KAsset ไว้วางใจ Finnomena ร่วมกันเปิดตัว Fund House Port นำร่องด้วยกองทุน KAsset Global Perspective Portfolio ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง KAsset บวกกับมุมมองพันธมิตร J.P.Morgan Asset Management แนะนำลงทุนกระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน ตั้งเป้าครึ่งปี 2567 ปั้นพอร์ต 1 พันล้านบาท . ปณตพล ตัณฑวิเชียร ,CFA, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศ ทางด้านการบริหารจัดการการลงทุน บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset เผยว่า ยินดีที่เข้าร่วมโครงการ Fund House Port ของ Finnomena โดยนำกองทุน “KAsset Global Perspective Portfolio” เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่ทาง KAsset จับมือ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) ในการให้มุมมองการลงทุน เพื่อสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงนวัตกรรมด้านการลงทุน มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลกเพื่อยกระดับการลงทุนของไทย สำหรับ “KAsset Global Perspective Portfolio” การจัดพอร์ตเป็นการลงทุนแบบ Multi-Asset Portfolio ใช้แนวคิด Core-Satellite portfolio เพื่อกระจายความเสี่ยงและได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยแบ่งสัดส่วนพอร์ตหลัก (Core) 80% ที่จะเน้นการเติบโตระยะยาว และพอร์ตรอง (Satellite) 20% ที่เน้นการลงทุนระยะสั้น วิ่งหาการลงทุนระยะสั้นเพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้น ปณตพล กล่าวว่า KAsset ตระหนักถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากในปัจจุบันการจับทางความเปลี่ยนแปลงในระบบวงจรเศรษฐกิจค่อนข้างยากขึ้น เพราะมีหลายปัจจัย “KAsset Global Perspective Portfolio” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน กองทุนนี้เหมาะกับการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน เหมาะสำหรับกลุ่มคนมั่งคั่ง แนะนำให้ถือระยะยาวประมาณ 3 – 5 ปี ลงทุนขั้นต่ำที่ 500,000 บาท…
Author: staff
นำเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ขยายฐานลูกค้า ดันผลงานปี 67 เข้าเป้า SCAP เป็นปลื้ม! หุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ขายหมดหน้าตักเต็มวงเงิน 1,000 ลบ. ดึงกรีนชูขายเพิ่ม ตอบรับความต้องการนักลงทุน กวาดยอดรวมสุทธิ 1,769.8 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร วิชิต พยุหนาวีชัย ขอบคุณนักลงทุนสำหรับความเชื่อมั่นต่อหุ้นกู้ของ SCAP ที่ประสบความสำเร็จในการขายล้นกรีนชูทุกครั้ง มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตเข้าเป้าตามแผนที่ประกาศ พร้อมรักษาแชมป์อันดับ 1 ในธุรกิจสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ใหม่ วิชิต พยุหนาวีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 4.50% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 4.90% และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 5.05% ต่อปี โดยสามารถปิดยอดขายจากนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันได้เต็มวงเงินจัดสรร 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทได้นำหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม หรือ Greenshoe Option วงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท รองรับความต้องการส่วนเกินของนักลงทุน ส่งผลให้หุ้นกู้ใหม่ในปี 2567 ของ SCAP ประเดิมเงินระดมทุนได้มากถึง 1,769.8 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนความต้องการลงทุนเพิ่ม เกินจากยอดเสนอขายประมาณ 80% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นกู้ของบริษัท ขณะที่วัตถุประสงค์หลักในการะดมทุนครั้งนี้ บริษัทพร้อมนำเงินปล่อยสินเชื่อในธุรกิจเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ สนับสนุนให้เกิดการเติบโตตามแผนงานปี 2567 ด้วยการเน้นปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพ เพื่อควบคุมคุณภาพหนี้ ผลักดันพอร์ตสินเชื่อเติบโตอย่างมั่นคง และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 15% สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของ SCAP “ผมขอขอบคุณนักลงทุนเป็นอย่างมากที่สนใจและจองซื้อหุ้นกู้ SCAP…
