟากซีอีโอ “ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์” พร้อมเดินหน้าพัฒนาโปรดักส์ประกันภัยต่อรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า-ผู้บริโภค มั่นใจช่วยหนุนผลงานปี 65 โตต่อเนื่อง นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) ผู้ให้บริการนายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Broker) แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 97.46ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.60% เทียบปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 74.06 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 256.37ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.77% เทียบปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 196.04 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มจากธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป (Traditional Business) และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน (Alternative Business) “ผลประกอบการโดยรวมของปี 64 บริษัทฯ สามารถทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจาก TQR ร่วมคิดค้นและ พัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการทั้งคู่ค้า และลูกค้ามากที่สุด ประกอบกับผู้บริโภคมีความต้องการทำประกันภัยในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ส่งผลให้ผลงานในปี 64 เติบโตได้ดี” นายชนะพันธุ์กล่าว นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน)…
อาคเนย์ประกันชีวิต หนึ่งในสายธุรกิจหลักด้านประกันและการเงินไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤตโควิด ขยายระยะเวลาผ่อนผันชำระค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิต เพื่อช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นางภฤตยา สัจจศิลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันก็ยังไม่ฟื้นตัวบริษัทฯ มีความเข้าใจและห่วงใยลูกค้า จึงได้ขยายระยะเวลาการชำระเบี้ยปีต่ออายุของกรมธรรม์ประกันชีวิต เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้า ซึ่งอาจได้รับผลกระทบต่อรายได้และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่เพียงพอในชีวิตประจำวัน บริษัทฯ จึงมีนโยบายขยายระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันภัย รวมเป็น 61 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดชำระเบี้ย โดยมีผลต่อกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่มีวันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุตั้งแต่งวดวันที่ 1 มกราคม 2565 ถึง งวดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งลูกค้าไม่ต้องจัดทำเอกสารต่ออายุกรมธรรม์ และไม่มีดอกเบี้ยใดๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าคลายความกังวลใจจากสถานการณ์รอบด้าน “บริษัทฯ พร้อมช่วยเหลือดูแลลูกค้า และอยู่เคียงข้างทุกคนในภาวะที่ยากลำบาก ให้สามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน โดย อาคเนย์ประกันชีวิต มุ่งมั่นส่งเสริมให้คนไทยวางแผนการใช้ชีวิตและการวางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตด้วยความอุ่นใจ ปราศจากความกังวล ด้วยนวัตกรรมการประกันชีวิตและการบริการ เพื่อสร้างสุขภาพชีวิตที่ดีของลูกค้าและคนไทย” นางภฤตยา กล่าว สามารถติดต่อสอบถามมาตรการขยายระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ดูแลลูกค้า โทร.1726 กด 3 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.30น.
บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินธุรกิจปี 2564 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง มูลค่าธุรกิจใหม่ (NBV) เติบโต 30% เบี้ยประกันรับปีแรก (ANP) เติบโต 4% สะท้อนการดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีประสิทธิภาพ และการออกแบบผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพและสะสมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างดี มร.โทมัส วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานปี 2564 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เติบโตได้ต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายมากมาย โดยสามารถสร้างผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโตที่ 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 4% อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท โดยมาจากช่องทางตัวแทน 2.4 พันล้านบาท เติบโต 7.2% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 2.1 พันล้านบาท เติบโต 28% ในขณะที่ ช่องทางขายตรงเติบโตลดลง 18% อยู่ที่ 1.46 พันล้านบาท” ปี 2564 ยังเป็นปีที่ดีมากจากการสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตถึง 30% อยู่ที่ 2.76 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายประกันสุขภาพสูงโดยเป็นหนึ่งในบริษัทมีสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับยอดขายประกันทั้งหมดของบริษัท และยอดขายประกันประเภทสะสมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น เราสามารถคงอัตราเงินสำรองได้สูงกว่าตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉลี่ยตลอดปีที่ผ่านมาประมาณ 300% ลูกค้าจึงมั่นใจได้ถึงสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งของบริษัท สามารถให้ความคุ้มครองลูกค้าได้ในทุกสภาวะการณ์ “ผลงานทั้งหมดนี้ พิสูจน์ความสำเร็จของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความแข็งแกร่งให้กับทุกช่องทางการขาย คงความเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพและสะสมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และการสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง สำหรับในปี 2022 เราจะยังคงยึดมั่นในข้อตกลงตามสัญญาที่ได้ให้แก่ลูกค้าและพร้อมที่จะเคียงข้างลูกค้าในทุกเงื่อนไขชีวิต” มร.