SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโต 2.6% ใกล้เคียงปีก่อน มุมมองปรับดีขึ้นจากแรงส่งที่ดีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ดีในช่วงต้นปีนี้ โดยกิจกรรมในภาคบริการขยายตัวเร่งขึ้น ขณะที่กิจกรรมในภาคการผลิตเริ่มกลับมาขยายตัวจากที่หดตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกจะได้รับแรงสนับสนุนจากการค้าโลกที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้นและอัตราเงินเฟ้อโลกที่ชะลอตัวลง แต่ยังมีแรงกดดันจากผลกระทบของภาวะดอกเบี้ยสูง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยืดเยื้อ และปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลกจากปัญหาการขนส่งบริเวณทะเลแดงและคลองปานามาที่แห้งแล้ง ธนาคารกลางกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักจะเริ่มปรับทิศการใช้นโยบายการเงินไตรมาส 2 ปีนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง รวม 75 BPS ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง รวม 100 BPS ตามทิศทางเงินเฟ้อที่ปรับชะลอลง ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้ง รวม 20 BPS ซึ่งเป็นการยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่ธนาคารกลางจีนจะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพยุงเศรษฐกิจต่อเนื่อง สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจไทย SCB EIC ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 เหลือ 2.7% (เดิม 3%) แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องได้ จากแรงขับเคลื่อนของการท่องเที่ยวและภาคบริการรวมถึงเศรษฐกิจด้านอุปสงค์อื่นที่กลับมาขยายตัวเร่งขึ้นในหลายองค์ประกอบ โดยเฉพาะการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่แรงส่งภาครัฐจะยังหดตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกจากความล่าช้าของการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2567 กอปรกับปัญหาสินค้าคงคลังสะสมสูงจากปีก่อนจะยังไม่สามารถคลี่คลายได้เร็ว ส่วนหนึ่งจากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกไทยที่สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยจะยังฟื้นช้าต่อเนื่องมาในปีนี้ ในส่วนของเงินเฟ้อไทยที่ติดลบต่อเนื่องหลายเดือน SCB EIC ประเมินว่า ไทยยังไม่เผชิญภาวะเงินฝืด โดยเงินเฟ้อจะกลับมาเป็นบวกตั้งแต่เดือน พ.ค. เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือด้านราคาพลังงานจะสิ้นสุดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันในประเทศที่จะเริ่มปรับสูงขึ้น นอกจากนี้ เงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงด้านสูงท่ามกลางความเสี่ยงห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักจากสถานการณ์ทะเลแดง สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง รวมถึงนโยบายควบคุมการส่งออกของบางประเทศที่อาจทำให้ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวและน้ำตาล เงินเฟ้อทั่วไปในช่วงครึ่งหลังของปีจึงจะเร่งกลับไปแตะกรอบเงินเฟ้อได้ โดย SCB EIC ประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2567 อยู่ที่ 0.8% และ 0.6% ตามลำดับ ในระยะยาว ปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตไทยที่รุนแรงขึ้นยังกดดันให้ศักยภาพเศรษฐกิจไทยปรับลดลงจากประมาณการในอดีต SCB EIC ประมาณการศักยภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงก่อนเกิดโควิด (ปี 2560 –…
Author: staff
เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มพร้อมด้วยโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้วและกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สานต่อโครงการแสงแก้วเพื่อการผ่าตัดต้อกระจกผู้สูงอายุ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 มุ่งสร้างสรรค์สังคมผู้สูงวัยให้มีคุณภาพ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของสถานการณ์การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย เนื่องจากประชากรผู้สูงวัยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการสร้างสังคมที่ให้โอกาสแก่ผู้สูงอายุในการมีชีวิตที่ดีและมีความสุขเป็นสิ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุในพื้นที่ชุมชน เพื่อสร้างพื้นที่สังคมที่เข้มแข็งและสร้างความสุข รวมทั้งการส่งเสริมให้ครอบครัวมีการเตรียมความพร้อมและความรับผิดชอบในการดูแลผู้สูงวัย ในโครงการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ 18 ชั่วโมง (Care Giver) ที่มีการอบรมไปแล้ว 3 รุ่น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม สานต่อโครงการแสงแก้ว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 เป็นการผ่าตัดต้อกระจกเพื่อผู้สูงอายุที่ขาดแคลน สำหรับช่วยเหลือดูแลปัญหาดวงตาให้แก่ผู้สูงอายุ โดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจาก กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้โครงการเปิดหน่วยคัดกรองโรคต้อกระจกเชิงรุก สำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราบางแค บ้านพักคนชราจังหวัดปทุมธานี และชุมชนใกล้เคียงเขตพื้นที่ภาษีเจริญ ยานนาวา หนองแขม พบผู้สูงวัยที่เป็นผู้ป่วยโรคต้อกระจก จำนวน 54 คน ซึ่งได้เข้ารับการรักษาผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมเป็นที่เรียบร้อย โดยคนไข้ทุกท่านได้รับการดูแลตรวจติดตามจากทีมจักษุแพทย์ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว เป็นอย่างดีตลอดระยะเวลา 1 เดือน สามารถคืนการมองเห็นพร้อมสุขภาพดวงตาที่ดีให้ผู้สูงอายุทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยในโอกาสนี้ คณะผู้บริหารได้แก่นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้มพร้อมด้วย นางสาวนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ นางสาวอนัญญา อัตชู ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค ร่วมกิจกรรมเพื่อสรุปผลการดำเนินของ “โครงการแสงแก้ว การคัดกรองและผ่าตัดโรคต้อกระจก เพื่อผู้สูงอายุ” และยังได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่ทุกคนอีกครั้ง “การดำเนินโครงการแสงแก้ว โดย มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม เมืองไทยประกันชีวิต โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว และ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในครั้งนี้สำเร็จลุล่วง ถือเป็นความร่วมมือในการรองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างเป็นองค์รวม ตลอดระยะ 8 ปีของโครงการแสงแก้วคืนการมองเห็นให้ผู้สูงอายุทั่วประเทศไทยไปแล้ว รวม 683 ดวงตา และหวังให้ผู้สูงอายุทุกท่านมีความสุขในการมองเห็น มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่ดีขึ้นต่อไป…
นายอธิป ศิลป์พจีการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลแบรนด์กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ เป็นตัวแทนรับรางวัลชนะเลิศแบรนด์ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมบนโซเชียลมีเดียในกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการบัตรเครดิต (Best Brand Performance On Social Media : Financial Service – Credit Card) จากงานประกาศรางวัล Thailand Social Awards ครั้งที่ 12 ณ ทรู ไอคอน ฮอลล์ ไอคอนสยาม ชั้น 7 โดยกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ได้รับรางวัลชนะเลิศต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ผู้นำในการเข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัล สื่อสารแคมเปญการตลาด และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง รางวัลดังกล่าวจัดโดยบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทด้านเทคโนโลยีผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด เพื่อมอบให้กับแบรนด์ผู้ใช้โซเชียลมีเดียยอดเยี่ยมในสาขาต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยส่งเสริม ยกระดับ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ลงนามสัญญาว่าจ้าง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ช่วยสำรวจทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สินให้มากขึ้น มั่นใจศักยภาพเครือข่ายบุรุษไปรษณีย์ทั่วประเทศที่มีความเชี่ยวชาญ และเข้าถึงทุกพื้นที่เป็นอย่างดี เริ่มดำเนินการสำรวจและตรวจสอบสภาพทรัพย์สินให้ SAM ตั้งแต่ 8 มี.ค.2567 นายสุรงค์ สุวรรณวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายบริหารการลงทุนและบริหารทรัพย์สิน บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าวว่า SAM เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ทำหน้าที่เป็นกลไกในการแก้ไขหนี้ด้อยคุณภาพของระบบสถาบันการเงิน และบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) อีกทั้งยังมีภารกิจสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน เพื่อช่วยเหลือประชาชน ผ่านโครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM ซึ่งความร่วมมือระหว่าง SAM และ ปณท ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ของ SAM ซึ่งมีจำนวนมากและกระจายตัวอยู่ในทำเลต่างๆ ทั่วประเทศ “การนำความเชี่ยวชาญในการเข้าถึงทุกพื้นที่ของไปรษณีย์ไทยมาช่วยสำรวจทรัพย์ NPA ในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภารกิจในการบริหารสินทรัพย์ของ SAM ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือ พนักงานไปรษณีย์ไทยมีความรู้ความชำนาญในการเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วไทย ซึ่งเป็นจุดแข็งของไปรษณีย์ไทย ที่ใครๆ ก็สู้ไม่ได้” นายสุรงค์ กล่าว นายนเรศ ไชยวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานระบบไปรษณีย์และปฏิบัติการนครหลวง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับความร่วมมือที่ดีจาก SAM ในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถต่อยอดและสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นร่วมกัน ด้วยการขยายโอกาสทางธุรกิจจากจุดแข็งและศักยภาพของแต่ละองค์กรได้
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต โดย คุณสุกัญญา อิสรานุวัฒน์ชัย รองประธานอาวุโส ฝ่ายสื่อสารการตลาด และภาพลักษณ์องค์กร ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน “KTAXA Know You Can Football Youth (U-15) Academy Season 4” และมอบรางวัลให้แก่เยาวชนที่ได้รับคัดเลือกจากสนามที่สาม ภาคใต้ ซึ่งจัดขึ้น ณ สนามกีฬาปลาใบ จังหวัดกระบี่ โดยมีเยาวชนเข้าร่วมกว่า 300 คน และเยาวชนที่ได้รับคัดเลือกจากสนามภาคใต้ ได้แก่ ด.ช.กัณตธี จันทมะลิ โครงการ “KTAXA Know You Can Football Youth (U-15) Academy Season 4” เป็นการเฟ้นหา 10 สุดยอดเยาวชนฝีเท้าดี เพื่อฝึกทักษะกีฬาฟุตบอลระดับสากล ที่ LFC International Academy ประเทศอังกฤษ โดยเยาวชนชาย-หญิง อายุ 13-15 ปี สามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ได้ 2 ประเภท ได้แก่ 1. แสดงความสามารถ และทักษะด้านฟุตบอลที่สนามฟุตบอล และ 2. ส่งคลิปแสดงความสามารถทักษะด้านฟุตบอล ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับทักษะฟุตบอลเยาวชนไทยสู่มาตราฐานสากล และสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีผ่านการออกกำลังกาย อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงพร้อมจะอยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่นของเยาวชนไทย และมอบโอกาสในการพัฒนาทักษะเพื่อสามารถก้าวเดินตามความฝันได้สำเร็จ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ KTAXA Know You Can Football Youth (U-15) Academy Season 4 ในสนามสุดท้ายโซนภาคกลาง ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 16 มีนาคม 2567 ณ สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ line@ktaxa-u15 หรือ โทร 1159 ทุกวัน…
บลจ.กสิกรไทย พร้อมส่งกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ “KINDIARMF” สร้างผลตอบแทนในระยะยาวเพื่อการเกษียณ มองหุ้นอินเดียเป็นตลาดแห่งโอกาสการลงทุน มีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่โตเร็วที่สุดในโลก ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และความได้เปรียบเชิงโครงสร้างประชากร มีศักยภาพการเติบโตสูง พร้อม IPO 12-18 มี.ค.นี้ นายวจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์, CFA, Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หุ้นอินเดียเป็นตลาดแห่งโอกาสของผู้ลงทุน โดยมีปัจจัยด้านโครงสร้างประชากร ตลาดแรงงานที่เติบโตได้ดี การบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของประเทศอินเดีย ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้จัดตั้งกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ล่าสุดที่เน้นโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในตลาดหุ้นอินเดีย ชื่อว่า กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ KINDIARMF โดยมีกำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 12-18 มี.ค. 67 นายวจนะกล่าวต่อไปว่า กองทุน KINDIARMF มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Goldman Sachs India Equity Portfolio Class I Shares (Acc.) การันตีผลการดำเนินงานของกองทุนด้วย Morningstar Overall Rating 4 ดาว ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดี และเติบโตสูง อาทิ ICICI Bank ธนาคารเอกชนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดีย, Infosys บริษัทผู้ให้บริการด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย, Tata Motors ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอินเดีย และ Sun Pharma บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย เป็นต้น โดยเน้นเข้าซื้อหุ้นในจังหวะที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง แบ่งสัดส่วนเป็นหุ้นขนาดเล็กและกลาง 48% และหุ้นขนาดใหญ่ 47% เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าดัชนีชี้วัด (ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 66) “อินเดียเป็นประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก โดยคาดการณ์ GDP ปี…
ธ.ก.ส. ชวนหนีร้อนมาชม ชิม ช้อป เตรียมรับสงกรานต์กับสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์คุณภาพมาตรฐาน A-Product กว่า 50 ร้านค้าทั่วประเทศในงาน BAAC Farmers Market : Happy Summer ระหว่างวันที่ 13 – 15 มีนาคม 2567 ณ บริเวณด้านหน้า ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดตลาด BAAC Farmers Market รับลมร้อนในแบบ Happy Summer พบสินค้าเกษตรคุณภาพดีระดับ A-Product จากผู้ประกอบการและเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 50 ร้านค้า ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค อาทิ ผลิตภัณฑ์กาแฟแปรรูปจากวิสาหกิจชุมชนลองเลย จังหวัดเลย ผลิตภัณฑ์เนื้อวัวแปรรูป จากวิสาหกิจชุมชนแปรรูปอาหารฮาลาลเนื้อสัตว์เพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ผลิตภัณฑ์ขิงแปรรูปจากแบรนด์นวลอนันต์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาสีฟันสมุนไพรจากแบรนด์ภูมันตรา จังหวัดกระบี่ ผลิตภัณฑ์ชุดผ้าฝ้ายจากแบรนด์แสงแก้วล้านนา จังหวัดลำพูน และผลิตภัณฑ์กระยาสารทแสนอร่อยจากวิสาหกิจชุมชนกระยาสารทสามอ่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่พร้อมจำหน่ายเป็น Gift set สำหรับส่งมอบเป็นของขวัญพิเศษเตรียมพร้อมรับเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ในโอกาสนี้ ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมชิม ชม ช้อป สินค้าคุณภาพจากแหล่งผลิตทั่วประเทศได้ในงาน BAAC Farmers Market ระหว่างวันที่ 13 – 15 มีนาคมนี้ ณ บริเวณด้านหน้า ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงเทพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต “บี ทูเกตเทอร์ ฟอร์ เฮลธ์ (Be Together For Health)” ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉิน รวมถึงให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีเสียชีวิต ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับลูกค้าโมบายแบงก์กิ้ง และมีความต้องการในด้านประกันภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายไม่คาดฝันในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและโรคร้ายแรงออนไลน์ที่เสนอขายไปเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา โดยลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ Be Together For Health ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพได้แล้ววันนี้ นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ให้ความสําคัญกับลูกค้าและเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เราไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพของเราให้สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างดีที่สุด ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มลูกค้าซึ่งอยู่ในวัยทํางาน เราพบว่าส่วนใหญ่มีความกังวลต่อปัญหาด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งถึงแม้กลุ่มลูกค้าที่มีงานประจำจะมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทมอบให้แต่อาจจะไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลในแต่ละครั้ง และโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นนายจ้างตัวเองที่ไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ยิ่งมีความจำเป็นต้องมีการวางแผนค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพเมื่อยามเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ดังนั้น เอไอเอ มองเห็นโอกาสในการเข้าไปช่วยลดความกังวลของลูกค้ากลุ่มเหล่านี้ ด้วยการยกระดับการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ Be Together For Health มี 2 แผนให้เลือก แผน 1 ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาท และแผน 2 ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล 60,000 บาท สบายใจเรื่องค่ารักษาพยาบาล เบิกได้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตสูงสุดถึง 90,000 บาท อุ่นใจยิ่งขึ้น คุ้มครองเพิ่มหากต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฟอกไต ฉายแสง และเคมีบำบัด (คีโม) เบี้ยประกันที่สบายกระเป๋า ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบคำถามสุขภาพอย่างสั้น สมัครง่าย ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารกรุงเทพ” ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า “หลังจากที่เราประสบความสำเร็จจากการออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าเฉพาะบุคคลไปถึง 2 ผลิตภัณฑ์แล้วนั้น เราก็ไม่หยุดที่จะร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพในการพัฒนาระบบและขั้นตอนการซื้อผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงประกันชีวิตได้ง่ายขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ Be Together For Health นี้ ลูกค้าจะสามารถเลือกแผนประกันสุขภาพ…
นายโกสนธ์ พิศภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายสินไหมทดแทน บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบเกียรติบัตรแก่ศูนย์ซ่อมมาตรฐานที่สร้างความพึงพอใจด้านบริการลูกค้าสูงสุด ประจำปี 2566 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ โดยเกณฑ์การคัดเลือกศูนย์ซ่อมมาตรฐานจะผ่านการประเมินความพึงพอใจจากลูกค้าที่เข้ารับบริการด้วยการให้คะแนนแก่ศูนย์ซ่อมฯ ในหัวข้อการประเมิน ประกอบด้วย – ด้านความสะอาดและสิ่งอำนวยความสะดวก – ด้านการดูแลเอาใจใส่ของพนักงานศูนย์ซ่อม – ด้านการให้คำแนะนำและการนัดหมายเข้าจัดซ่อม – ด้านคุณภาพในการจัดซ่อม – ความตรงต่อเวลาในการส่งมอบรถ ซึ่งศูนย์ซ่อมที่ผ่านมาตรฐานนี้จะต้องได้รับคะแนนมากกว่า 90% ขึ้นไป โดยพิธีมอบเกียรติบัตรจัดขึ้น ณ อาคารทิพยประกันภัย พระราม 3 ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น มีตัวแทนจากศูนย์ซ่อมในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เข้าร่วมรับรางวัล ทิพยประกันภัย มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของศูนย์ซ่อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพ สร้างความอุ่นใจ ความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจประกันภัย
ธนาคารกสิกรไทย จัดงาน “EARTH JUMP 2024 : The Edge of Action” เป็นปีที่ 2 ฟอรัมสุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่ห้ามพลาด งานที่จะพานักธุรกิจและผู้ประกอบการก้าวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปีนี้ทุกท่านจะได้เรียนรู้แนวคิดและเทรนด์ธุรกิจจากผู้บริหารองค์กรชั้นนำและเจ้าของธุรกิจกว่า 30 ราย โอกาสในการรับคำปรึกษาเชิงลึกแบบตัวต่อตัวจาก 10 บริษัทระดับโลกและไทย พร้อมกิจกรรมเวิร์กชอป โดยงานจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2567 เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ ปัญหาโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงและสร้างผลกระทบใกล้ตัวพวกเรามากขึ้นทุกขณะ มีสถิติว่าในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีที่โลกของเราร้อนที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติมา หลายประเทศในโลกเริ่มดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างจริงจังเพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยจากภาคอุตสาหกรรม เช่น มาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรป ที่เริ่มมีการนำมาใช้เมื่อเดือนตุลาคม 2566 และมาตรการ CCA (Clean Competition Act) ของสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะเริ่มใช้ในปี 2569 มีการประเมินว่าหากทั้ง 2 มาตรการนี้บังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้วจะกระทบกับมูลค่าการส่งออกประมาณ 216,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.1% ของจีดีพีไทย ทำให้ธุรกิจไทยที่ส่งสินค้าไปยังตลาดเหล่านี้ต้องเร่งปรับตัวให้เป็นธุรกิจแบบคาร์บอนต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็กำลังพิจารณา พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ. Climate Change) และมาตรการการเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ ด้วยเหตุนี้ธนาคารกสิกรไทยจึงได้จับมือกับสื่อมวลชนแนวหน้าของเมืองไทยคือ The Standard และ The Cloud จัดงาน “EARTH JUMP 2024” ภายใต้แนวคิด The Edge of Action ขึ้นมา เพราะเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ธุรกิจต้องลงมือทำทันที…