ทีทีบีไดรฟ์ โดยทีเอ็มบีธนชาต มุ่งมั่นส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องรถในทุกช่วงชีวิต สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถมือสองในปีนี้ ทาง Roddonjai เว็บไซต์ซื้อขายรถมือสองคุณภาพโดนใจ เปิดหมวดพิเศษ “รถบ้านดูแลดี” ขายตรงจากเจ้าของรถตัวจริง พร้อมแคมเปญ “ขายรถเองบนรถโดนใจ ขายง่าย ขายไว ได้ราคาดี” ฟรีค่าตรวจสภาพรถยนต์ มูลค่า 1,500 บาทแก่ผู้ขาย นายชัชฤทธิ์ ตั้งเถกิงเกียรติ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าผลิตภัณฑ์ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัว Roddonjai แพลตฟอร์มออนไลน์ซื้อขายรถมือสองไปเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีรถมือสองคุณภาพดีให้เลือกผ่าน Roddonjai.com ร่วม 16,000 คัน ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีจากความโดดเด่นที่มุ่งคัดสรรรถยนต์มือสองใน 5 หมวดรถพิเศษ ที่คัดมาแต่รถโดน ๆ ที่รถโดนใจ ได้แก่ รถผู้บริหารวิ่งน้อย รถ 5 ดาวอายุไม่ถึง 5 ปี รถเทสจากโชว์รูม รถนางฟ้าเช็กแต่ศูนย์ และรถวารันตีเหลือ ซึ่งขายรถออกไปแล้วกว่า 12,000 คัน จากดีลเลอร์เต็นท์รถพันธมิตรชั้นนำมากกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ สำหรับในปี 2567 นี้ Roddonjai ได้เสริมทัพรถคัดคุณภาพจากแหล่งที่มาพิเศษเพิ่มเติม ในหมวดของ “รถบ้านดูแลดี” ซึ่งคาดว่าจะมีรถบ้านมาจำหน่ายบนเว็บไซต์ Roddonjai ไม่ต่ำกว่า 10,000 คัน และช่วยผลักดันยอดจำหน่ายรวมของรถยนต์มือสองของ Roddonjai เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า สำหรับผู้ที่ต้องการขายรถบ้านเอง สามารถลงขายรถที่เว็บไซต์ Roddonjai ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยลงทะเบียนเป็นผู้ขายประเภทบุคคลทั่วไป ระบุข้อมูลรถยนต์ และทำการนัดหมายการตรวจสภาพรถยนต์กับ Roddonjai มีแคมเปญ “ขายรถเองบนรถโดนใจ ขายง่าย ขายไว ได้ราคาดี” มอบสิทธิพิเศษให้เจ้าของรถที่ลงประกาศขายรถระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 เมษายน 2567 รับโค้ดค่าตรวจสภาพรถยนต์ 274 จุด มูลค่า…
ไทยประกันชีวิตพัฒนานวัตกรรมตามแนวคิดเป็นทุกคำตอบของชีวิตลูกค้า ยกระดับแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต เติมเต็มการใช้ชีวิตแบบครบรอบด้าน เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ My Wellness Vital Scan เช็กสุขภาพเบื้องต้นผ่านการสแกนใบหน้าด้วยเทคโนโลยี AI และ Family Policy ฟีเจอร์กรมธรรม์คนในครอบครัว ที่สามารถดูข้อมูลและชำระเบี้ยฯ กรมธรรม์ของคนในครอบครัว สะดวก ง่าย ปลอดภัยพร้อมจัดแคมเปญเอาใจคนรุ่นใหม่ เล่นเกมสนุกลุ้นรับของรางวัล นายนิติพงษ์ ปรัชญานิมิต รองผู้จัดการใหญ่ และ Chief Marketing Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า จากเจตนารมณ์ทางธุรกิจ (Business Purpose) ของบริษัทฯ ที่มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล ในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะของชีวิต (Life Event) และทุกรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของลูกค้า รวมถึงเป้าหมายของแบรนด์ (Brand Purpose) ในการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความชื่นชอบ ความไว้วางใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนในสังคม ที่ผ่านมาบริษัทฯ ริเริ่มแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลกรมธรรม์ ทำธุรกรรมด้านการประกันชีวิตได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว รวมถึงได้รับสิทธิพิเศษมากมายที่ตอบความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ผ่านไทยประกันชีวิต Privilege และเพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตอย่างครบรอบด้านให้กับลูกค้า บริษัทฯ จึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ให้เป็นแอปพลิเคชันที่ส่งมอบคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ My Wellness Vital Scan บริการเช็กสุขภาพเบื้องต้นผ่านการสแกนใบหน้าด้วยเทคโนโลยี AI สำหรับลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป โดยตรวจเช็กค่าสุขภาพ 9 ด้าน ได้แก่ คะแนนรวมด้านสุขภาพ, อัตราการเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, อัตราการหายใจ, ดัชนีมวลกาย (BMI), อัตราส่วนรอบเอวต่อส่วนสูง, ดัชนีรูปร่าง, ระดับความเครียด และอายุผิวหน้า โดยลูกค้าสามารถใช้บริการ 1 ครั้ง/คน/เดือน ได้จนถึง 30 เมษายน…
“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ มูลนิธิมาดามแป้ง ขึ้นรับโล่ประกาศเกียรติคุณ ในฐานะที่ “มูลนิธิมาดามแป้ง” เป็นหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือภารกิจด้านการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังกรมราชทัณฑ์เป็นอย่างดีโดยตลอด โดยได้รับเกียรติจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้มอบรางวัล ณ ชั้น G ลาน Avenue โซน A ศูนย์การค้า MBK Center เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม “จัดงานมหกรรมรวมพลคนหลังกำแพง 100 คน 100 อาชีพ” พัฒนาศักยภาพผู้ต้องขัง หวังเปลี่ยนอดีตเป็นพลังพัฒนาประเทศ ในงานนี้ มาดามแป้งได้ร่วมเวทีเสวนา ความท้าทายในการสร้างการยอมรับผู้พ้นโทษ ภายใต้แนวคิด “ราชทัณฑ์แก้ไข คนไทยให้โอกาส” โดยมาดามแป้งให้ความเห็นว่า กรมราชทัณฑ์ทำหน้าที่เสมือนประตูเชื่อมต่อ ระหว่างผู้ก้าวพลาดและหน่วยงานภายนอก สร้างมิติใหม่ๆ เพิ่มความมั่นใจในการคืนคนดีสู่สังคม “ผู้ก้าวพลาดหลายคนต้องอาศัยกำลังใจอย่างสูงสุดในการก้าวข้ามและสร้างสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง แป้งเชื่อว่าสังคมไทยของเราในวันนี้พร้อมเปิดโอกาสให้กับผู้ก้้าวพลาด มีหลากหลายองค์กรที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ ด้วยแรงบันดาลใจทั้งหมดนี้ ทำให้มูลนิธิของเราเห็นถึงความสำคัญของการเข้าถึงโอกาสในการประกอบอาชีพหลังจากพ้นโทษ โดยก่อนหน้านี้มูลนิธิมาดามแป้ง ได้มอบรถเข็นครัวมาดาม จำนวน 20 คัน ให้แก่กรมราชทัณฑ์ กระจาย 19 จังหวัด เพื่อสนับสนุนรากฐานในการประกอบอาชีพของผู้ก้าวพลาด” มาดามแป้งกล่าว มูลนิธิมาดามแป้ง พร้อมยืนเคียงข้างสังคมไทยในทุกมิติ ตลอดจนสนับสนุนภารกิจของภาครัฐและเอกชน ผลักดันให้สังคมไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อให้โอกาสกับผู้ก้าวพลาด ได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ พร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวและสังคม และประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงดูตนเองได้อย่างยั่งยืน มูลนิธิมาดามแป้ง ยังคงเดินหน้าเพื่อร่วมแบ่งปันทุกการให้ในสังคมไทย โดยท่านสามารถร่วมสมทบทุนสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิมาดามแป้งได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้ เลขที่บัญชี 092-2-61340-0 #มูลนิธิมาดามแป้ง #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยผลการพิจารณาของ Carbon Disclosure Project (CDP) องค์กรเพื่อสาธารณประโยชน์ด้านบริหารการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ธนาคารกสิกรไทยคว้า Leadership Level การเปิดเผยข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ CDP A List ติดต่อกัน 2 ปี จากการประเมินผลความยั่งยืน CDP 2023 นับเป็นธนาคารไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของธนาคารในการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ตามข้อตกลงปารีสและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ทั้งการดำเนินการภายในของธนาคารและการเปลี่ยนผ่านของลูกค้าผ่านสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยให้คำมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของธนาคาร (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ภายในปี 2573 ซึ่งรวมไปถึงความมุ่งมั่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในพอร์ตโฟลิโอของธนาคารให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทย (ขอบเขตที่ 3) อีกทั้งได้กำหนดเป้าหมายการสนับสนุนสินเชื่อและเงินลงทุนเพื่อความยั่งยืน 100,000-200,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 ด้วย โดยธนาคารมุ่งหวังที่จะรักษาความเป็นผู้นำในมาตรฐานความยั่งยืนระดับสากล พร้อมสนับสนุนลูกค้าและภาคธุรกิจให้สามารถปรับตัวและเดินหน้าสู่เศรษฐกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดแผนขับเคลื่อนกลยุทธ์ธุรกิจ ปี 2567 เพื่อเดินหน้า LEAD the CHANGE เร่งทรานส์ฟอร์มองค์กรผ่าน 4 ด้านสำคัญ เพื่อเสริมแกร่ง ทั้งจับมือพันธมิตรชั้นนำสร้าง Ecosystem Play มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแบบครบวงจร สานต่อพันธกิจ The Bank of Financial Well-being มุ่งสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งในวันนี้ และอนาคต นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาทีทีบีได้ดำเนินธุรกิจ โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) เพื่อสานต่อพันธกิจในการมุ่งสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้ลูกค้า และในปี 2567 นี้ ธนาคารได้เดินหน้าที่จะ LEAD the CHANGE หรือเป็นผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า โดยเร่งทรานส์ฟอร์ม (Transform) องค์กรแบบรอบด้าน นำดิจิทัลมาดูแลลูกค้าทุกกลุ่มในทุกช่วงชีวิต โดยเฉพาะ 4 กลุ่มลูกค้าหลักที่ธนาคารมีความเชี่ยวชาญ ภายใต้แนวคิด Ecosystem Play ได้แก่ กลุ่มคนมีรถ คนมีบ้าน พนักงานเงินเดือน และลูกค้า Wealth โดยมีแอป ttb touch เป็นแพลตฟอร์มหลักในการเชื่อมต่อโซลูชันและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากพันธมิตรชั้นนำของธนาคาร เพื่อส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินในระดับเฉพาะบุคคล หรือ Segment-of-One เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นแบบรอบด้าน มุ่งทรานส์ฟอร์ม 4 ด้านสำคัญ เพื่อเดินหน้า LEAD the CHANGE 1. Digital Transformation ทีทีบีได้จัดตั้งทีมดิจิทัลขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อเดินหน้าพัฒนาแอป ttb touch และ ttb business one ภายใต้คอนเซ็ปต์ Humanized Digital Banking เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าทั้งรายย่อยและธุรกิจ อีกทั้งต่อยอดโซลูชัน Beyond Banking ที่ตอบโจทย์และเป็นประโยชน์กับลูกค้าได้อย่างรอบด้าน ซึ่งถือเป็นการวางกลยุทธ์สร้างขีดความสามารถด้านดิจิทัลขององค์กรเพื่อสร้าง New…
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2566 โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการด้านการเงิน (Financial Inclusion) ผ่านธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกัน โดยผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการเติบโต ทำนิวไฮ ทั้งด้านรายได้รวม 18,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% และมีกำไรสุทธิ 3,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อคงค้างยังคงขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ มียอดสินเชื่อรวม 97,456 ล้านบาท ขยายตัว 19.9% (YoY) ซึ่งคุณภาพพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (%NPL) ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าและยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.45% ในส่วนของธุรกิจนายหน้าประกันยังคงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยยอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวมสำหรับปี 2566 มีมูลค่า 8,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3% (YoY) นอกจากนี้ อัตราส่วน Cost to Income มีการปรับตัวดีขึ้น ลดลงมาอยู่ที่ 54.9% สะท้อนถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจมาจากกลยุทธ์การลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยี สะท้อนจากความสำเร็จของ “บัตรติดล้อ” (Tidlor Card) และ “แอปพลิเคชันเงินติดล้อ” ที่ปริมาณการใช้งานยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 ได้มีการส่งมอบบัตรติดล้อแล้วกว่า 644,000 ใบ มีจำนวนผู้ใช้บัตรเพิ่มขึ้น 29.6% (YoY) รวมถึงบริการ “โอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี” ผ่านแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ที่เพิ่งเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการใช้งานของลูกค้า และยังมีช่องทางให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย (Omni-Channel) ทั้งช่องทางออฟไลน์ผ่านช่องทางสาขากว่า 1,678 สาขา, ช่องทางออนไลน์ และแพลตฟอร์มดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นเบอร์ 1 ในการให้คำปรึกษาและเสนอขายประกันอย่างมืออาชีพอย่างใกล้ชิด Face to Face และยังเป็นอีกธุรกิจหลักที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ…
มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) คว้ารางวัล Excellence in Innovation จาก Fund Selector Asia Awards 2024 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านกองทุนรวมของไทยที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงนวัตกรรมด้านการลงทุนให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ พร้อมนำเสนอรูปแบบการลงทุนเพื่อให้สอดรับและทันกับทุกการเปลี่ยนแปลงตามเมกระเทรนด์โลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ บลจ.กสิกรไทย ที่ต้องการเห็นพอร์ตการลงทุนของผู้ลงทุนมีความมั่นคงและมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืน โดยมีนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย (ซ้าย) และนายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย (ขวา) ร่วมยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้
นายสมประโชค ปิยะตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับธุรกิจและการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ออกประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง หลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบการลดทุนของบริษัทประกันชีวิต/วินาศภัย พ.ศ. 2567 โดยมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2567 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบการลดทุนของบริษัทประกันภัย ซึ่งจะทำให้บริษัทเกิดความคล่องตัวในการลดทุน รวมถึงสามารถดำเนินงานที่เกี่ยวข้องได้รวดเร็วมากขึ้นตามกระบวนการดำเนินงานลดทุนของบริษัทประกันภัย นอกจากจะต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 แล้ว ภายใต้พระราชบัญญัติประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ยังกำหนดข้อห้ามมิให้บริษัทกระทำการลดทุนโดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายทะเบียน โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คณะกรรมการ คปภ.) ดังนั้น ที่ผ่านมาเมื่อบริษัทยื่นขอความเห็นชอบลดทุนเข้ามาที่สำนักงาน คปภ. แล้วจะมีการพิจารณาและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนออกหนังสืออนุญาตให้กับบริษัท และแม้ว่าคณะกรรมการ คปภ. จะมีการประชุมเป็นประจำทุกเดือน แต่ในแง่การทำธุรกิจบางครั้งก็ต้องการความรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่บริษัทต้องการเพิ่มทุน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางฐานะการเงิน แต่บริษัทยังมีหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือยังไม่ออกจำหน่าย บริษัทก็ไม่สามารถออกหุ้นใหม่เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนรายใหม่ได้จนกว่าบริษัทจะลดทุนโดยการตัดหุ้นจดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือที่ยังมิได้นำออกจำหน่ายให้เรียบร้อยเสียก่อน ดังนั้น เพื่อความคล่องตัวและลดขั้นตอน ตลอดจนระยะเวลาในการพิจารณาให้ความเห็นชอบการลดทุนของบริษัทประกันภัย สำนักงาน คปภ. ได้ศึกษาหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการออกประกาศ คปภ. ฉบับดังกล่าว สำหรับประกาศ คปภ. ข้างต้นครอบคลุมการลดทุนเป็นกรณีทั่วไป 2 กรณี ได้แก่ กรณีแรก ลดทุนโดยวิธีตัดหุ้น จดทะเบียนที่จำหน่ายไม่ได้หรือที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย กรณีที่ 2 ลดทุนเพื่อลดผลขาดทุนสะสมโดยการลดมูลค่าหุ้น หรือลดจำนวนหุ้น โดยทั้ง 2 กรณี ต้องไม่ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเปลี่ยนแปลงไป และไม่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งกฎหมายกฎเกณฑ์และมาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จะสามารถพิจารณาและออกหนังสือ อนุญาตให้บริษัทได้โดยไม่ต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน เพียงแต่ ต้องรายงานผลการพิจารณาการอนุญาตให้คณะกรรมการ คปภ. ทราบ โดยประกาศฉบับนี้ได้ออกใช้บังคับแล้ว เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ผู้สนใจสามารถอ่านประกาศฉบับเต็มได้ที่ www.oic.or.th