ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จับมือ วีซ่า ยกระดับโซลูชันบัตรเดบิต ttb all free ให้เหนือขึ้นอีกขั้น ร่วมเปิดตัว “บัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Games Paris 2024” ลายพิเศษ ต้อนรับโอลิมปิก ปารีส 2024 เป็นบัตรเดบิตใบแรกและใบเดียวที่ไม่มีค่าธรรมเนียมบัตรแรกเข้าและรายปี พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ที่ให้ใช้จ่ายได้คุ้มค่าทั้งในและต่างประเทศ และยังจัดแคมเปญพิเศษ ยิ่งใช้จ่ายผ่านบัตรยิ่งได้ของรางวัล และรับสิทธิ์ชิงโชคลุ้นเอ็กซ์คลูซีฟ ทริป บินตรงชมพิธีปิด Olympic Games Paris 2024 ที่ฝรั่งเศส โดยวีซ่า ทีทีบี ยังคงเดินหน้าส่งมอบโซลูชันการเงินที่ส่งเสริมให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงนับถอยหลังเข้าสู่มหกรรมกีฬาระดับโลกโอลิมปิก ฤดูร้อนนี้ วีซ่า พันธมิตรทางการเงินที่แข็งแกร่งของ ทีทีบี และเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของ Olympic Games Paris 2024 ได้ร่วมกับ ทีทีบี เปิดตัว “บัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Games Paris 2024” ลายหน้าบัตรต้อนรับโอลิมปิก ปารีส 2024 กับ 2 ลายพิเศษ โดยเป็นบัตรเดบิตใบแรกและใบเดียวที่ไม่มีค่าธรรมเนียมบัตรแรกเข้าและรายปี เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้จ่ายได้คุ้มค่ากว่าเดิมให้กับคนรุ่นใหม่ที่กล้าเปลี่ยน…เพื่อโอกาสทางการเงินที่เหนือกว่าเดิม โดยได้แชมป์โลกแบดมินตันชายไทยคนแรก วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ช่วยสื่อสารและเชิญชวนคนกล้าให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนสู่ชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งวันนี้และอนาคต บัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Games Paris 2024 เป็นบัตรเดบิต Limited Edition ลายOlympic Games Paris 2024 หน้าบัตร 2 ลายพิเศษ มีจำนวนจำกัดเพียง 20,000 ใบเท่านั้น ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี พร้อมสิทธิพิเศษส่วนลดจากร้านอาหารกว่า 600 ร้านทั่วประเทศ และร้านค้าชั้นนำสูงสุด 20% ตลอดปี…
Author: staff
THREL กางแผนปี 2567 เดินหน้ากลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยต่อรับโตต่อเนื่อง 4-5% ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลอัตรา 0.086 บาท/หุ้น หลังปิดผลงานปี 2566 กำไรสุทธิ 62 ล้านบาท กวาดเบี้ยประกันภัยต่อรับโต 17% แตะ 3,455 ล้านบาท ตามการเติบโตงานประกันสุขภาพทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567 มีสัญญาณการเติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันชีวิต นับจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ค่ารักษาพยาบาลขยับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตเติบโตสดใส ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เร่งเดินหน้าขยายโอกาสต่อยอดธุรกิจ ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ “ซ่อม-สร้าง” ปักธงเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโต 4-5% จากปี 2566 ที่ทำได้ 3,455 ล้านบาท โดยกลยุทธ์ “สร้าง” จะเน้นธุรกิจที่มีโอกาสต่อยอดการเติบโต โดยเฉพาะประกันสุขภาพรายบุคคลที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นตามภาพรวมอุตสาหกรรม ขณะที่กลยุทธ์ด้าน “ซ่อม” จะเน้นดูแลรักษาคุณภาพการรับงานใหม่ๆ เพื่อคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยฉพาะงานด้านประกันสุขภาพกลุ่ม ที่ส่วนใหญ่จะได้รับผลโดยตรงจากการปรับขึ้นราคาค่ารักษาพยาบาล (Medical Cost Inflation) โดยเฉพาะในช่วง COVID-19 ที่มีการขยับขึ้นสูงกว่า 10% เทียบจากช่วงสถานการณ์ปกติมีการปรับขึ้นเฉลี่ยราว 5-7% ต่อปี ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการทบทวนราคาค่าเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับการต่ออายุสัญญาให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว นายวิพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2566 อัตรา 0.086 บาท/หุ้น คิดเป็นวงเงินรวม 52.46 ล้าน หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 84.6% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่าขั้นต่ำของนโยบายจ่ายเงินปันผลที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ หลังภาพรวมผลงานปี 2566 ยังคงเติบโตดี โดยในปี 2566…
บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ประกาศความสำเร็จ ผลการดำเนินธุรกิจปี 2566 ยอดเยี่ยม สร้างเบี้ยประกันภัยรับรวมทะลุ 1 หมื่นล้านบาท เติบโตสูง 6% เหนือค่าเฉลี่ยตลาดประกันภัยในประเทศไทย ลุยเดินหน้าเติบโตต่อ ด้วยกลยุทธ์เสริมแกร่งช่องทางขาย มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า พร้อมพัฒนาทีมงานสู่ความเป็นมืออาชีพทุกด้าน รักษาตำแหน่งองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุด มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย กล่าวว่า ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์อลิอันซ์ ที่ได้รับการจัดอันดับจากอินเตอร์แบรนด์ ให้เป็นแบรนด์ประกันภัยอันดับหนึ่งของโลก ทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยให้เราเป็นผู้ดูแลและบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างความมั่นคงแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ผลักดันให้เกิดการเติบโตของธุรกิจอลิอันซ์อย่างต่อเนื่อง สำหรับ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ในปีที่ผ่านมา บริษัททำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างสถิติใหม่ในการเติบโตถึง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่กว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเติบโต 14% เบี้ยประกันมูลค่า 3.2 พันล้านบาท ประกันรถยนต์เติบโต 3% เบี้ยประกันมูลค่า 3.3 พันล้านบาท และประกันวินาศภัยและทรัพย์สินอื่นๆเติบโต 5% เบี้ยประกันมูลค่า 3.5 พันล้านบาท นอกจากนั้น ปี 2023 ที่ผ่านมา ยังเป็นปีที่บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานสูงกว่า 500 ล้านบาท ความสำเร็จเหล่านี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูง การริเริ่มนวัตกรรมและโครงการใหม่ ที่ประสบความสำเร็จช่วยสนับสนุนการเติบโตเป็นอย่างมาก อาทิ ผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพที่สามารถเข้าถึงลูกค้าทุกเพศทุกวัยได้ดียิ่งขึ้น การพัฒนาด้านเทคโนโลยีให้บริการลูกค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเข้าซื้อกิจการ เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจขับเคลื่อนการเติบโตในปี 2567 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ 3 เสาหลัก ดังต่อไปนี้ (1) ช่องทางขายตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยโซลูชั่นด้านการประกันภัยที่ครบวงจร ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายย่อยหรือบุคคล (Retail) ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันคุ้มครองสุขภาพ คุ้มครองทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ และวินาศภัยต่างๆ ลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SME) ด้วยผลิตภัณฑ์คุ้มครองการดำเนินธุรกิจ ทั้งทรัพย์สินในการประกอบอาชีพ หรือแม้แต่คุ้มครองการหยุดชะงักของรายได้หากเกิดภัยใดใด…
นางสาวพัชนีวรรณ ตันประวัติ (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการตลาด บริษัท แมคไทย จำกัด และ คุณณัชสิชา วรพฤกษ์พิสุทธิ์ (ขวาสุด) รองประธานและหัวหน้าฝ่ายการพัฒนาตลาด มาสเตอร์การ์ด ร่วมผนึกกำลังขยายบริการชำระเงินแบบไร้สัมผัส Tap & Go มอบประสบการณ์การชำระเงินที่สะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าแมคโดนัลด์ ทั้งการชำระเงิน ณ เคาน์เตอร์แคชเชียร์และเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK) พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือบัตรพรีเพดของมาสเตอร์การ์ดที่ร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขาตลอดปี 2567 ร่วมฉลองความร่วมมือครั้งสำคัญกับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษสำหรับผู้ถือเดบิต บัตรเครดิต หรือบัตรพรีเพด มาสเตอร์การ์ด ได้ง่ายๆ เพียงแตะจ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ 250 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป รับฟรีทันที! เฟรนช์ฟรายส์ขนาดกลาง 1 กล่อง เมื่อสั่งซื้อผ่านทางหน้าร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2567 นี้ โดยสามารถติดตามสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากแมคโดนัลด์และมาสเตอร์การ์ด ได้อีกมากมายตลอดทั้งปี 2567 ได้แล้วที่ Facebook.com/Mcthai หรือ Facebook.com/MastercardTH
ไทยพาณิชย์เดินหน้าความยั่งยืนให้กับสังคมไทย เริ่มจากการดำเนินงานภายในของธนาคารควบคู่ไปกับการมอบความยั่งยืนให้ลูกค้าและคู่ค้า ตามพันธกิจ Net Zero จากการดำเนินงานภายในปี 2030 ประกาศความพร้อมเปลี่ยนขวดน้ำดื่มเพื่อใช้ในกิจกรรมองค์กรเป็นพลาสติกรีไซเคิล 100% หรือขวด rPET จำนวนปีละกว่า 1.3 ล้านขวด โดยเป็นธนาคารแรกของไทยที่ใช้ขวดที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งรับการรับรองมาตรฐานคุณภาพความปลอดภัยและความสะอาดจากองค์การอาหารและยา (อย.) มาตรฐานจาก อย.สหรัฐ ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) โดยความร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดำเนินธุรกิจด้วยหลักความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เตรียมแผนต่อยอดความร่วมมือกับ GC ด้วยการเก็บกลับขวดพลาสติกใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลพลาสติกเป็นขวดบรรจุภัณฑ์ใหม่ คืนชีวิตให้ขยะพลาสติกใช้แล้วกลับมาสร้างคุณค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวม ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงบทบาทในการเป็นตัวกลางที่จะผลักดันสังคมยั่งยืน ด้วยเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ Net Zero จากแผนการดำเนินงานภายในของธนาคารภายในปี 2030 และจากการให้สินเชื่อและการลงทุนภายในปี 2050 แม้ว่าสถาบันการเงินจะเป็นธุรกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ แต่ธนาคารก็ยังให้ความสำคัญที่จะบูรณาการแนวทางการปฏิบัติงานภายในที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยในปีนี้ได้ริเริ่มลดการใช้พลาสติกภายในองค์กร จากการเปลี่ยนขวดน้ำดื่มที่ใช้สำหรับกิจกรรมต่างๆ ของธนาคาร เป็นขวดน้ำที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 100% จำนวนปีละกว่า 1.3 ล้านขวด โดยเป็นธนาคารแรกที่ริเริ่มใช้ขวดประเภทดังกล่าว ด้วยความห่วงใยถึงความสะอาดและความปลอดภัยของลูกค้าและผู้บริโภค ธนาคารจึงได้เลือกใช้ขวดน้ำดื่ม rPET (Recycled Polyethylene Terephthalate) ซึ่งเป็นขวดพลาสติกที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลด้วยเทคโนโลยีการรีไซเคิลพลาสติกมาตรฐานยุโรปที่ทันสมัย โดยโรงงานรีไซเคิลพลาสติกคุณภาพสูง ENVICCO หนึ่งใน GC Group ที่ได้รับรองมาตรฐานคุณภาพความสะอาดและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา (อย.) และมาตรฐานจาก อย.สหรัฐ rPET นับเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาขยะพลาสติกปิดเส้นทางขยะสู่หลุมฝังกลบ โดยหมุนเวียนพลาสติกใช้แล้วในประเทศไทยให้กลับมาเป็นทรัพยากรสำหรับการขึ้นรูปเป็นขวดน้ำใหม่ สามารถลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขวดน้ำดื่ม “น้ำใจไทยพาณิชย์ rPET” โฉมใหม่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Sustainable Bloom” ความยั่งยืนที่เบ่งบานสู่อนาคต นำเสนอในลวดลายดอกไม้หลากสีรวม 17 สี อันสื่อถึง 17 เป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งยังเป็นตัวแทนแสดงเจตจำนงของธนาคารที่จะส่งมอบความยั่งยืนให้แก่สังคมและดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับโลกใบนี้ ทั้งนี้ การใช้ขวด rPET สามารถลดปริมาณขยะฝังกลบและขยะที่ถูกทิ้งลงทะเล ลดมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม…
SAWAD ปิดงบปี 66 ทำกำไรสุทธิรวม 5,254 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อจ่อพุ่งทะยานสู่ 100,000 ล้านบาท หลังควบรวมสินเชื่อเงินสดทันใจ ด้านผู้บริหาร ธิดา แก้วบุตตา ชี้ปี 67 เป็นขาขึ้นเต็มตัว จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงหนุนต้นทุนทางการเงินลด คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น พร้อมเบรกความเสี่ยงผ่านการให้สินเชื่ออย่างมีคุณภาพมากขึ้น เพื่อคุมระดับ NPLs ตามกรอบ 3-4% ตั้งเป้าปีมังกรรุกตลาดอาเซียนและดันพอร์ตสินเชื่อขยายตัวอย่างต่ำ 20% ส่วนบอร์ดอนุมัติปันผลประจำปี 66 เป็นหุ้นด้วยอัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รอผู้ถือหุ้นไฟเขียว พร้อมจ่าย 23 พฤษภาคมนี้ ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2566 ของบริษัทและบริษัทย่อย (สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566) มีกำไรสุทธิรวม 5,254 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยราว 15,743.7 ล้านบาท และรายได้อื่นราว 3,170.8 ล้านบาท รวมรายได้อยู่ที่ 18,914.5 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้การเติบโตในปี 2566 มาจากธุรกิจหลักสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย รวมถึงการควบรวมกิจการของบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ส่งผลให้รับรู้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ผลักดันพอร์ตสินเชื่อทั้งปีขยายตัวสูงที่ระดับ 98,569 ล้านบาท อีกทั้งค่าใช้จ่ายสำรองลดลงเนื่องจากการบันทึกค่าใช้จ่ายสำรองพิเศษเพียงครั้งเดียวในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 จึงสนับสนุนให้ทั้งปีมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4/2566 มีรายได้ดอกเบี้ย 4,546 ล้านบาท และรายได้อื่นอยู่ที่ 769 ล้านบาท รวมรายได้อยู่ที่ 5,313 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยขนาดของสินเชื่อคงเหลือที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง “ปี…
นายณัฐพงศ์ บุญเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตร “งานปฏิบัติเบื้องต้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและความปลอดภัย” ซึ่งบริษัทฯ จัดขึ้นเพื่อเพิ่มองค์ความรู้ด้านการให้บริการงานซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ให้แก่ สมาชิกศูนย์ซ่อมมาตรฐาน และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการบริการสินไหมทดแทน ในพื้นที่ฝ่ายปฏิบัติการภาค 3 (ภาคตะวันออก) โดยได้รับเกียรติจาก ดร. นภดล กลิ่นทอง ข้าราชการบำนาญ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ ณ โรงแรมบางแสน เฮอริเทจ ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี สำหรับการอบรมในหลักสูตรดังกล่าว เป็นการขยายผลการจัดอบรมต่อเนื่องจากพื้นที่ส่วนกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ออกสู่ภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันตก ภาคใต้ และภาคตะวันออก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการงานซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจรและอยู่บนมาตรฐานเดียวกันทุกศูนย์ซ่อมมาตรฐานทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนารูปแบบและตรวจสอบคุณภาพการบริการ ด้วยการกำหนดมาตรฐานการตรวจประเมิน รวมถึงยกระดับคุณภาพศูนย์ซ่อมฯ ให้สอดคล้องและทันต่อเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่ดีและการจัดซ่อมที่มีคุณภาพจากศูนย์ซ่อมฯ ในเครือวิริยะประกันภัยที่ครอบคลุมมากกว่า 600 แห่ง และดีลเลอร์อีกกว่า 1,100 แห่งทั่วประเทศ
โดยศาสตราจารย์โรเบิร์ต เอนเกิล เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี 2546 เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้าจัดงาน AIA Nobel Laureates Luncheon Talk Series ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Japan-ASEAN Bridges Event Series ร่วมกับ The International Peace Foundation ในหัวข้อ “A Financial Approach to Climate Risk” โดยศาสตราจารย์โรเบิร์ต เอนเกิล เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ปี 2546 ซึ่งได้ค้นพบโมเดล Autoregressive Conditional Heteroskedasticity (ARCH) ที่นำมาใช้วิเคราะห์ความผันผวนของดัชนีหลักทรัพย์ รวมไปถึงการคิดค้น “แผนป้องกันความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ” (Climate Hedge Portfolios) ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงระยะยาวที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของทุกคน เพื่อต่อยอดความมุ่งมั่นของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพชีวิตและสุขภาพการเงินที่มั่นคงอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ ร่วมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการจากหลากหลายสถาบันที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพ นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดงานอันทรงคุณค่าอย่าง AIA Nobel Laureates Luncheon Talk Series เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงเป้าหมายของเราที่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วมกับสังคมและผู้คนอย่างน้อยหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2573 แน่นอนว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate change ได้กลายเป็นหนึ่งในความเสี่ยงหลักที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจโลก ในฐานะที่เอไอเอเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่ง ที่นอกจากจะมอบความคุ้มครองด้านชีวิตและสุขภาพแล้ว เรายังเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นด้าน ESG มาอย่างต่อเนื่องผ่านการลงทุนในหุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนั้นเรายังตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี…