โทมัส กล่าวเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ ผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการปี 2564 มีรายได้เพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ 1.485 แสนล้านยูโร (ประมาณ 5.7 ล้านล้านบาท) และผลกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1.34 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 5.13 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 25% จากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ กลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัย มีรายได้เพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่ 6.23 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท) เป็นผลจากกระบวนการอนุมัติการรับประกันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 31% อยู่ที่ 5.7 พันล้านยูโร (ประมาณ 2.18 แสนล้านบาท) ถึงแม้ว่าจะมีเหตุภัยธรรมชาติเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงดีต่อเนื่อง เป็นผลมาจากวินัยในการอนุมัติการรับประกันและการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่กลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ กลุ่มอลิอันซ์ก็สร้างผลกำไรในระดับที่แข็งแกร่งเช่นกัน กำไรจากผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.91 แสนล้านบาท) เป็นผลมาจากการบริหารเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ยังสามารถสร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ได้ถึง 45% อยู่ที่ 2.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 9.6 หมื่นล้านบาท) จากยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นและกำไรที่มากขึ้นด้วย ทำให้บริษัทส่งต่อความเป็นเลิศและศักยภาพในการทำธุรกิจให้กับทีมงานและบริษัทในเครือได้ ในด้านของการบริหารสินทรัพย์ มูลค่าพอร์ตการลงทุนโดยเฉลี่ยมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 9% อยู่ที่ 2.6 ล้านล้านยูโร (99.5 ล้านล้านบาท) และจากการดูแลบริหารต้นทุนได้ดี ทำให้กำไรจากการดำเนินงานในส่วนนี้เพิ่มขึ้นถึง 22% อยู่ที่ 3.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.34 แสนล้านบาท) “นอกจากความท้าทายในปีที่แล้ว อลิอันซ์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัว บริษัทในเครือข่ายระดับโลกของเรากำลังเติบโต โดยจะเห็นได้จากผลกำไรจากการดำเนินการที่สูงเป็นประวัติการณ์ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของมูลค่าของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ผลกำไรที่เพิ่มสูงอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงประสิทธิผลการทำงานที่ดีขึ้น” มร. โอลิเวอร์ เบเทอร์ ซีอีโอของอลิอันซ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวทิ้งท้าย อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2564 1 ยูโร = 38.28 บาท
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR คว้ารางวัล แบรนด์ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดียในกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงิน (Best Brand Performance on Social Media : Financial Service) เป็นปีที่ 2 จากงาน THAILAND ZOCIAL AWARDS 2022 งานประกาศรางวัลโซเชียลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เพื่อยกย่องแบรนด์ เอเจนซี่ อินฟลูเอนเซอร์ และบุคคลในวงการบันเทิง ที่สร้างผลงานได้ดีเยี่ยมบนโลกโซเชียล และเพื่อตอกย้ำความสำเร็จและเดินหน้าสร้างบรรทัดฐานของการใช้โซเชียลมีเดียให้มีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ จัดโดย บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลบนสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งรางวัลดังกล่าวถือเป็นผลมาจากการวัดผลจากช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ความสนใจต่อเนื้อหา จำนวนการแชร์บนโซเชียลมีเดีย จำนวนของผู้ติดตาม ความรู้สึกของลูกค้าที่ตอบสนองแบรนด์ และการพูดถึงแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของเงินติดล้อในฐานะแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสื่อสาร ความเข้าใจกลุ่มลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการใช้นวัตกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้การสื่อสารเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเงินติดล้อในยุคปัจจุบัน โดยกิจกรรมประกาศรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นในรูปแบบ Virtual Event ผ่านช่องทาง Facebook Live ในวันที่ 22 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา ผู้สนใจติดตามข้อมูลเงินติดล้อเพิ่มเติมได้ที่ www.tidlor.com และ Facebook Fan page เงินติดล้อ หรือติดต่อสอบถามผลิตภัณฑ์และบริการได้ที่ call center หมายเลขโทรศัพท์ 088-088-0880 ตลอด 24 ชม.
คุณวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ากราบถวายมุทิตาจิตสักการะแด่ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ในโอกาสที่อายุวัฒนมงคล 69 ปี ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
ทิพยประกันภัย หรือ TIP ประกาศกำไรสุทธิ ปี 2564 ที่ 1,843ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.07 บาท โชว์เบี้ยประกันภัยรับทำนิวไฮใหม่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ ในส่วนของ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TIPH ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประกาศแผนธุรกิจประจำปี 2565 เดินหน้าการลงทุนใหม่ ผลักดันให้บริษัทลูกภายใต้ปีกของ TIPH สร้างมิติใหม่ให้กับธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย ยืนยันถึงความพร้อมด้านเงินทุน และจะสามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลเพื่อสร้างความยั่งยืนด้านการลงทุนให้ผู้ถือหุ้นในอนาคตได้ ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังคงมีกำไรสุทธิรวม 1,843ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.07 บาท ในส่วนของรายได้ TIP มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 29,410ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 15.79เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นเบี้ยประกันภัยรับต่อปีที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับในทุกผลิตภัณฑ์ ประกอบกับมีรายได้และกำไรจากเงินลงทุนรวม 864 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 14.48 ส่งผลให้TIP มีรายได้รวมทั้งหมดที่ 13,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในส่วนของงบการเงินรวมของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2564 เท่ากับ 1,829 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 3.05 บาททั้งนี้เนื่องจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการเพิ่งแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564 และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทย่อยอยู่ระหว่างการพิจารณาการจ่ายเงินปันผล ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทของ TIPH จึงเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาและอนุมัติงดการจัดสรรกำไรเพื่อเป็นทุนสำรองตามกฎหมายและงดการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2564…
บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ TQM เปิดผลประกอบการประจำปี 2564 รับกำไรสุทธิ 891.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27% สถานการณ์โอมิครอนส่งผลให้ผู้บริโภคซื้อประกันสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ประกันรถยนต์ที่เป็นยอดขายหลักลูกค้ามองเป็นเรื่องจำเป็นยังคงเติบโตดี หนุนเบี้ยประกันภัยทั้งปีทะลุเป้าที่ 17,505 ล้านบาท ชี้ในปีที่ผ่านมาหุ้น TQM โชว์ความโดดเด่นท่ามกลางมรสุมโควิด นับตั้งแต่ IPO ที่ไม่มีผู้ถือหุ้นที่เป็นกองทุนต่างชาติ จนปัจจุบัน มีสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติประมาณ 16% ของหุ้นทั้งหมด สะท้อนความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุน เปิดแผนกลยุทธ์ปี 2565 ต่อยอดการเติบโตในทุกมิติ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ‘TQC’ ที่ให้บริการด้านบริหารสินไหมประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุแก่บริษัทประกัน และ ‘อีซี่เลนดิ้ง’ ให้บริการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลและการเงิน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายฐานลูกค้า มุ่งลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลกับบริษัทในเครือเพื่อนำมาใช้พัฒนานวัตกรรมและการให้บริการด้านประกันภัย ส่งมอบประสบการณ์ใหม่และสร้างโอกาสการเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น เดินหน้าผนึกพันธมิตรบริษัทประกันภัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 15 ผลิตภัณฑ์ประกัน บุกชิงตลาดทุก segment พร้อมขยายช่องทางการขายเพิ่มทั้งออนไลน์-ออฟไลน์เต็มรูปแบบ ตั้งเป้ายอดเบี้ยประกันรวมปี 2565 ไว้ที่ 19,011 ล้านบาท ขณะที่ที่ประชุมบอร์ดฯ มีมติชงผู้ถือหุ้นจ่ายปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจ TQM ในปี 2564 ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิดแต่ TQM ก็ยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานออกมาได้ดี ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงภัยด้านปัญหาสุขภาพ จึงทำให้ยอดขายประกันสุขภาพของ TQM เติบโตขึ้น โดยเฉพาะการสั่งซื้อเข้ามาผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะที่ยอดขายจากประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้า ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% โดยเป็นรายได้จากการให้บริการ เป็นจำนวน 3,273.6 ล้านบาท และรายได้อื่น 153.4 ล้านบาท ภายใต้การบริหารจัดการการทำงานและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มสูงขึ้น โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น…
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จัดกิจกรรมออนไลน์สุดพิเศษ “New Year – New Yourself” นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และภาพลักษณ์องค์กรและการสื่อสารองค์กร ให้เกียรติกล่าวต้อนรับลูกค้าและเปิดงาน โดยกิจกรรม “New Year New Yourself” ได้รับเกียรติจากคุณสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือ นิ้วกลม นักเขียนชื่อดัง มาส่งมอบแรงบันดาลใจมากมายที่สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต พร้อมความรู้ที่เป็นประโยชน์ และความสุข ความสนุกสนาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ที่มีลูกค้ามาเป็นที่หนึ่ง และพร้อมอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป
เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) ครองแชมป์ความเป็นเลิศด้านการเคลมสินไหมทดแทน “Best Insurance Claim Management Thailand 2022” ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน จากการจัดอันดับโดย World Economic Magazine นิตยสารออนไลน์ด้านธุรกิจของสหรัฐอเมริกา ที่ยกให้เจนเนอราลี่เป็นเลิศด้านงานเคลมสินไหมที่ สะดวก รวดเร็ว พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าทุกสถานการณ์ สอดรับปณิธานหลัก Lifetime Partner 24: Driving Growth เตรียมปรับแผนงานบริการให้พรีเมี่ยม รองรับการเติบโตมากยิ่งขึ้น นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “การให้บริการสินไหมทดแทนถือเป็นบริการหลังการขายและเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจประกันอย่างมากในช่วงเวลานี้ เนื่องจากความเสียหายจากกรณีการทำประกันโควิด-19 ของหลายบริษัทที่เกิดขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจและยอมเสียเวลาในการค้นหาข้อมูลบริษัทประกันมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะข้อมูลด้านความน่าเชื่อถือ บริการหลังการขาย การให้บริการสินไหมทดแทน รวมถึงการสอบถามความคิดเห็นและความพึงพอใจจากผู้ใช้บริการด้วยกันเอง ก่อนการตัดสินใจซื้อประกันนั้น ๆ ซึ่งเจนเนอราลี่ได้เห็นถึงความสำคัญของความคาดหวังดังกล่าว จึงได้พัฒนาศักยภาพของงานด้านบริการอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทั้งยึดเอาแนวปณิธานหลักขององค์กรเรื่อง ‘Lifetime Partner 24: Driving Growth’ การยืนหยัดดูแลลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิต ทั้งการมอบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันภัยที่ครอบคลุมความต้องการ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของยุคสมัย รวมถึงงานบริการด้านต่าง ๆ ที่รวดเร็ว เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจและประทับใจ จึงส่งผลให้ เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) คว้ารางวัล “Best Insurance Claim Management Thailand 2022” องค์กรธุรกิจประกันที่มีบริการด้านการเคลมประสินไหมที่ดีที่สุดติดต่อกัน 2 ปีซ้อน จาก World Economic Magazine Award 2022 ที่จัดขึ้นโดย World Economic Magazine นิตยสารออนไลน์ด้านธุรกิจและการเงิน จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรางวัล “Best Insurance Claim Management Thailand 2022” แสดงถึงความเป็นเลิศในการให้บริการด้านสินไหมทดแทนที่รวดเร็วของเจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) โดยมีการให้บริการสินไหมทดแทนที่สะดวกสบายโดยไม่ต้องสำรองจ่าย โดยมีเครือข่ายสถานพยาบาลที่มีอยู่มากกว่า…