นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล Leading Investor for Corporate ESG Bond 2023 จากนายไพบูลย์ ดำรงวารี ผู้ช่วยเลขาธิการ สายระดมทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในงานประกาศรางวัล Best Bond Awards 2023 จัดโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย โดยรางวัลดังกล่าวมอบให้กับผู้ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืน ที่มีความโดดเด่นในปี 2566 โดยบริษัทฯ มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและยั่งยืน พร้อมรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการลงทุนที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
Author: staff
เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายแพทย์ประมุกข์ ทรงจักรแก้ว (ที่ 2 จากซ้าย) ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วยนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท แก่ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแทพย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล (กลาง) เพื่อร่วมสนับสนุนโครงการ “ศิริราช เดิน-วิ่ง ครั้งที่ 16” ที่ทางคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 เพื่อส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขและแข็งแรงอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอที่มุ่งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
นายเชษฐา แหล่ป้อง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และนายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการธุรกิจการไฟฟ้านครหลวง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการร่วมพัฒนาอาคารอัจฉริยะและการพัฒนาโครงการด้านพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) โดยการใช้เทคโนโลยีและพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม และพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็นต้นแบบในด้านการใช้พลังงานทดแทน การขนส่งด้วยพลังงานไฟฟ้า ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกรองรับนโยบาย Carbon neutrality และมุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ มุ่งเน้นสร้างการเติบโตด้านการพัฒนาออกแบบระบบพลังงานที่เชื่อมโยงกับระบบไฟฟ้า เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพระบบไฟฟ้าภายใน ธ.ก.ส.ให้สอดคล้องกับนโยบายแผนพัฒนาการใช้พลังงานการสนับสนุนให้หน่วยงานในสังกัด ธ.ก.ส. เป็น Green Building พัฒนาการออกแบบ และสนับสนุนการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) เพื่อการขนส่งด้านพลังงานไฟฟ้า การส่งเสริมความรู้ด้านการใช้พลังงานทดแทนและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่บุคลากร ร่วมวิจัยและออกแบบระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบริหารดิจิทัล และการบริหารองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างการเติบโตและความมั่นคงภายใต้ระบบจำหน่ายไฟฟ้าที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพตามมาตรฐาน และอำนวยความสะดวกผู้ใช้ไฟฟ้าด้วยบริการที่สะดวก รวดเร็ว ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีด้านพลังงานไฟฟ้า (Disruptive Technology) โดยมีคณะผู้บริหาร พนักงาน กฟน. ธ.ก.ส. และคณะที่ปรึกษาโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 ณ ห้องโถงชั้น 2 อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR นำโดย นางสาวฉวีมาศ แย้มยิ้ม (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้บริหารระดับสูง ฝ่ายพัฒนาและบริหารงานขายสาขาและฝ่ายพัฒนาคุณภาพสินเชื่อ และ นายกาญจน์ณัฐ เฉลิมจุฬามณี (กลาง) ผู้อำนวยการอาวุโสศูนย์การเรียนรู้เงินติดล้อ เป็นตัวแทนชาวเงินติดล้อต้อนรับคณะผู้บริหารและพนักงานจาก บริษัท บริหารสินทรัพย์ อัลฟาแคปปิตอล จำกัด จำนวน 17 คน ร่วมกิจกรรม TIDLOR Culture Wow เพื่อบอกเล่าและแลกเปลี่ยนแนวทางการสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร นอกจากนี้ยังได้มีการเยี่ยมชมกระบวนการทำงานของฝ่ายต่างๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศการทำงานแบบ Work Smart เช่น ทีม A&D (Analytics and Development), IT และ Insurance ที่มีวิธีการทำงานภายในทีมแบบ Start-Up พร้อมร่วมถาม-ตอบ (Q&A) กับผู้บริหารและทีม Culture Gangster ถึงแนวทางการบริหารธุรกิจและวิธีการสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรที่ใช้ได้จริงอย่างใกล้ชิด กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์การสร้างวัฒนธรรมองค์กรไปยังองค์กรต่างๆ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของ บมจ.เงินติดล้อ ในปัจจุบัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรแก่หน่วยงานอื่นๆ ต่อไป กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ อาคารอารีย์ ฮิลล์ เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งนี้หลักสูตร TIDLOR Culture Wow และ TIDLOR Culture Camp ภายใต้โครงการ TIDLOR Academy จัดขึ้นสำหรับบุคคลและบริษัทภายนอกที่สนใจการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ผ่านแนวคิดและประสบการณ์จริงในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยวัฒนธรรมองค์กรในแบบฉบับเงินติดล้อ เพื่อเป็นแนวทางให้กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป สำหรับผู้สนใจออกแบบค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรผ่านเวิร์กชอปที่สามารถนำไปใช้ได้จริง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ www.tidlor.com/academy หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-792-1990
คณะกรรมการบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM มีมติแต่งตั้ง นางสาว นารถนารี รัฐปัตย์ เป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2567 มั่นใจนำประสบการณ์บริหารงานด้านการเงินและบริหารสินทรัพย์ มาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ยั่งยืน พร้อมสนองวาระแห่งชาติเร่งแก้ไขปัญหาและเดินหน้าลดหนี้ครัวเรือนของประเทศ ผ่านโครงการ “คลินิกแก้หนี้ by SAM” นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท 2 สาขา ได้แก่ สาขาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (การเงิน) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และวิทยาศาสตร์มหาบันฑิต (วทบ.) Biotechnology จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี 2 สาขา ได้แก่ สาขานิติศาสตร์บันฑิตและวิทยาศาสตร์บันฑิต (วทบ.) Bio-Chemistry จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีประสบการณ์ทำงานในภาคธุรกิจการเงินและการบริหารสินทรัพย์มาอย่างยาวนาน อาทิ บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (AMC) บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) หรือ SAM และ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) โดยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) ได้มีประสบการณ์โดยตรงในการดูแลงานหลากหลายด้าน เช่น งานรับผิดชอบเป้าหมายการบริหารสินทรัพย์และ NPLs การกำกับดูแลสายงานบริหารคุณภาพสินเชื่อ สายงานบริหารสินทรัพย์ สายงานพัฒนาผู้ประกอบการและร่วมลงทุน รวมทั้งสายงานงานด้านสารสนเทศและสนับสนุนการบริหาร เป็นต้น นอกจากนี้ นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ ยังเคยดำรงตำแหน่งอื่นในหน่วยงานภาครัฐอีกหลายแห่ง อาทิ กรรมการบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) กรรมการคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เครดิตบูโร และกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นางสาวนารถนารี กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสกลับเข้ามาทำงานที่ SAM อีกครั้งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ซึ่งจากประสบการณ์และองค์ความรู้ในการทำงานด้านธุรกิจการเงินและการบริหารสินทรัพย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถผลักดัน SAM ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของระบบสถาบันการเงินมามากกว่า 20…
บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต นำโดย นายอังเดร ปีเตอร์ ซานิค (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานทรานฟอร์เมชั่น เข้ามอบเงินที่ได้จากโครงการ “Omne by FWD ช่วยน้อง ให้มองเห็น” จำนวน 570,820 บาท ให้แก่กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยมี พญ. พนิดา ศรีสันต์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการกองทุน ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ โครงการ “Omne by FWD ช่วยน้อง ให้มองเห็น” เป็นกิจกรรมเชิญชวนให้ลูกค้า FWD ดาวน์โหลดและสมัครสมาชิกแอปพลิเคชัน Omne ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มที่รวมครบทุกบริการแบบ All-in-One โดยทุกการดาวน์โหลดและสมัครสมาชิกบริการออนไลน์ 1 บัญชี ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ จะมอบเงินสมทบทุนจำนวน 20 บาท ให้แก่โครงการช่วยน้องให้มองเห็น เพื่อร่วมกันมอบโอกาสการมองเห็นให้แก่เด็กไทย ______________________________ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ศศิญา ประยูรหงษ์ อีเมล: sasiya.p@fwd.com โทร. 081-645-1706 ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอฟดับบลิวดี กลุ่มบริษัทเอฟดับบลิวดี เป็นธุรกิจประกันชีวิตในภูมิภาคเอเชีย มีลูกค้ามากกว่า 13 ล้านคนใน 10 ประเทศ รวมถึงในประเทศที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 พร้อมความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิต ด้วยแนวคิดที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก พร้อมใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ เข้าใจง่าย และสร้างประสบการณ์เกี่ยวกับการประกันชีวิตที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.fwd.co.th หรือ www.facebook.com/FWDThailand Omne by FWD…