ธ.ก.ส. เติมทุนกว่า 2,000 ล้านบาท รักษาเสถียรภาพผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ปีการผลิต 66/67 ผ่านสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนให้กับสถาบันเกษตรกรในการรับซื้อ รวบรวมและแปรรูปผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อย วงเงินรวม 1,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง วงเงินรวม 690 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR-3 ต่อปี แจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายสุนัน พงศ์ประยูร ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ปีการผลิต 66/67 วงเงินรวม 2,190 ล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเกษตรกรในการรับซื้อ รวบรวมและแปรรูปผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตเกษตรกร เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาและเพิ่มคุณภาพผลผลิตในการจำหน่ายในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ 1) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2565/66 วงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันเกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อ รวบรวมหรือแปรรูปข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2566/67 กับกรมส่งเสริมการเกษตร คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทั้งการรับซื้อ รวบรวม แปรรูป หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ วงเงินแบ่งตามประเภทลูกค้า ได้แก่ 1) สหกรณ์การเกษตร วงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท 2) กลุ่มเกษตรกร วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท และ 3) วิสาหกิจชุมชน วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.50 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปี และส่วนที่เหลือรัฐบาลรับหน้าที่ชดเชยให้ระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน แจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พฤษภาคม 2567 2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร…
ไทยประกันชีวิตเผยผลประกอบการ ปี 2566 กำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 9,707 ล้านบาท ผลจากกำไรจากการรับประกันภัยเติบโตสูงถึง 12.5% ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของธุรกิจ มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้น 5.4% และอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้น 6.1 จุด มีอัตราถึง 62.8% ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานของกิจการเติบโตอีก 10.6% มีมูลค่าสูงถึง 160,580 ล้านบาท หรือ 14 บาทต่อหุ้น นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2566 ว่า บริษัทฯ มีมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (Value of New Business : VONB) อยู่ที่ 7,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 5.4% จากปี 2565 อัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.1 จุด โดยมีอัตราถึง 62.8% ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์สูงถึง 9,707 ล้านบาท หรือเติบโต 4.8% เป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรจากการรับประกันภัยที่เติบโตถึง 12.5% เมื่อเทียบกับปี 2565 ขณะเดียวกันแม้ว่าจะ ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงชะลอตัว แต่บริษัทฯ ยังคงมีกำไรจากการลงทุน เนื่องจากพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงผ่านการลงทุนทั้งในประเทศและนอกประเทศ เพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้น โดยพอร์ตการลงทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มากกว่า 80% ของสินทรัพย์ลงทุนอยู่ในรูปแบบหนี้สินที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับกลุ่มน่าลงทุน “บริษัทฯ มุ่งเน้นการดำเนินกลยุทธ์การขายผ่านช่องทางที่หลากหลาย ซึ่งมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ในปี 2566 เติบโตทุกช่องทางการขาย โดยช่องทางตัวแทนประกันชีวิตมีประสิทธิภาพด้านการขายที่ดีขึ้นและมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลกำไรอย่างยั่งยืน…