ธนาคารกรุงเทพ จับมือ เชลล์ ออก ‘บัตรเงินสด เชลล์-ธนาคารกรุงเทพ’ จับตลาดผู้ประกอบการไซส์เล็ก ช่วยควบคุมต้นทุนขนส่ง-กำหนดประเภทน้ำมันได้ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ เน้นใช้งานง่ายแต่ปลอดภัย ยืดหยุ่นเพราะไม่มียอดซื้อขั้นต่ำ ใบเดียวก็ซื้อได้ ทั้งยังใช้เป็นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้ ตั้งเป้าคว้าผู้ใช้ออกบัตรเงินสดเชลล์-ธนาคารกรุงเทพ 55,000 ใบในปีแรก นางสาวสุดฤทัย ทองสอง เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President สายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมกับบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ออก บัตรเงินสดเชลล์-ธนาคารกรุงเทพ (SHELL-BBL Prepaid Card) ซึ่งเป็นบัตรเงินสดแบบพรีเพด (มีเงินอยู่ในบัตร-ไม่สามารถเติมเงินเพิ่มอีกได้) เพื่อใช้แทนเงินสดสำหรับชำระค่าเติมน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันเชลล์ที่มีกว่า 720 สถานีทั่วประเทศ ตอบโจทย์กับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องใช้รถยนต์สำหรับดำเนินงาน เช่น การขนส่ง เดลิเวอรี่ หรือการออกให้บริการนอกสถานที่ เป็นต้น เพื่อให้กำหนดวงเงินการใช้จ่ายได้ตามที่ต้องการ จึงทำให้ธุรกิจบริหารต้นทุนด้านการขนส่งให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยมีบัตร 2 ประเภท ตามการใช้งาน ได้แก่ 1. บัตร Shell V-Power สำหรับลูกค้าที่ต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงเกรดพรีเมียมสมรรถนะสูงสุดของเชลล์ในประเภท V-Power เท่านั้น โดยมีอายุการใช้งานบัตร 1 ปี 2. บัตร Shell All Product สำหรับลูกค้าที่ใช้งานทั่วไปสามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทุกประเภท ซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อซีเล็ก เชลล์คาเฟ และบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง โดยมีอายุการใช้งานบัตร 1 ปี “ธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวนมากต้องใช้รถยนต์เข้ามาสนับสนุนการทำงานเป็นประจำ ซึ่งบางรายอาจเลือกใช้บัตรเครดิตสำหรับองค์กร หรือ Fleet Card เข้ามาช่วยจัดการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเติมน้ำมันได้ดีอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันยังมีผู้ประกอบการรายเล็กอีกจำนวนมาก ที่อาจจะยังไม่เข้าเงื่อนไขการสมัครใช้ Fleet Card ได้ ตรงนี้จึงยังเป็นช่องว่างทางการตลาดที่ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ที่เข้าใจและพร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการทุกกลุ่ม จึงได้ร่วมกับเชลล์ ซึ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันชั้นนำของประเทศตั้งใจเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ โดยใช้รูปแบบของบัตรแบบพรีเพดซึ่งใช้งานง่าย สะดวกและปลอดภัย ทั้งมีความยืดหยุ่นสูง เพราะไม่จำกัดจำนวนบัตรขั้นต่ำที่ต้องการซื้อ และไม่มีค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อบัตรมูลค่าตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป…
Author: staff
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) นำโดย นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร ให้การต้อนรับนางสิริพร จังตระกุล เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และสมาชิกอาสาพิทักษ์สิทธิผู้ถือหุ้น จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมกิจการ พร้อมรับฟังการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและไทย ในสายตานักลงทุนสถาบัน” อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการลงทุนกับผู้บริหารของบลจ.กสิกรไทย ตอกย้ำภาพความเป็น Trusted Asset Manager ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ลงทุนไทยเป็นอันดับ 1
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) ประสบความสำเร็จจากผลงานการบริหารกองทุนอย่างโดดเด่น โดยเข้ารับ 2 รางวัลกองทุนยอดเยี่ยมจากกองทุน KT-HiDiv-D และ KT-HiDiv RMF ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ที่ได้รับรางวัลนี้ จากงาน Morningstar Awards for Investing Excellence 2025 ซึ่งจัดโดย บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) โดยมีนางชวินดา หาญรัตนกูล (กลาง) กรรมการผู้จัดการ นายวีระ วุฒิคงศิริกูล (ที่ 4 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน และนางแสงจันทร์ ลี (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน งานลงทุนในตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนเข้ารับรางวัล พร้อมทั้งทีมผู้จัดการกองทุนที่เข้าร่วมแสดงความยินดี ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 นี้ สำหรับ 2 รางวัลที่ได้รับประกอบด้วย รางวัลกองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยมปี 2025 ประเภท กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap) จาก กองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นไฮดิวิเดนด์ (ชนิดจ่ายเงินปันผล) (KT-HiDiv-D) และรางวัลกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพยอดเยี่ยม ปี 2025 ประเภท ตราสารทุน (Retirement Mutual Fund – Equity) จาก กองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นไฮดิวิเดนด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-HiDiv RMF) โดยทั้งสองกองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6 และมีการลงทุนแบบเชิงรุก โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีปัจจัยพื้นฐาน ผลการดำเนินงานที่ดีและมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดีสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ทั้ง 2 กองทุนยังได้รับรางวัลดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่…
ที ไลฟ์ ประกันชีวิต ยกระดับการให้บริการด้วยการเปิดตัวให้ลูกค้าซื้อแบบประกัน Smart Annuity 95/5 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) ผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการ มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตในยุคดิจิทัล พร้อมโปรโมชั่นบัตรกำนัลเซ็นทรัล สูงสุด 5% ของเบี้ยประกันภัยปีแรก นายวุฒิเลิศ สุวรรณศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเปิดตัวประกัน Smart Annuity 95/5 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) ผ่านช่องทางออนไลน์ คือก้าวสำคัญในการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการวางแผนเกษียณอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความสะดวกสบาย เพียงปลายนิ้วสัมผัส ลูกค้าสามารถคำนวณเบี้ยประกัน และทำธุรกรรมได้ทันทีแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาใด” แบบประกัน Smart Annuity 95/5 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) มีจุดเด่นหลายประการ โดยเฉพาะการจ่ายเบี้ยประกันสั้นเพียง 5 ปี แต่ให้ความคุ้มครองยาวนานถึงอายุ 95 ปี ด้วยเงินเอาประกันภัยเริ่มต้นเพียง 50,000 บาท รองรับผู้สนใจตั้งแต่อายุ 20-55 ปี ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินบำนาญสูงสุด 36 งวด ปีละ 20% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยมีอายุครบ 60-95 ปี รวมสูงสุดถึง 720% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย อีกทั้งยังได้รับความคุ้มครองชีวิตในช่วงก่อนรับเงินบำนาญที่ 110% ของเบี้ยประกันภัยที่ชำระมาแล้วทั้งหมด หรือเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ (แล้วแต่มูลค่าใดสูงกว่า) และที่สำคัญ ผู้เอาประกันภัยสามารถนำเบี้ยประกันไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาทต่อปี ตลอดระยะเวลาการชำระเบี้ย ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อีกด้วย นอกจากนี้ T Life ยังเพิ่มความพิเศษสำหรับผู้ซื้อแบบประกัน Smart Annuity 95/5 (บำนาญแบบลดหย่อนได้) จำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น 50,000 บาทขึ้นไป · รับบัตรกำนัลเซ็นทรัล มูลค่า 5% ของเบี้ยประกันภัยปีแรก เมื่อชำระเบี้ยด้วยเงินสดแบบรายปี · รับบัตรกำนัลเซ็นทรัล มูลค่า 4%…
กรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทร่วมลงทุน (Corporate Venture Capital: CVC) ในเครือกรุงศรี เดินหน้าวางรากฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยแนวคิด Scaling New Height Together เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น Global Venture Capital และสนับสนุนสตาร์ตอัปทั้งไทยและอาเซียนให้เติบโต พร้อมโชว์ความสำเร็จจากการปั้นสตาร์ตอัปไทยและอาเซียนในรอบนำเสนอผลงาน 12 ทีมสุดท้ายของ Finno Efra Accelerator Program ที่มีองค์กรและนักลงทุนชั้นนำเข้าร่วม Demo Day อย่างคับคั่ง กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ในเครือกรุงศรี กล่าวว่า “กรุงศรี ฟินโนเวต ยังคงมุ่งผลักดัน Startup Ecosystem ทั้งในไทยและในภูมิภาคอาเซียนให้เติบโตในทุกช่วงอย่างแข็งแกร่ง ในปีนี้ กรุงศรี ฟินโนเวต จะให้น้ำหนักการลงทุนในสตาร์ตอัปอาเซียนเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับในส่วนของความร่วมมือ (Partnerships) จะได้เห็นความร่วมมือในต่างประเทศมากขึ้น จึงนับได้ว่าเป็นการขยายศักยภาพและความเชี่ยวชาญของ กรุงศรี ฟินโนเวต ออกไปในระดับภูมิภาคอาเซียนให้มากขึ้น เพื่อปูทางสู่เป้าหมายสำคัญในการเป็น Venture Capital ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคาร กรุงศรี” ทั้งนี้ ปี 2567 ที่ผ่านมา กรุงศรี ฟินโนเวต ได้สร้างโอกาสทางธุรกิจแก่สตาร์ตอัปที่มีศักยภาพผ่านการสร้างสรรค์อีโคซิสเต็มที่เหมาะสมต่อการเติบโตและขยายโอกาสทางธุรกิจ ไม่เพียงแค่ในด้านฟินเทค แต่ยังรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลและความยั่งยืน ด้วยเห็นถึงพลวัตเศรษฐกิจที่การบูรณาการอย่างเหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทั้งในระดับธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวม โดยปีที่ผ่านมากรุงศรี ฟินโนเวต ได้เปิดตัวโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัปไทย “Finno Efra Accelerator Program ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรุงศรี ฟินโนเวต กับ อีฟราสตรัคเจอร์ เพื่อเสริมศักยภาพให้กับสตาร์ตอัปรุ่นใหม่ โดยได้รับเกียรติจากเมนเทอร์และโค้ชผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งใน Batch 1 มีสตาร์ตอัป 12 ทีมที่ผ่านการคัดเลือก จากราว 200 สตาร์ตอัปที่สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยหลังจากที่ทั้ง 12 ทีมผ่านการเข้าเรียนกว่า 30 คลาสในช่วงสี่เดือน เราจึงได้จัดให้ทั้ง 12 ทีมได้มีโอกาสนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการ บริษัท นักลงทุน…
ประธานกรรมการ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศเดินหน้าสู่การเป็น “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking)” อย่างแท้จริง มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และเติบโตไปด้วยกันแบบทั่วถึง (Inclusive Growth) ภายใต้ปรัชญา Make REAL Change ผ่านการดำเนินธุรกิจตามแนวคิด B+ESG ที่ผสานธุรกิจและความยั่งยืนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เดินหน้าขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์ทรานส์ฟอร์มองค์กรรอบด้าน โฟกัสบนลูกค้า 5 กลุ่มเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมให้ทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรและคนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบีมุ่งดำเนินธุรกิจตามแนวคิด B+ESG ที่ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน โดยเน้นสร้างการเติบโตแบบทั่วถึง เพื่อให้ทุกคนที่มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) มีโอกาสเติบโตไปด้วยกัน ทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร และสังคม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจที่ดีกว่าในระยะยาว และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็น “ธนาคารเพื่อความยั่งยืน” โดยตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจของทีทีบีได้สร้างชีวิตทางการเงินและแก้ปัญหาให้กับผู้คนอย่างแท้จริง ทีทีบีให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีพันธกิจมุ่งยกระดับชีวิตทางการเงินของไทยให้ดีขึ้น ผ่านโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล เช่น บัญชี ttb all free ที่มอบสิทธิประโยชน์ “ประกันอุบัติเหตุ ฟรี” ช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้ลูกค้ากว่า 2.2 ล้านคน คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลไปกว่า 222 ล้านบาท และยังมีบริการรวบหนี้ (Debt Consolidation) ที่ทำให้ลูกค้าปลดหนี้ได้ไวขึ้น ซึ่งในปี 2567 ช่วยลูกค้ารวบหนี้ไปแล้วกว่า 37,000 ราย แบ่งเบาภาระดอกเบี้ยจากสินเชื่อรวบหนี้ เป็นมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท รวมทั้งยังช่วยลูกค้าธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่โมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนผ่านแพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถมือสอง Roddonjai เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าเต็นท์รถอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมีรถที่พร้อมขายทั้งหมด 77,000 คัน จากดีลเลอร์และพันธมิตรกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ และมียอดขายรถมากกว่า 40% ของจำนวนรถที่นำเสนอขายทั้งหมด ปัจจุบันปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงขึ้น ทีทีบีมุ่งขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-zero Commitment เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ผ่านกลยุทธ์ Climate Strategy ที่ครอบคลุมทั้งการดำเนินงานของธนาคาร…
เนื่องในวันสตรีสากลปีนี้ แอกซ่า ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ผู้หญิงสามารถก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ ในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำทางเพศภาวะ และความท้าทายทางด้านการเงินที่ต้องเผชิญผ่านแผนสมาร์ทแพลน เอสเอ็มอี (SmartPlan SME) ซึ่งสอดคล้องไปกับแคมเปญระดับโลกของกลุ่มแอกซ่า ‘เป็นผู้หญิงไม่ควรต้องเสี่ยง Being a Woman Shouldn’t Be a Risk’ ที่ได้เน้นย้ำถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ผู้หญิงทั่วโลกต้องเผชิญมากกว่าเพศอื่น ๆ จากงานวิจัยระดับโลกได้สะท้อนให้เห็นว่าหนึ่งในสามของผู้หญิงต้องประสบปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเพศ อันส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อสภาพร่างกาย ความเป็นอยู่ และความมั่นคงทางการเงิน ทั้งนี้ การมีอิสรภาพทางการเงิน นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้หญิงสามารถหลีกเลี่ยงและข้ามผ่านความเหลื่อมล้ำในสังคมไปได้ นางสาวปวีณา เขมะรังสรรค์ ผู้อำนวยการสายงานบริหารลูกค้า บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ ผู้หญิงทั่วโลกเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่ได้สัดส่วน ความเป็นอิสระทางการเงินสามารถช่วยเสริมพลังให้ผู้หญิงมีทางเลือกและเสริมความมั่นคงในการดำรงชีวิตได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งลดความเสี่ยงในโอกาสที่จะต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำทางเพศภาวะ ที่แอกซ่าเรามุ่งมั่นตั้งใจสร้างโซลูชันให้กับผู้หญิงที่มากกว่าการเสริมสร้างความตระหนักรู้ อีกทั้งเพื่อตอบสนองถึงความต้องการด้านการคุ้มครองทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงแก่ผู้ประกอบการผู้หญิง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้หญิงสามารถมีทรัพยากรทางเลือกเพื่อเติบโตก้าวหน้าและสร้างอนาคตที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น” เพื่อยกระดับและเสริมอิสระทางการเงินของผู้หญิง แอกซ่า ประเทศไทย นำเสนอ แผนสมาร์ทแพลน เอสเอ็มอี (SmartPlan SME) โซลูชันประกันภัยที่ครอบคลุม ซึ่งปรับให้เหมาะกับความเสี่ยงเฉพาะต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ ด้วยความคุ้มครองสูงสุดถึง 30 ล้านบาท โดยกลุ่มแผนสมาร์ทแพลน ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของเหล่าผู้ประกอบการ SMEs ผ่านทางเลือกพิเศษที่ประกอบด้วย · สมาร์ทแพลน ช็อป: หลักประกันที่ให้ความอุ่นใจในธุรกิจร้านค้าทั่วไปของคุณ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านค้าปลีก สินค้าแฟชั่น เช่น ร้านเสื้อผ้า ร้านรองเท้า ร้านจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์เบ็ดเตล็ด และร้านหนังสือ · สมาร์ทแพลน เซอร์วิส: หลักประกันที่ให้ความอุ่นใจในธุรกิจบริการของคุณ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจที่ให้บริการต่างๆ อาทิ ร้านตัดผม คลินิกทันตกรรม · สมาร์ทแพลน เอฟแอนด์บี: หลักประกันที่ให้ความอุ่นใจในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มของคุณ เหมาะสมกับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือร้านเบเกอรี่ “แนวทางในการสนับสนุนนั้นเน้นสะท้อนความมุ่งมั่นของเราที่เป็นรูปธรรม เข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย” นางสาวปวีณา กล่าวเสริมพร้อมปิดท้ายว่า “การเสริมเกราะป้องกันทางการเงินที่เป็นเลิศและเหมาะสมนั้นจะผลักดันให้เหล่าผู้หญิงสามารถพลิกโอกาสในการสร้างธุรกิจของตนได้อย่างมั่นใจ” ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแอกซ่า ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศในสังคม อีกทั้งช่วยส่งเสริมความกล้าเพื่อก้าวข้ามความท้าทาย ไร้กังวลด้านการเงิน…
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้บริหารสายงานกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า รับมอบรางวัล Top Influential Brand Award 2024 สาขา Life Insurance จากงาน 2024 Asia CEO Summit & Award Ceremony ตอกย้ำถึงการเป็นสุดยอดแบรนด์ประกันชีวิตที่ครองใจผู้บริโภค ด้วยแนวทางการดำเนินงานที่เข้าใจ ใส่ใจ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวมาจากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z จากหลากหลายอาชีพและอุตสาหกรรม เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและความชื่นชอบของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ต่าง ๆ ในเอเชียและประเทศไทย โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้น ณ ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพ เมื่อเร็ว ๆ นี้ “เรารู้สึกเป็นเกียรติ และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล Top Influential Brand Awards 2024 ประเภท Top Brand ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ไว้วางใจให้ กรุงเทพประกันชีวิตเป็นสุดยอดแบรนด์ที่สามารถครองใจผู้บริโภค และยังตอกย้ำถึงการเป็นองค์กรที่เข้าใจ ใส่ใจ ลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงใจผ่าน แบรนด์แคมเปญ“กรุงเทพประกันชีวิตเชื่อมั่นในพลังของความใส่ใจ” กิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค บริการเสริม BLA EveryCare ดูแล ใส่ใจทุกการเจ็บป่วยของลูกค้าให้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น และ กิจกรรมสิทธิพิเศษต่างๆ จาก BLA Happy Life Club เพื่อสร้างความผูกพันสร้างความสุขในทุกวันให้กับลูกค้าได้ ผ่านสิทธิพิเศษที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ที่เราตั้งใจทำให้มาตลอดในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะเราเชื่อว่า เมื่อเราใส่ใจลูกค้ามากพอ นานพอ ลูกค้าจะรักเรา วางใจเรา และให้โอกาสกรุงเทพประกันชีวิตได้เป็นแบรนด์ที่ครองใจตลอดไปค่ะ” นางสาวอรนาฎกล่าว รางวัล Top Influential Brand Awards 2024 เป็นรางวัลระดับภูมิภาคเอเชียที่จัดโดย บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ จำกัด…
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นประธาน จัดงาน “MTL Bancassurance Kick Off 2025” ภายใต้ธีม “Breakthrough Our Limits From Good to Great” ก้าวข้ามทุกลิมิตเพื่อพิชิตเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน เพื่อปลุกพลังให้เต็มเปี่ยม พร้อมก้าวข้ามทุกขีดจำกัด ขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จและการเติบโตที่แข็งแกร่ง ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืน ภายในงานยังได้มอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ในปี 2568 แก่ผู้บริหารและฝ่ายขายช่องทางธนาคาร หรือ Bancassurance ทั่วประเทศ โดยมีนายเคียม เคียว โฮ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส นายเกศพงศ์ นาทะสิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และผู้บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมในงาน ณ โรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) สำหรับผลการดําเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ในอัตรา 0.21 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวมกว่า 41 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 11 มีนาคม 2568 สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีนโยบายการลงทุนโดยซื้อทรัพย์สินที่ลงทุนที่บริษัท โรงแรม ป่าเกาะ จำกัด เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และได้ใช้ในการดำเนินกิจการ โครงการโรงแรมซิกส์เซ้นส์ ยาวน้อย ตั้งอยู่บนเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โดยปัจจุบันได้รับผลประโยชน์จากบริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล ลัคชัวรี ฮอสพิทัลลิตี (ไทยแลนด์) จำกัด (เอสแอลเอช) ในฐานะผู้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนรวมลงทุน ทั้งนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) มีข้อมูลการจ่ายเงินปันผลต่อหน่วยลงทุนย้อนหลัง 5 ปี คือ ปี 2564อยู่ที่ 0.0850 บาทต่อหน่วย ปี 2565 อยู่ที่ 0.2400 บาทต่อหน่วย ปี 2566 อยู่ที่ 0.53 บาทต่อหน่วย ปี 2567 อยู่ที่ 0.75 บาทต่อหน่วย โดยรวมการกับการจ่ายปันผลงวดนี้ 0.21 บาทต่อหน่วย รวมเป็นยอดจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 1.815 บาทต่อหน่วย (ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568) คำเตือน ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต อนึ่ง การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน…