บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH โดย ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นายถิรเจตน์ ศุภวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานกลยุทธ์และการลงทุน ร่วมนำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานในกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่านทางช่องทางออนไลน์เมื่อวันที่ 30พฤษภาคม 2567 โดยในไตรมาส 1/2567 TIPH มีรายได้รวมที่ 3,991 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 574 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 14.5% และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 17.9% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทประกันวินาศภัยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผลมาจากความสามารถในการครองอันดับ1 อย่างต่อเนื่องในธุรกิจประกันวินาศภัยประเภท Non-motor ของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่ม TIPH และการเติบโตขึ้นของบริษัทอื่นๆ ที่ TIPH เข้าลงทุน สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืนของ TIPH ทั้งนี้ สามารถรับชมย้อนหลังได้ผ่านทาง YouTube Channel และเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ดังนี้ https://www.youtube.com/live/5pgieYWsYHE?feature=shared และ https://listed-company-presentation.setgroup.or.th/vdo/6851
Author: staff
กองทุนเปิด เอไอเอ ยูเอส 500 อิควิตี้ ฟันด์ (AIA-US500) ซึ่งบริหารจัดการโดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morningstar Thailand ประเภทกองทุน US EQUITY ทั้งในส่วนของผลตอบแทนโดยรวมและผลตอบแทน 3 ปี โดยกองทุนที่จะได้รับการจัดอันดับนั้นต้องมีผลตอบแทนอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป จึงสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและศักยภาพที่ยอดเยี่ยมของ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ในการบริหารจัดการกองทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ตรงตามความคาดหวังของผู้ถือกรมธรรม์เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ ซึ่งวิธีการจัดอันดับนั้นใช้วิธีคำนวณเดียวกันทั่วโลก โดยมาจากค่าที่เรียกว่าMorningstar Risk Adjusted Return (MRAR) ซึ่งกองทุนที่ได้รับ Morningstar 5 ดาว คือ กองทุนที่มีค่า MRAR % Rank อยู่ในกลุ่ม Top 10% สำหรับกองทุนเปิด เอไอเอ ยูเอส 500 อิควิตี้ ฟันด์ (AIA-US500) เป็นกองทุนรวมตราสารทุน ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ กองทุน iShares Core S&P 500 ETF (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange, NYSE Arca) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกองทุน iShares Core S&P 500 ETF (กองทุนหลัก) มุ่งเน้นลงทุนให้ใกล้เคียงกับการลงทุนในดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้เทียบวัดผลการดำเนินงานของหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 500 บริษัท ซึ่ง บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) ยังคงมุ่งมั่นอย่างยิ่งบริหารจัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์เอไอเอ…
พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)พร้อมพันตำรวจเอก ประทีป ศรีหรั่งไพโรจน์ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และหน่วยปฎิบัติการตำรวจโครงการพระราชดำริ รับมอบประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ทุนประกันรวม 47.7 ล้านบาท จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นางสาวพิศเพลิน วิริยะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนมอบ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ส่งมอบความห่วงใยให้แก่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 ผ่านประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันรวมกว่า 700 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ภารกิจนำส่งอวัยวะหัวใจเพื่อต่อชีวิตให้กับผู้ป่วย รวมถึงช่วยทำคลอดและนำหญิงใกล้คลอดส่งโรงพยาบาล ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุบนท้องถนน
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเพื่อตอกย้ำการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนแก่สังคม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุล ในทุกๆ มิติ ทั้งในมิติขององค์กร พนักงานภายใน พาร์ตเนอร์ ลูกค้า สิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG) เพื่อสร้างรอยยิ้ม และความสุขให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ล่าสุด บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับ บริษัท เรย์วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด หน่วยงานภายใต้มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เปิดศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ “MTL Smile Contact Center เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสร้างอาชีพเพื่อคนไทย” ณ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ จ.ชลบุรี เพื่อร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาความสามารถและทักษะวิชาชีพให้กับผู้พิการ เพื่อให้ผู้พิการเหล่านี้สามารถใช้ศักยภาพที่ตนมีอยู่ในการประกอบอาชีพที่เหมาะสม สามารถเลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว และมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป และได้รับความสำเร็จในสังคมที่ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน โดยศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ “MTL Smile Contact Center เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมสร้างอาชีพเพื่อคนไทย” บริษัทฯ ได้เข้าไปพัฒนาและจัดเตรียมอุปกรณ์ในการทำงาน ปรับพื้นที่ในการทำงานต่างๆ ให้มีความสะดวกสบาย และมีความเหมาะสมสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้พิการ รวมถึงการติดตั้งระบบโทรศัพท์ที่ทันสมัย เชื่อมโยงกับระบบหลักในการบริการลูกค้าของบริษัทฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้พิการสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเท่าเทียม พร้อมด้วยการอบรมให้ความรู้ ทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานซึ่งพิการทางร่างกาย มีความรู้ ความชำนาญ และเข้าใจในวิธีปฏิบัติงานในวิชาชีพ สามารถใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ได้ รวมถึงการจัดกิจกรรมสร้างความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้พิการตลอดจนการให้คำแนะนำและการสนับสนุนด้านการศึกษา การพัฒนาทักษะ และการทำงานร่วมกับผู้มีความรับผิดชอบในการดูแลและส่งเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้พิการทุกคน เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่าง เป็นมืออาชีพ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งยังเป็นไปตามแนวทางที่บริษัทฯ ได้ตั้งไว้ในการสร้างสังคมสู่ความยั่งยืน โดยยึดหลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างสังคมที่เท่าเทียม “สิ่งสำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนคือ การประสานความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินธุรกิจในทุกๆ วัน บริษัทยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติบรรษัทภิบาลและเศรษฐกิจ (ESG) เพื่อสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย” นายสาระ กล่าว โดยเมื่อเร็วๆ นี้…
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย นายมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร ผู้ช่วยผู้จัดการ งานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน ร่วมกับ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านการเงิน ภายใต้โครงการบริการวิชาการ แบบให้เปล่า “โครงการอบรมความรู้ด้านการบริหารจัดการหนี้สินสำหรับผู้พิการ” แก่นักศึกษาผู้พิการทางด้านสายตาและด้านการเคลื่อนไหว จำนวน 24 คน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหนี้สินและแนวทางการบริหารจัดการหนี้สินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มพูนความรู้และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้พิการ โดยได้รับเกียรติจาก ผศ. ดร.เทอดศักดิ์ ชมโต๊ะสุวรรณ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ และ ดร.นริศรา เจริญพันธุ์ หัวหน้าหลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐกิจดิจิทัล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรมอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเงินติดล้อในการสร้างโอกาสทางการเงินที่ยั่งยืนให้กับผู้คนในสังคมไทย กิจกรรมจัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์ผ่านช่องทาง Google Meet เมื่อเร็วๆ นี้
นางสาวปภากร รัตนเศรษฐ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่าธนาคารออมสินเดินหน้าบทบาทธนาคารเพื่อสังคม บนเส้นทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ผ่านการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจที่คำนึงถึงผลลัพธ์เชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด (Green Finance) ซึ่งเป็นครั้งแรกของธุรกิจธนาคารที่มีการนำเอา ESG Score มาประกอบการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ โดยเริ่มต้นดำเนินการสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ธนาคารอนุมัติสินเชื่อพร้อมเงื่อนไขพิเศษลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับกิจการที่มีคะแนน ESG ดี มีการทำธุรกิจอย่างใส่ใจและคำนึงถึงสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันมีการปล่อยสินเชื่อด้วยการใช้ ESG Score แล้วกว่า 48,600 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีกิจการที่มีคะแนนดีเยี่ยม ได้รับการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ คิดเป็นวงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว และ Thailand Green Taxonomy ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืน เปลี่ยนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามนโยบายของรัฐบาล โดยล่าสุด ธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อตามโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี จำนวน 4 ราย วงเงินรวม 7,850 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) วงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น และปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 ที่จะช่วยลดปัญหามลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นไปตามนโยบายสู่การเป็นโรงงานสีเขียว (Eco Factory) บริษัท อัลเตอร์วิม จำกัด วงเงิน 1,300 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการติดตั้งระบบ Solar ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Private PPA) มุ่งเน้นการจัดการพลังงานให้กับลูกค้าในเครือซีพีเป็นหลัก เป็นการยกระดับศักยภาพการแข่งขันและพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงลดการปล่อยคาร์บอน และสร้างโอกาสคาร์บอนเครดิต ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด บริษัท เอ็นพีเอส โซลาร์ จำกัด วงเงิน 900 ล้านบาท ลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ (Solar Floating) เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในสวนอุตสาหกรรม 304ปราจีนบุรี…
บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลองค์กรคุณธรรมต้นแบบจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) โดยเป็นองค์กรเอกชนแห่งแรก และเป็นบริษัทประกันภัยแห่งแรกที่ได้รับการยกย่องจากการสร้างแรงกระเพื่อมแห่งความดีต่อสาธารณะ ตั้งแต่ปี 2561 ด้วยโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา” ซึ่งดำเนินโครงการมากว่า 40 ครั้ง และมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 5,000 คน พิธีมอบรางวัล Moral Awards 2022 และเกียรติบัตร ได้รับเกียรติจาก คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการศูนย์คุณธรรม และ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม เป็นผู้มอบรางวัลให้แก่บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมี ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัยจำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธี ณ อาคารทิพยประกันภัย สำนักงานใหญ่ พระราม 3 รางวัล Moral Awards 2022 เป็นรางวัลที่ยกย่ององค์กรที่เป็นแบบอย่างด้านคุณธรรม และมีการขับเคลื่อนคุณธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์คุณธรรมได้ให้การสนับสนุนโครงการตามรอยพระราชา ซึ่งเป็นโครงการน้อมนำพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ทั้งในด้านการศึกษาดูงาน การลงมือทำกิจกรรมเสริมทักษะเรียนรู้ และการต่อยอด พร้อมสร้างความเข้าใจและเข้าถึงคุณธรรม พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา และกตัญญู ทิพยประกันภัยยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ใส่ใจสังคมและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล และร่วมสานต่อหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง พร้อมยกระดับการดำเนินงานภายใต้กรอบ…
การเดินทางถือเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของทุกคน หากเป็นคนปกติทั่วไป การเดินทางโดยสารด้วยรถประจำทางนับเป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับกลุ่มผู้ที่พิการทางสายตาถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะมีข้อจำกัดและต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการเดินทาง การร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเท่าเทียมทางสังคม จึงทำให้เกิดเป็นแคมเปญ “The Talkable Bus Shelter ป้ายรถเมล์พูดได้” ไอเดียสุดครีเอทจาก FWD ประกันชีวิต ที่ร่วมกับGREYNJ UNITED ในการคิดครีเอเทีฟโซลูชั่น โดยใช้เทคโนโลยีควบคู่กับความคิดสร้างสรรค์จนออกมาเป็นการสร้าง “ระบบเสียงอัจฉริยะ” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการทางสายตาใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงบริการสาธารณะได้อย่างสะดวก ด้วยการเตือนให้ทราบถึงรถเมล์ที่กำลังจะมา และเตรียมตัวเดินทาง เพื่อไปถึงจุดที่หมายที่ต้องการได้อย่างปลอดภัย Pain Point สำคัญของการใช้บริการป้ายรถเมล์ของผู้พิการทางสายตา FWD ประกันชีวิต ได้ศึกษาข้อมูลจากรายงานสถานการณ์ด้านคนพิการทางการมองเห็นในประเทศไทย โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่า ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) ประเทศไทยมีผู้พิการทางสายตา จำนวน 184,622 คน ที่มีการเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน รวมกับข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก (in-depth interview) กับผู้พิการทางสายตาภายใต้การดูแลของมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ทำให้เราพบว่า ผู้พิการทางสายตาส่วนใหญ่เลือกใช้การเดินทางประจำวันด้วยรถโดยสารประจำทาง แต่ paint point สำคัญคือ มักจะพลาดรถประจำทางสายที่ต้องการ เนื่องจากไม่สามารถรับรู้ถึงสายรถประจำทางที่ต้องการได้อย่างชัดเจน จนกระทั่งเมื่อแคมเปญได้นำร่องเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริเวณป้ายรถเมล์ที่ใกล้กับสถานที่ที่ผู้พิการทางสายตาใช้เป็นประจำ จำนวน 10 ป้ายรถเมล์ ครอบคลุมเส้นทางการเดินรถเมล์ 46 สาย ทาง FWD ประกันชีวิต จึงได้ร่วมกับ Homerun Consulting ที่ปรึกษาด้านการทำวิจัย ทำการวิจัยศึกษาอินไซต์และสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้พิการทางสายตาที่ใช้บริการรถเมล์ ทำให้พบว่า key finding ของ pain point ที่พบก่อนและหลังแคมเปญตรงกัน นอกจากนั้น ยังพบปัญหาสำคัญเพิ่มเติมซึ่งผู้พิการทางสายตาได้เล่าให้เราฟังว่าบางครั้ง รถเมล์ที่รอก็เข้าจอดไม่ตรงป้าย ยิ่งเวลาที่ไม่มีผู้โดยสารคนอื่นยืนรออยู่ด้วย ก็จะทำให้รถเมล์ไม่ได้เข้ามาจอด หรือในบางครั้งผู้พิการทางสายตาก็ไม่สามารถสอบถามหรือขอความช่วยเหลือจากใครได้ ดังนั้น การมีระบบเสียงอัจฉริยะที่ป้ายรถเมล์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดี เพื่อเตือนให้ผู้พิการทางสายตาทราบถึงรถโดยสารที่กำลังจะมา และเตรียมตัวเดินทาง เสียงสะท้อนจากประสบการณ์ของผู้ใช้จริง “ปัญหาปัจจุบันคือคนตาบอดนี่เวลาเราจะเดินทาง ถ้าจะใช้รถเมล์ เราก็ต้องไปที่ป้ายรถเมล์แล้วสุดท้ายเราก็ต้องพยายามหาคนแถวนั้นที่อยู่บริเวณป้ายช่วยบอกว่า มองสายรถเมล์ให้หน่อยนะคะ เพราะเราไม่รู้ว่าสายที่มานี่เป็นรถเมล์สายอะไร ใช่สายที่เราต้องการจะขึ้นหรือเปล่า…
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมกับ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและเป็นกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำของโลก ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนความยั่งยืนตามแนวทางการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG จัดงาน Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 สุดยอดการประชุมสัมมนาด้าน ESG โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง ESG ให้กับลูกค้าธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่สนใจ ซึ่งงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐ คณะผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรธุรกิจชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG จาก ธนาคารโลก (World Bank) MUFG และกรุงศรี มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ ส่งต่อแนวคิดตลอดจนโซลูชันที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจในการทำแผนเปลี่ยนผ่าน พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้เกิดความยั่งยืนในระดับประเทศ และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงานประชุมสัมมนาครั้งนี้ว่า “ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับที่สี่ (2567-2569) กรุงศรี ตั้งใจอย่างแน่วแน่สู่การเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” โดยเราได้นำกรอบแนวความคิด ESG มาปรับใช้ทั้งการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนมุ่งมั่นให้การสนับสนุนและส่งเสริมลูกค้าธุรกิจให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การดำเนินงานด้าน ESG อย่างแท้จริงผ่านกิจกรรมต่างๆ และตั้งเป้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 100,000 ล้านบาท (จากปีฐาน 2564) ภายในปี 2573 ซึ่งก็สอดคล้องกับเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและพันธกิจของ MUFG ในการสร้างอนาคตที่สดใส (Committed to Empowering a Brighter Future) ด้วยการผลักดันการดำเนินงานด้านความยั่งยืน การเป็นธนาคารที่มีความรับผิดชอบ และพัฒนาชุมชน และในโอกาสนี้ กรุงศรีได้ร่วมมือกับ MUFG เดินหน้าทำงานแบบองค์รวม ผสานพลังร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งพันธมิตรธุรกิจ ลูกค้า รวมถึงองค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและระดับสากล พาธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้วยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญรอบด้าน พร้อมจัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 ซึ่งถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ธุรกิจจะได้เสริมสร้างความรู้และศักยภาพเพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน โดยจะได้มาอัปเดตสถานการณ์และการขับเคลื่อนเรื่อง ESG และเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากผู้ที่มีบทบาทในการตัดสินใจเชิงนโยบาย และผู้เชี่ยวชาญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ตลอดจนช่วยขยายโอกาสให้ธุรกิจเข้าถึงเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างพันธมิตรในการต่อยอดด้าน…
กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมกับ ธนาคารกรุงเทพ ออกผลิตภัณฑ์ “โฮมเฟิสต์ เอ็กซ์ตร้า” (Home 1st Extra) แบบประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจให้หัวหน้าครอบครัว ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียวคุ้มครองยาวนานสูงสุด 30 ปี พร้อมสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง 44 โรคร้ายแรง หากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รับผลประโยชน์เพื่อปลดภาระหนี้ อุ่นใจกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นของครอบครัว ไม่เป็นภาระคนข้างหลัง และหากเป็นด้วยโรคร้ายแรง รับผลประโยชน์ 40% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยสัญญาหลัก สูงสุด 10 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาหรืออื่นๆ นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ในการออกผลิตภัณฑ์ประกันคุ้มครองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย “โฮมเฟิสต์ เอ็กซ์ตร้า” (Home 1stExtra) ในครั้งนี้ว่า นับเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือที่ทั้งสององค์กรร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งนอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Gain 1st สำหรับผู้ต้องการออมเงินแล้ว ยังมีแบบประกันโฮมเฟิสต์ พลัส ที่ออกมาก่อนหน้านี้เพื่อคุ้มครองชีวิตและอุบัติเหตุสำหรับลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย นายโชนกล่าวว่า การทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ถือว่ามีความจำเป็นมากขึ้นเพราะบ้านถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับทุกคนในครอบครัว ผลิตภัณฑ์ “โฮมเฟิสต์ เอ็กซ์ตร้า” จึงเป็นแบบประกันที่ช่วยได้ทั้งความเสี่ยงกรณีผู้ผ่อนชำระค่าบ้านเสียชีวิต และยังมีความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีเป็นโรคร้ายแรง ด้วยจุดเด่นคือ ชำระเบี้ยเพียงครั้งเดียว ได้รับความคุ้มครองยาวนานสูงสุดถึง 30 ปีและสามารถขอใช้สินเชื่อเพื่อชำระเบี้ยได้ โดยคุ้มครองการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงตามจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ลดลงของเดือนที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง และให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรง สูงสุด 40% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้นของสัญญาหลัก ครอบคลุมถึง 44 โรคร้ายแรง เพื่อลดความกังวลจากโรคร้ายแรงที่ไม่คาดฝัน และ ปลดภาระหนี้ไม่เป็นภาระกับคนข้างหลัง ทั้งนี้ จากสถิติข้อมูลการเรียกร้องสินไหมของบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต ในปัจจุบัน พบว่าผู้เสียชีวิตจำนวนมากยังอยู่ในวัยทำงาน และเพิ่งผ่อนบ้านไปได้ไม่นาน ยังมีภาระหนี้คงเหลือค่อนข้างมาก และสำหรับสาเหตุการเสียชีวิตพบว่ากว่า 70% มีความเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงต่างๆ อาทิ มะเร็งและเนื้องอก ระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งนำมาด้วยโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ รวมทั้งยังพบในคนอายุน้อยและวัยทำงานเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงมากโดยเฉพาะผู้ป่วยด้วยโรคร้ายแรง เช่น การรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมด้วยเคมีบำบัด มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 400,000 บาท หรือการรักษาแบบพุ่งเป้า (Targeted Therapy) ก็สูงถึง 1.7…