บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่า เนื่องในวาระ 75 ปีของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร มุ่งใช้ศักยภาพทุกด้าน ช่วยลูกค้าและคนไทยทุกคนก้าวสู่โลกยุคใหม่ด้วยความมั่นใจว่าจะพร้อมรับมือกับความผันผวนไม่แน่นอนทั้งสุขภาพ การเงิน สังคมและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่ต้องเตรียมพร้อมวางแผนระยะยาวในวันที่ยังมีเรี่ยวแรงหารายได้ จึงได้ส่งแบบประกันคุ้มครองตลอดชีพ “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท เวลท์ 99/1” ที่จ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว รับเงินคืนทุกปี ยาวจนถึงอายุ 99 ปี ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์คนที่มองหาประกันชีวิตที่ทำง่าย เข้าใจง่าย มีทั้งความคุ้มครอง และผลประโยชน์จากเงินคืนที่น่าพอใจ “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท เวลท์ 99/1” จ่ายเบี้ยฯ เพียงครั้งเดียว คุ้มครองชีวิตจนอายุครบ 99 ปี โดยให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 105% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย จุดเด่นอยู่ที่การให้เงินคืนระหว่างสัญญา ที่ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืน 2.4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันครบรอบปีกรมธรรม์ที่ 1 จนถึงปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยอายุครบ 98 ปี และรับอีก 102.4% ในปีสุดท้ายเมื่อครบกำหนดสัญญา (อายุครบ 99 ปี) “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท เวลท์ 99/1” รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 65 ปี โดยเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด รายละเอียดแบบประกันเพิ่มเติม คลิก https://oceanlifeth.co/Content-Ocean-Life-Smart-Wealth-99… OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER 1503 ข้อควรทราบ:…
Author: staff
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย ร่วมงานแถลงข่าวสรุปผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย (OIC Meets CEO 2024) จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมี นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ซึ่งการประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย (OIC Meets CEO 2024) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 9 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดชลบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจประกันภัย ซึ่งมีคณะผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน คปภ. และคณะผู้บริหารระดับสูงของธุรกิจประกันชีวิต – ประกันภัย เข้าร่วมหารือ และนำประเด็นที่ร่วมหารือมาจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ได้แก่ การพัฒนามาตรฐานและยกระดับบทบาทของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยและผู้สอบบัญชี การยกระดับมาตรฐานการอนุมัติกรมธรรม์ประกันภัย และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการประกันสุขภาพ การยกระดับการกำกับดูแลโดยใช้ข้อมูล Unaudited data ผ่าน Company Management Control การจัดทำ Service Level Agreement (SLA) มาตรฐานกรอบระยะเวลาสำหรับการให้บริการของธุรกิจประกันภัย และการส่งเสริมให้เกิดการกำกับดูแลตนเอง เช่น ค่า commission ประกันภัยรถภาคบังคับ และการกำกับดูแลตัวแทนประกันภัย บทบาทหน้าที่ของผู้บริหารบริษัท ภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย ตลอดจนแนวทางการกำกับการลงทุนในกิจการที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องกับบริษัทประกันภัย การยกระดับมาตรฐานการกำกับการดำเนินการของตัวแทนและนายหน้าประกันภัยบุคคลธรรมดา โดยบริษัทประกันภัยและนายประกันภัยนิติบุคคล เรื่องการนำส่งข้อมูลในระบบ IBS และนำส่งข้อมูลในระบบรายงานข้อมูลการรับประกันภัยรถภาคบังคับ (CMIS) รวมถึงความร่วมมือในการส่งเสริม Insurance literacy ระหว่างสำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย ณ ห้องประชุมอาคารสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ชั้น 2 สำนักงาน คปภ. (รัชดาภิเษก) เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 256
