บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ยกระดับก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงิน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล เปิดตัวแอปพลิเคชัน “ศรีสวัสดิ์” ภายใต้สโลแกน “แอปดีชีวิตคล่อง ที่ต้องมีติดเครื่อง” มุ่งเน้นให้บริการทางการเงินที่ ครบวงจรในแอปเดียวทั้งการจัดการสินเชื่อและประกัน สะดวก รวดเร็ว ใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา เหมือนยกสาขาศรีสวัสดิ์มาไว้ในมือถือ รองรับการใช้งานทั้ง iOS และ Android เปิดให้บริการมาแล้ว 9 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ปลื้มกระแสตอบดีเยี่ยม มียอดดาวน์โหลดกว่า 280,000 ครั้ง นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) กล่าวว่า “การเปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘ศรีสวัสดิ์’ ภายใต้สโลแกน ‘แอปดีชีวิตคล่อง ที่ต้องมีติดเครื่อง’ ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำศรีสวัสดิ์เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ที่จะช่วยให้ลูกค้าทุกกลุ่มเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายและสะดวกขึ้น ลูกกค้าสามารถดูคู่สัญญาได้จากแอป เพื่อความโปร่งใส มั่นใจ ตามกฎหมาย ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการทางการเงิน ควบคู่ไปกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ไปพร้อมกับการยกระดับการให้บริการด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งด้านสินเชื่อและประกันภัย นอกจากนี้ การมีแอปพลิเคชันยังช่วยให้ขยายฐานลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม” แอปพลิเคชัน “ศรีสวัสดิ์” มาพร้อมฟังก์ชันที่ครบถ้วน โดยลูกค้าสามารถ ดูข้อมูลบัญชีสินเชื่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชัน ขอเพิ่มวงเงินออนไลน์และติดตามสถานะการขอสินเชื่อได้ทันที ชำระเงินค่างวดผ่านคิวอาร์โค้ด สมัครสินเชื่อใหม่ เลือกซื้อแผนประกันรถยนต์ได้อย่างสะดวก อีกทั้งลูกค้ายังสามารถค้นหาสาขาศรีสวัสดิ์ทั่วประเทศ รับข้อความแจ้งเตือนใกล้ถึงวันครบชำระค่างวด และอัปเดทข่าวสารหรือโปรโมชันใหม่ ๆ อย่างครบถ้วน แอปถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทุกกลุ่มผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี อีกทั้งยังได้นำแนวคิด Net Zero มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันภายใต้กรอบ ESG เพื่อส่งเสริมการให้ความรู้ด้านการเงิน ยกระดับการให้บริการ ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสาขา เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันในเรื่องการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) เพื่อการเติบโตเคียงคู่กับสังคมอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ แอปพลิเคชันยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงบริการด้านประกันภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อทำให้กระบวนการทำประกันภัยเป็น เรื่องง่าย คุ้มค่า และเชื่อถือได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักของบริษัทฯ…
Author: staff
เมย์แบงก์แนะนำโอกาสลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ ท่ามกลางความกังวลของตลาดที่เกิดจากความก้าวหน้าของ DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จากจีน โดยนักวิเคราะห์มองว่าปฏิกิริยาของตลาดอาจเกินจริง ทำให้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าซื้อหุ้น DeepSeek ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงสำคัญในแวดวง AI ด้วยการเปิดตัวโมเดล AI ต้นทุนต่ำที่สามารถแข่งขันกับโมเดลชั้นนำของโลก เช่น ChatGPT จาก OpenAI และ Llama 3.1 จาก Meta โดยโมเดลของ DeepSeek ถูกพัฒนาด้วยเงินทุนเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนของคู่แข่งจากฝั่งสหรัฐถึงกว่า 90% และใช้ชิป H800 ของ Nvidia ซึ่งมีสเปกที่ปรับลดลงเพื่อให้สามารถส่งออกไปยังจีนได้ นักวิเคราะห์จาก Wedbush ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของเมย์แบงก์ มองว่าสถานการณ์นี้เป็นปฏิกิริยาชั่วคราวของตลาด และแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีเป้าหมายราคาที่น่าสนใจดังนี้ Nvidia (NVDA.US) – ราคาเป้าหมาย $175 Microsoft (MSFT.US) – ราคาเป้าหมาย $550 Alphabet (GOOGL.US) – ราคาเป้าหมาย $220 Palantir (PLTR.US) – ราคาเป้าหมาย $90 Salesforce (CRM.US) – ราคาเป้าหมาย $425 Amazon (AMZN.US) – ราคาเป้าหมาย $280 ความสามารถของ DeepSeek ในการนำเสนอ AI ประสิทธิภาพสูงในต้นทุนที่ต่ำ เกิดจากการใช้วิธีการที่เป็นนวัตกรรมใหม่และฮาร์ดแวร์ที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม Wedbush ยืนยันว่าบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำยังคงมีความได้เปรียบ ด้วยระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย เมย์แบงก์ชวนนักลงทุนมาร่วมสำรวจโอกาสในการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด และลงทุนในหุ้นที่ได้รับคำแนะนำเชิงกลยุทธ์นี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Maybank Invest https://bit.ly/InvestwithMaybankInvest ได้ทั้ง IOS และ Androids หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 02-658-5050 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-17.30 น. หรือ Line @maybankfriends
บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD สุดปลื้ม! ฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F2(tha)’ พร้อมให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิมีประกันของ SAWAD ที่ ‘A-(tha)’ สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัททั้งด้านเงินทุนและเครือข่ายธุรกิจ ครองตำแหน่งผู้นำสินเชื่อมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ที่สุด พร้อมทั้งมีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง และคุมหนี้สินได้ในระดับที่น่าพอใจ นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีและน่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ จัดอันดับเครดิตที่แข็งแกร่งให้กับ SAWAD ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางธุรกิจและการดำเนินกลยุทธ์ทางการเงินที่รอบคอบของเรา อีกทั้งเป็นข้อพิสูจน์ความสามารถในการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ตอกย้ำศักยภาพของ SAWAD ในการเติบโตอย่างยั่งยืน” “SAWAD ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงและมีการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างเข้มงวด โดยมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลัก พร้อมทั้งมีมาตราการติดตามและบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ NPL จะอยู่ในระดับไม่เกิน 3.5% ในขณะเดียวกันเรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง” ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ระบุว่า อันดับเครดิตของ SAWAD พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตโดยรวมของกลุ่ม สะท้อนถึงการเชื่อมโยงในระดับสูงด้านเงินทุนและสภาพคล่องภายในกลุ่ม รวมถึงตำแหน่งทางการตลาดและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีระดับหนี้สินและผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในระดับที่น่าพอใจ โดย SAWAD เป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ถือเป็นผู้นำให้สินเชื่อที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และเป็นหนึ่งในผู้ให้สินเชื่อรายใหญ่ที่สุดสำหรับการเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ “ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ มั่นใจ ถูกต้อง โปร่งใสตามกฎหมาย พร้อมเติบโตคู่ชาวไทย” เป็นหลักการสำคัญที่ SAWAD ยึดมั่นเสมอมาในการให้บริการสินเชื่อที่โปร่งใสและเป็นธรรมแก่ลูกค้าทั่วประเทศ
ธนาคารกสิกรไทยผนึกกำลังบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) ร่วมลงทุน 1,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด (ARUN AMC) เพื่อช่วยพลิกฟื้นสถานะลูกหนี้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งการดำรงชีพและการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคาร ซึ่งสอดรับกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสีย ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศการจัดการด้านสินเชื่อ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีแนวโน้มสูงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยที่ส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสีย จึงเป็นที่มาของการร่วมลงทุนระหว่างธนาคารกสิกรไทย และบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ อรุณ จำกัด (ARUN AMC) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารจะได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรของการบริหารหนี้จาก ARUN AMC ในฐานะผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งธนาคารลงทุนผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KVISION) อีกด้วย โดยมุ่งหวังว่า ARUN AMC จะช่วยแก้ไขปัญหาสภาพคล่องทางการเงินให้ลูกหนี้มีโอกาสแก้ไขหนี้ และสามารถดำเนินชีวิตและธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รองประธานกรรมการ และรักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) เปิดเผยว่า ARUN AMC มีเงินทุนเริ่มต้นในการจัดตั้งบริษัทจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทย และ BAM ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50เท่ากัน ซึ่งที่ผ่านมาBAM เป็นผู้นำในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ และมีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพในระบบสถาบันการเงินและบริหารสินทรัพย์ รวมทั้งเป็นพันธมิตรที่ดีกับธนาคารกสิกรไทยมาอย่างยาวนาน การร่วมลงทุนจัดตั้ง ARUN AMC ในครั้งนี้ นอกจากจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และ พันธกิจของ BAM ในการพลิกฟื้นสินทรัพย์ ช่วยเหลือลูกหนี้ให้กลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจ และฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสองให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพให้ทั้งธนาคารกสิกรไทยและ BAM มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จ และเป็นการร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้เกิดมูลค่าเพิ่มของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ได้อย่างแท้จริง นายสมชาย…
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดสนามที่ 2 ของภูมิภาคอีสาน เพื่อคัดเลือกเยาวชนเข้าร่วมโครงการ KTAXA Know You Can Football Youth (U-15) Academy Season 5 โดยเปิดโอกาสให้แก่เยาวชนอายุระหว่าง 13-15 ปี ร่วมฝึกทักษะฟุตบอลตามมาตรฐานสากลจากโค้ชระดับ AFC – A – License ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เป็นอีกหนึ่งในโครงการที่ยกระดับทักษะนักฟุตบอลเยาวชนของไทยสู่มาตรฐานระดับโลก และสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีผ่านการออกกำลังกาย อีกทั้งยังสอดคล้องกับการเป็นพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และร่วมสร้างพลังกายพลังใจ ความเชื่อมั่นในตนเอง ว่าทุกคนทำได้ “Know You Can” โดยเยาวชนที่ได้ผ่านการคัดเลือกจะได้รับทุนการศึกษามูลค่าสูงถึง 200,000 บาท และประกันสุขภาพโรคร้ายแรง ทุนประกันรวมกว่า 5,000,000 บาท เยาวชนท่านใดที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ 2 ช่องทาง สมัครทางออนไลน์ได้ตั้งแต่ วันนี้ – 7 กุมภาพันธ์ 2568 หรือ เดินทางมาสมัครที่สนามกีฬากลางจังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 7.00 – 8.30น. สำหรับกติกาการคัดเลือก ผู้สมัครสามารถเลือกได้หนึ่งช่องทาง: แสดงทักษะฟุตบอลที่สนามกีฬากลางจังหวัดอุบลราชธานี (รับจำนวนจำกัด) ส่งคลิปวิดีโอแสดงทักษะฟุตบอล ไม่เกิน 3 นาที และส่งมาที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers สำหรับเยาวชนที่สนใจโครงการ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และติดตามประกาศรายชื่อเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกทาง LINE OA: @ktaxa-u15 หรือ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) มอบโชคในกิจกรรม “OCEAN LIFE ไทยสมุทร 75 ปี แจกทอง 75 บาท” ให้กับลูกค้าที่ทำประกันชีวิตตามเงื่อนไข และลงทะเบียนผ่าน OCEAN CONNECT ตลอดปี 2567 ได้ลุ้นรับ ทองคำโอชิหนัก 1 สลึง จำนวน 300 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 2.5 ล้านบาท การจับรางวัลในครั้งนี้เป็นการจับผู้โชคดีครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกิจกรรม สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 31 มกราคม 2568 ที่ https://www.ocean.co.th/ocean-club/oceanlife75th-lucky-draw/result กิจกรรมนี้ถือเป็นการมอบของขวัญให้กับลูกค้าทุกท่าน เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ให้ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้ดูแลทุกท่านด้วยพลังแห่งรักมาตลอด 75 ปี และในปี 2568 นี้ยังมีกิจกรรมดีๆ รออยู่อีกมากมาย กดติดตามช่องทาง OCEAN LIFE ไทยสมุทรไว้ได้เลย
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยนายกฤษณ์ จันทโนทก กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมกับกองทัพอากาศ โดยพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ จัดกิจกรรมมอบผ้าห่มกันหนาว ในโครงการ “ช่วยผู้ประสบภัยกับไทยพาณิชย์” เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี บรรเทาความเดือดร้อน และเติมไออุ่นให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเป็นผ้าห่ม “รักษ์โลก” ที่ทอด้วยเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลจากขวดพลาสติก PET (ขวดพลาสติก PET จำนวน 11 ขวด ผลิตได้ 1 ผืน) ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ภายใต้นโยบายด้านความยั่งยืนที่ธนาคารไทยพาณิชย์มุ่งมั่นดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ยั่งยืน หลังจากที่ได้ร่วมกันปล่อยขบวนรถลำเลียงผ้าห่มกันหนาว จำนวน 4,000 ผืน ณ กองบัญชาการกองทัพอากาศ กรุงเทพ ฯ เดินทางไปยังกองบินต่าง ๆ แล้ว ผู้แทนธนาคารไทยพาณิชย์และกองบิน รวมถึงชมรมแม่บ้านทหารอากาศได้ลงพื้นที่เพื่อส่งมอบผ้าห่มให้ถึงมือพี่น้องประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ อุดรธานี นครราชสีมา นครสวรรค์ พิษณุโลก ลพบุรี และสระแก้ว เป็นต้น โดยมุ่งเน้นกลุ่มเปราะบาง ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง นอกจากจะเป็นการสร้างความอบอุ่น ยังเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ เติมรอยยิ้ม และมอบความสุข ให้หนาวนี้ไม่หนาวอีกต่อไป
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มทิสโก้ ขึ้นรับมอบรางวัลองค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุด (Thailand’s Top Corporate Brand 2024) ประจำปี 2567 ในหมวดธุรกิจธนาคาร ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 4 ด้วยมูลค่าเเบรนด์ 34,079 ล้านบาท จากศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในงาน ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2024 ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Sustainable Focus ที่มุ่งสร้างผลกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รางวัล Thailand’s Top Corporate Brand มอบให้แก่องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดในแต่ละหมวดธุรกิจ โดยพิจารณาจากงานวิจัยของภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งใช้สูตร Corporate Brand Valuation คำนวณมูลค่าผ่านปัจจัยสำคัญ อาทิ ผลประกอบการทางการเงิน มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) โดยคำนึงถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของกลุ่มทิสโก้ ในฐานะสถาบันการเงินที่มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน
ให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว ด้วยแอปพลิเคชั่น TIPlife ของทิพยประกันชีวิต ที่ให้บริการด้านประกันชีวิตแบบครบวงจรบนมือถือ สะดวก ปลอดภัย ครอบคลุมทุกบริการ นายนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) “กล่าวว่า ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การได้รับบริการแบบทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง นอกจากความรวดเร็วทันใจแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย ซึ่งแอปพลิเคชั่น “TIPlife” เป็นหนึ่งช่องทางบริการ ของทิพยประกันชีวิต ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านประกันชีวิต ลูกค้าสามารถจัดการข้อมูล กรมธรรม์ของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ สถานะความคุ้มครอง รายละเอียดการชำระเบี้ยประกัน หรือข้อมูลการต่ออายุ ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ในไม่กี่ขั้นตอน สะดวกปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยให้การชำระเบี้ยเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านบัตรเครดิต หรือผ่าน QR Code เพื่อให้ไม่พลาดความคุ้มครองเมื่อถึงกำหนดชำระเบี้ย ยิ่งในต้นปีนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการจัดการเรื่องลดหย่อนภาษี แค่กดเข้าแอปไปจัดการแจ้งสิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ง่ายๆ นับว่าเป็นการลดขั้นตอนของเอกสารต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าทุกฟีเจอร์ถูกออกแบบมาเพื่อให้การใช้งานง่าย สะดวก และปลอดภัย รองรับทุกอุปกรณ์ และพร้อมใช้งานทุกที่ ทุกเวลา เพื่อประสบการณ์ในการจัดการประกันชีวิตที่ดียิ่งขึ้น” ทิพยประกันชีวิต เราไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ปรับปรุง และพัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้ไม่พลาดทุกความคาดหวังและความต้องการ เพราะลูกค้าคือคนสำคัญ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาด Fed คงดอกเบี้ยระดับ 4.25 – 4.50% ถึงกลางปี 2568 ดันบอนด์ยิลด์ทรงตัวสูงสุดรอบ 17 ปี จับตาผลกระทบตลาดหุ้น! ชี้กลุ่มธนาคารสหรัฐฯ รับอานิสงค์ ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี รวมหุ้น “7 นางฟ้า” เสี่ยงถูกกดดัน นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25 – 4.50% ไปจนถึงอย่างน้อยช่วงกลางปี 2568 นี้ และอาจทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) ทรงตัวอยู่ที่ 4.50 – 5.0% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติซับไพรม์ปี 2551 จากประเด็นดังกล่าวส่งผลบวกโดยตรงกับหุ้นกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ ที่จะได้รับประโยชน์จากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น แต่กดดันตลาดหุ้นโลกโดยรวม โดยเฉพาะหุ้นที่ซื้อขายด้วยมูลค่า (Valuation) สูง “บอนด์ยิลด์ที่ทรงตัวในระดับสูงจะกดดันตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะหุ้นที่มี Valuation ในระดับที่แพงมาก โดยหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ซื้อขายด้วยระดับราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) สูงถึง 21 เท่า โดยกลุ่มหุ้นที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่ม “7 นางฟ้า” ที่ซื้อขายด้วยระดับสูงนั้นจะถูกกดดันมากเป็นพิเศษ ในทางกลับกันจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ ที่จะได้รับอานิสงส์จากรายได้ดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นตามบอนด์ยิลด์” นายคมศรกล่าว สำหรับปัจจัยที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ มองว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับ 4.25 – 4.50% ไปจนถึงกลางปี 2568 มีดังนี้ เงินเฟ้อสูง – เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังทรงตัวอยู่เหนือระดับเป้าหมาย 2% โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในสหรัฐฯ นั้น ไม่ได้มีแนวโน้มปรับลดลงตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และได้ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.20 – 3.30%…