นายศรชัย สุเนต์ตา , CFA รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product กลุ่มธุรกิจ Wealth พร้อมด้วยนางสาวรัฐยา ทองรัตน์ (ที่3ขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth Strategy and Enablement และนางสาวศลิษา หาญพาณิช (ที่3ซ้าย) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth Capability Development ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นผู้แทนธนาคารเข้ารับ 3 รางวัลสุดยิ่งใหญ่บนเวทีระดับโลก ในงาน “2023 ASIAN PRIVATE BANKER 13th Award for Distinction” เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการลงทุน และบริหารความมั่งคั่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าในทุกมิติ โดยทั้ง 3 รางวัลที่ได้รับ ประกอบด้วย 1) รางวัล Best Domestic Private Bank – CIO Office 2 ) รางวัล Best Domestic Private Bank- Discretionary Portfolio Management และ 3 ) รางวัล Best Domestic Private Bank – Digital Innovation and Services จัดโดย Asian Private Banker นิตยสารการเงินการลงทุนชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย เมื่อเร็วๆนี้ ณ โรงแรม JW Marriott ฮ่องกง นายศรชัย เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับ 3 รางวัลที่ได้รับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และทุ่มเทของทีมงานในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เพื่อเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า ทั้งในด้านการคัดสรรผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ในทุกภาวะตลาด การพัฒนาโซลูชั่นด้านการเงินและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยนำนวัตกรรม แฟลตฟอร์มเทคโนโลยี และดาต้า มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนของลูกค้า ผ่าน Wealth Platform เพื่อวางแผนการลงทุนที่สามารถจัดพอร์ตตามความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมได้ และสร้างผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ลูกค้าคาดหวัง บนผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายครบวงจรแบบ Open Architecture เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกผลิตภัณฑ์ลงทุนตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง และการได้รับรางวัลในครั้งนี้ เป็นการการันตีคุณภาพการบริหารความมั่งคั่ง ของSCB WEALTH ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการบริหารเงินเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ในทุกความสำเร็จของลูกค้าที่มีความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน เป็นแรงผลักดันให้ SCB WEALTH ไม่หยุดพัฒนา และมุ่งมั่นในการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดด้านการลงทุนให้กับลูกค้า โดยทั้ง 3 รางวัล ที่ได้รับ 2 ปีซ้อน ได้ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ Asian Private Banker ที่ได้เห็นศักยภาพ ความมุ่งมั่น และทุ่มเทของทีม SCB WEALTH ที่มีความโดดเด่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง การนำเทคโนโลยีมาใช้ในแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อยกระดับการให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ด้านการลงทุนในทุกมิติและสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง ประกอบด้วย 1.รางวัล Best Domestic Private Bank – CIO Office ได้สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพ ของทีม SCB CIO ในการวิเคราะห์เจาะลึกมุมมองภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นแนวทางให้นักลงทุนนำมาปรับกลยุทธ์การลงทุนของแต่ละบุคคล รวมทั้งการวางกลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนแบบ Strategy…
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เผยว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เดือนที่ผ่านมาผันผวนสูงตามเลขเศรษฐกิจ ในระยะต่อไป มองว่ายังเคลื่อนไหว Sideways ในระดับสูง โดยต้องจับตาผลการประชุม FOMC ที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ย และเลข PCE ซึ่ง SCB FM มอง Treasury Yield อายุ 10 ปี ที่กรอบราว 4.15–4.45% ในช่วง 1 เดือนนี้ ด้านอัตราดอกเบี้ยไทย ตลาดมอง กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปีนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ดี มีโอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดประเมิน โดยอาจลดดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกันในเดือน เม.ย. และ มิ.ย. จึงแนะให้ลูกค้าปิดความเสี่ยงดอกเบี้ยลงเร็วไว้ ด้านค่าเงินบาทเดือนที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นตามราคาทองคำและสกุลเงินภูมิภาค แต่อ่อนค่าจากเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในระยะต่อไป มองว่าอาจเคลื่อนไหว Sideways ในกรอบ 35.50-36.00 นายแพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury yields) เดือนที่ผ่านมาผันผวนสูงตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยในช่วงที่เลขออกมาแย่กว่าคาด (เช่น ISM และยอดคำสั่งซื้อโรงงาน) Yields ปรับลดลงค่อนข้างเร็ว แต่หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด Treasury yields กลับมาสูงขึ้น ซึ่งนายแพททริกมองว่า Treasury yields ในระยะต่อไปมีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ในระดับสูง โดยมอง Yield อายุ 10 ปี ที่กรอบราว 4.15–4.45% ในช่วง 1 เดือนนี้…
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า เพื่อตอกย้ำนโยบาย “Happiness, Your Way เพราะความสุขคือทุกอย่าง…ความสุขสไตล์คุณคือที่สุดของทุกสิ่ง” ในฐานะคู่คิดด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่คุณวางใจ (No. 1 Most Trusted Partner in Life & Health Planning) และสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้ารุกตลาดประกันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ของประกันอุบัติเหตุออนไลน์ ด้วยการเปิดตัว “PA จุใจ ไม่เคลมมีคืน” เติมความมั่นใจรับมืออุบัติเหตุ หากไม่เคลมก็ได้คืน ทั้งนี้ “PA จุใจ ไม่เคลมมีคืน” โดดเด่นด้วยผลประโยชน์กรณีต่ออายุกรมธรรม์ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปี และไม่เคยเคลม จะได้รับคืนเบี้ยประกันภัย 1 ปีเท่ากับจำนวนเบี้ยประกันภัยต่อปีในปีสุดท้าย(1) พร้อมโดดเด่นด้วยความคุ้มครองการเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูญเสียอวัยวะ และอื่น ๆ(2) จากอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดจากการขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์สูงสุดไม่เกิน 1,200,000 บาท(3) หรืออุบัติเหตุที่เกิดจากการขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์สูงสุดไม่เกิน 600,000 บาท(3) อุบัติเหตุสาธารณะ สูงสุดไม่เกิน 2,400,000 บาท(3) การถูกฆาตกรรมหรือถูกทำร้ายร่างกาย สูงสุดไม่เกิน 1,200,000 บาท(3) รวมถึงเงินค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้งสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท(3) โดยไม่ต้องสำรองจ่าย(4) คุ้มครอง 24 ชั่วโมง ทั่วโลก มีให้เลือกได้จุใจถึง 3 แผน คือ S M และ L ซื้อได้ตั้งแต่อายุ 20-60 ปี เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 5,000 บาทต่อปี(5) พิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อประกันอุบัติเหตุ “PA จุใจ ไม่เคลมมีคืน” บนช่องทาง Online Sale และ MTL Click…
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดตัวแคมเปญ “พิชิตหนี้” พุ่งเป้าเร่งช่วยพนักงานเงินเดือนปลดหนี้ไวขึ้น เดินเกมเชิงรุกสร้างการตระหนักรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย บอกเล่าผ่านอินไซต์จริงของพนักงานเงินเดือน พร้อมแนะนำ 4 โซลูชันเด่นที่ช่วยพิชิตหนี้ได้ไวขึ้น ผ่านการสื่อสารที่เข้าถึงและจับต้องได้ผ่าน QR Code ในทุกชิ้นงานโฆษณา ถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจในการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพนักงานเงินเดือน และเป็นการขานรับ ธปท. ในหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) เพื่อร่วมแก้ปัญหาหนี้ด้วยกันอย่างยั่งยืน นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้ฝังลึกอยู่กับสังคมไทยมานาน และเป็นอุปสรรคต่อการมีชีวิตทางการเงินที่ดีของคนไทย อีกทั้งเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะพนักงานเงินเดือนที่เป็นหนี้เพิ่มขึ้นในทุกวันและมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นหนี้ไม่รู้จักจบสิ้น ซึ่งต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทีทีบีจึงเดินหน้าสานต่อพันธกิจช่วยคนไทยให้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น (Financial Well-being) เปิดตัวแคมเปญ “พิชิตหนี้” มุ่งช่วยพนักงานเงินเดือนปลดหนี้ให้ไวขึ้นและปลอดหนี้อย่างยั่งยืน ตั้งเป้าช่วยคนไทยปลดหนี้ผ่านโซลูชันรวม 200,000 ราย ภายใน 3 ปี ซึ่งทีทีบีในฐานะที่เป็นธนาคารแรก ๆ ที่ให้ความสำคัญ พร้อมสอดรับกับหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมเพื่อแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน และช่วยสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีให้กับคนไทย “ทีทีบี พิชิตหนี้” เป็นแคมเปญที่เข้าช่วยเหลือพนักงานเงินเดือนให้พิชิตหนี้ได้ไวขึ้น ผ่าน 4โซลูชันทางการเงิน 1. โปรแกรมตรวจสุขภาพทางการเงิน ทีทีบี (ttb financial health check) เครื่องมือวัดระดับหนี้และตรวจสุขภาพการเงินออนไลน์ที่จะช่วยวางแผนเริ่มต้นพิชิตหนี้ โดยให้ลูกค้าสามารถทราบสถานะทางการเงินที่เหมาะสมกับสภาวะการเงินของแต่ละคน พร้อมคอร์สออนไลน์เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันการเป็นหนี้ 2. รวบหนี้ด้วยบ้านหรือรถ กับทีทีบี โซลูชันรวบหนี้เป็นก้อนเดียว เพียงมีบ้าน หรือมีรถ ก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ช่วยประหยัดดอกเบี้ยให้ถูกลง ค่างวดลดลง มีเงินเหลือใช้เพิ่มขึ้น และไม่คิดภาระหนี้ที่ต้องการรวบ 3. สินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ ทีทีบี แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (ttb welfare loan) สำหรับพนักงานที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีของทีทีบี และกำลังมองหาตัวช่วยลดภาระหนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 7.99% ต่อปี 4. บริการโอนยอดหนี้มารวมที่บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช โซลูชันสำหรับคนที่มีพฤติกรรมจ่ายหนี้ตรงเวลา โดยโอนยอดหนี้บัตรกดเงินสด สินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิตที่มีอยู่กับสถาบันการเงินอื่นมารวมไว้ ดอกเบี้ยลดลง เริ่มต้น…