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดย นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME นำทีมงานพร้อมด้วยขบวนพาเหรด “กรุงศรี มั่งมี ช้อป ใช้กรุงศรี มั่งมี ทุกร้าน” และน้องกล้วยกรุงศรี ตัวแทนส่งมอบชีวิตง่ายได้ทุกวัน ลงพื้นที่พบปะร้านค้าธุรกิจเอสเอ็มอีในย่านถนนบรรทัดทอง แนะนำบริการ “กรุงศรี มั่งมี ช้อป” แอปพลิเคชันสำหรับร้านค้า ใช้งานง่าย ช่วยสนับสนุนทุกการขายให้คล่องตัว กิจการมั่งคั่งมั่งมียิ่งขึ้น และช่วยผู้ประกอบการมีชีวิตง่ายได้ทุกวัน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของกรุงศรีที่มุ่งสู่การเป็นธนาคารหลักสำหรับลูกค้าธุรกิจ SME นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME กล่าวว่า “กรุงศรี SME พร้อมช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME ทุกระดับ ให้สามารถค้าขาย ทำธุรกิจได้อย่างคล่องตัว และกรุงศรี มั่งมี ช้อป ก็เป็นหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถตอบโจทย์ พฤติกรรมการใช้จ่ายในยุคสังคมไร้เงินสดได้ง่ายขึ้น ไม่ได้เฉพาะลูกค้าคนไทย แต่สำหรับร้านค้าที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ กรุงศรีก็พัฒนาให้สามารถรองรับกับโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ ที่สำคัญเราพร้อมจะให้ชีวิตของทุกคนง่ายขึ้น” ขบวนพาเหรด “กรุงศรี มั่งมี ช้อป ใช้กรุงศรี มั่งมี ทุกร้าน” เริ่มออกเดินทางจากหน้า Stadium One และเดินต่อเนื่องไปตลอดถนนบรรทัดทองตั้งแต่ช่วงเช้าจรดค่ำ ตลอดเส้นทางได้รับความสนใจทั้งจากร้านค้า ผู้ประกอบการ SME ทุกระดับ และนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาร่วมสนุกกับกิจกรรมและถ่ายภาพกับน้องกล้วยกรุงศรีอย่างสนุกสนาน แอปพลิเคชัน “กรุงศรี มั่งมี ช้อป” อัดแน่นด้วยฟังก์ชั่นสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ทุกระดับให้สามารถค้าขายได้ดียิ่งขึ้น สามารถรับชำระเงินได้สะดวก เพิ่มโอกาสปิดการขายได้รวดเร็ว รองรับการชำระเงินหลากหลาย ทั้งโมบายแบงก์กิ้งทุกธนาคาร คิวอาร์โค้ดจากแอปพลิเคชันบัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด อีกทั้งยังรองรับการชำระเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้ Alipay และ WeChat Pay อีกด้วย นอกจากนั้น ในด้านของการใช้งาน กรุงศรี มั่งมี ช้อป มีระบบการแจ้งเตือนด้วยเสียงแบบเรียลไทม์เมื่อมีเงินเข้า มีการแสดงผลรายงานการขาย สามารถตรวจสอบสลิป และสรุปยอดขายได้ในแอปเดียว จึงไม่เพียงเป็นเครื่องมือในการรับเงิน แต่ยังช่วยสรุปรายงานยอดขายเพื่อนำข้อมูลไปใช้วางแผนการขายได้ด้วย ร้านค้าที่สนใจและมีบัญชีกรุงศรีและใช้งาน KMA krungsri app…
แอกซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เกต ประกาศแต่งตั้ง นางแซลลี่ โอฮาร่า ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่า ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ และประเทศเกาหลีใต้ โดยจะรับผิดชอบดูแลการบริหารงานโดยตรงในประเทศไทย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นในประเทศฟิลิปปินส์ ในขณะที่ยังคงมีหน้าที่ และความรับผิดชอบในฐานะคณะกรรมการบริหารระดับสูงของ แอกซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาร์เกต ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนกลยุทธ์หลักสำหรับตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อย และกลุ่มลูกค้าทั่วไป การบริหารจัดการส่งมอบประสบการณ์ของลูกค้าจากต้นทางถึงปลายทาง รวมถึงการผลักดันให้มีประกันสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567
บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือพรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิดกล่องผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตกับพรู 888 วางแผนเพิ่มความมั่งคั่ง และความอุ่นใจทุกช่วงของชีวิต พร้อมส่งต่อหลักประกันที่มั่นคงให้กับครอบครัว ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต พรู 888 แบบประกันชีวิตที่ขายผ่านทุกช่องทางการขายของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางตัวแทน รวมถึงช่องทางพันธมิตรต่างๆ (ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารทหารไทยธนชาต, ธนาคารยูโอบี , AIS Insurance Service และเดอะวัน(The 1)) ที่มีจุดเด่นผลิตภัณฑ์ด้วยการชำระเบี้ยประกันภัยระยะสั้นเพียง 8 ปี และคุ้มครองถึงอายุ 88 ปี พร้อมรับเงินคืนทุกปี ปีละ 8% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น ยาวจนถึงอายุ 87 ปี และรับเงินก้อนสูงถึง 888% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น เมื่อครบกำหนดสัญญา นอกจากนี้ คุณลักษณะเด่นของแบบประกันชีวิต พรู 888 ยังคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรวมสูงสุด 6400% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น หรือกรณีเสียชีวิตที่มิใช่จากอุบัติเหตุสูงสุด 800% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น โดยพรู 888 เหมาะสำหรับลูกค้าที่วางแผนเกษียณต้องการมีเงินคืนที่แน่นอนรายปีจนถึงบั้นปลายในวัยเกษียณ และยังเหมาะกับผู้นำครอบครัวที่ต้องการส่งมอบมรดกให้ลูกหลาน รวมถึงนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ด้วยการจัดสรรเงินลงทุนมาอยู่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และได้ผลตอบแทนที่แน่นอน อีกทั้งยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โดยลูกค้าที่สนใจสามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์และโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Prudential Thailand (www.prudential.co.th) ผลิตภัณฑ์นี้มีชื่อทางการตลาดที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่เครือข่ายพันธมิตรของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ทั่วประเทศ
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทยจับมือกับ Alibaba.com แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ B2B ของอาลีบาบาสำหรับการค้าระดับโลก หนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (เอสเอ็มอี) ขยายธุรกิจบนอีคอมเมิรซ์ ร่วมเผยแนวทางการดำเนินธุรกิจ และนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่จะช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจเอสเอ็มอีขยายโอกาสสู่ตลาดต่างประเทศบนช่องทางออนไลน์ ความร่วมมือระหว่างธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และ Alibaba.com ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสององค์กรที่พร้อมจะรวมองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อมอบคำแนะนำและเครื่องมือทางการเงินอันเป็นประโยชน์ให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยสามารถดำเนินธุรกิจบนช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นางสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Business Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “มีรายงานคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซ B2B ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570[1] ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมาที่ธนาคารได้นำเสนอบริการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เราเล็งเห็นว่าอีคอมเมิร์ซได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ผู้ประกอบการในการทำตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารยังตระหนักดีว่าการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางธุรกิจ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจไปบนดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการผนึกความเชี่ยวชาญทางการเงินของธนาคารเข้ากับข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมของ Alibaba.com เพื่อสนับสนุนลูกค้าเอสเอ็มอีเชื่อมต่อกับโอกาสใหม่และขยายธุรกิจไปต่างประเทศบนดิจิทัลแพลตฟอร์มระดับโลก” นายวาเรน หวัง Head of Thailand Business, Alibaba.com กล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ในการให้บริการธุรกิจในการซื้อขายสินค้าทั่วโลก Alibaba.com คือแพลตฟอร์ม B2B (Business-to-Business) ชั้นนำเพื่อการค้าระดับโลก รายงานการศึกษาของเราพบว่าร้อยละ 42 ของผู้ขายสินค้าใช้แพลตฟอร์มของเราเป็นช่องทางหลักในการคัดสรรสินค้า ในขณะที่ร้อยละ 60 ใช้แพลตฟอร์มเพื่อเป็นช่องทางสำหรับขยายธุรกิจไปตลาดต่างประเทศ ดังนั้นเราในฐานะแพลตฟอร์มที่ให้บริการซื้อขายแบบครบวงจรพร้อมจะอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในการขยายธุรกิจไปต่างแดน และเราหวังที่จะได้ร่วมงานกับยูโอบีอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อจัดงานสัมมนาที่เป็นประโยชน์ให้แก่ธุรกิจเอสเอ็มอีในอนาคต” โดยเมื่อเร็วนี้ๆ ธนาคารยูโอบีได้ร่วมกับ Alibaba.com จัดงานสัมมนาให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่ง นำเข้าและส่งออก เพื่อนำเสนอ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจแบบ B2B บนตลาดอีคอมเมิร์ซ ทิศทางและแนวโน้มของการนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมไปถึงสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบันเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถจัดหาสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมและมีโอกาสในการขายได้มากขึ้น โดยผลสำรวจของ Alibaba.com พบว่าประเทศผู้ซื้อที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา ปากีสถาน และ ประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง สำหรับกลุ่มสินค้าที่มียอดการซื้อขายสูงสุงจากผู้ขายไทยได้แก่ กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสินค้าด้านการเกษตร กลุ่มสินค้าด้านความงาม กลุ่มสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับ และกลุ่มสินค้าบ้านและสวน นอกจากนี้ธนาคารได้นำเสนอโซลูชันทางการเงินและบริการธนาคารที่จะช่วยบริหารเงินสด และลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมต่างประเทศเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจเอสเอ็มอีที่สนใจจะขยายธุรกิจบนแพลต์ฟอร์มออนไลน์ระหว่างประเทศ อาทิเช่น UOB Biztrade+, UOB Trade Finance,…
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH จัดพิธีเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ณ อาคารทิพยประกันภัย พระราม 3 โดยถือฤกษ์มงคลเวลา 05.30 น. อัญเชิญพระพุทธรูปตั้งประดิษฐานที่โต๊ะหมู่บูชา โดยมี ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน TIPH เข้าร่วมในพิธีเปิดสำนักงานแห่งใหม่ดังกล่าว
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นนั้น ส่งผลให้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ KTAM สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นที่น่าพอใจ บริษัทฯ จึงได้ประกาศจ่ายปันผลและจ่ายลดทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกันในวันที่ 20 มีนาคม 2567 นี้ กลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) ลงทุนในสัญญาโอนสิทธิในรายได้จากการประกอบกิจการไฟฟ้า ของบริษัทผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (หรือ KPP ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มน้ำตาลครบุรี) โดยโรงไฟฟ้านี้เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ใช้กากอ้อยซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากการผลิตน้ำตาลเป็นเชื้อเพลิงหลัก กองทุนได้เข้าลงทุนในกระแสรายได้ของ KPP ซึ่งมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาวให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกลุ่มน้ำตาลครบุรี โดยสัญญาเข้าลงทุนมีระยะเวลาถึงปี 2582 หรืออีกประมาณ 16 ปี ทั้งนี้ ที่ผ่านมากองทุนได้รับรายได้จากการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอแม้แต่ในช่วงสถานการณ์ Covid จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหากระแสรายได้จากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน สำหรับผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 1 ต.ค. 2566 –31 ธ.ค. 2566 และกำไรสะสม กองทุนกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 14 ในอัตรา 0.1760 บาทต่อหน่วย อีกหนึ่งกองทุนที่น่าสนใจคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่ลงทุนในสิทธิในรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางสุทธิ ที่จัดเก็บได้จากโครงการทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ซึ่งบริหารโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) สัญญามีระยะเวลาคงเหลือประมาณ 24 ปี (สิ้นสุดปี 2591) นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงส์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการปรับขึ้นค่าผ่านทาง กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหาทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีรายได้เติบโตตามภาวะเงินเฟ้อ และการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการทางพิเศษทั้งใน 2 เส้นทางนี้ สำหรับผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 1 ต.ค. 2566 –31 ธ.ค. 2566 และกำไรสะสม กองทุนกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 21 ในอัตรา 0.1039 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย…
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (ที่ 3 จากขวา) มอบเงินสนับสนุนจากกิจกรรมเมืองไทยสไมล์โซไซตี้ : แสงแก้ว โดยสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับบริจาคคะแนนสะสมสไมล์พ้อยท์ เพื่อสมทบทุนในโครงการแสงแก้ว ผ่าตัดต้อกระจกผู้สูงวัยที่ขาดแคลน ให้แก่ พญ.พัทธ์ศรัณย์ ธนะสุพรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว (ที่ 3 จากซ้าย) เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท เพื่อดำเนินการคัดกรองและผ่าตัดให้แก่ผู้สูงวัยที่เป็นโรคต้อกระจก ซึ่งเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยให้เข้าถึงการรักษาผ่าตัดโรคต้อกระจก ทำให้ผู้สูงวัยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและรอยยิ้ม โดยมี น.ส.อนัญญา อัตชู ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค (ที่ 2 จากขวา) นางสาวนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (ขวาสุด) นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม (ซ้ายสุด) และนางปุณฑริกา ใบเงิน กรรมการมูลนิธิ เมืองไทยยิ้ม (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมในพิธี ณ อาคารเมืองไทยประกันชีวิต เมื่อเร็วๆ นี้
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ให้การต้อนรับ นายประสิชฌ์ วีระศิลป์ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ พร้อมคณะผู้บริหาร ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของ SAM เป็นวันแรก เกี่ยวกับ SAM : บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีบทบาทในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพโดยยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อขับเคลื่อนระบบสถาบันการเงินให้เติบโตอย่างมั่งคั่งและยั่งยืน วิสัยทัศน์ : เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งรัฐ ที่มีบทบาทสนับสนุนให้ประชาชนและภาคธุรกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน