Author: staff

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) รับรางวัล Fund Performance Excellence Awards ประเภท กองทุนรวมตราสารทุน จากกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap (KTMSEQ) และกองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ (KT-US-A) โดยมีนางชวินดา หาญรัตนกูล (กลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งผู้บริหารและผู้จัดการกองทุนเป็นผู้แทนรับมอบรางวัลจากเวที Hall of Fund 2025 ซึ่งจัดโดย Finnomena เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยทั้ง 2 รางวัลนี้สะท้อนถึงความเป็นเลิศในการบริหารของทีมบริหารจัดการกองทุนตราสารทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเกณฑ์การตัดสินรางวัลประเภทนี้จะพิจารณาตามเกณฑ์เชิงปริมาณทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ผลตอบแทน ความคุ้มค่าของผลตอบแทนความเสี่ยง (Sharpe Ratio) และการขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown) โดยครอบคลุมช่วงเวลา 1 ปี, 3 ปี และ 5 ปี ซึ่งจะใช้ข้อมูลจาก Morningstar Direct และเปรียบเทียบผลการดำเนินงานภายในกลุ่มกองทุนเดียวกัน เพื่อสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารกองทุนที่สอดคล้องกับลักษณะการลงทุน สำหรับกองทุน KTMSEQ (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและหรือขนาดเล็กที่จดทะเบียนใน SET และ mai ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ส่วนกองทุน KT-US-A (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB AMERICAN Growth Portfolio (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทสหรัฐฯ ที่จดทะเบียนหรือมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลในสหรัฐฯ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร.…

Read More

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และเสริมสถานะให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำสำหรับนักลงทุนต่างชาติ พร้อมช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ ผ่านเครือข่ายธนาคารยูโอบี ที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือนี้ ธนาคารยูโอบี และ สกพอ. จะนำความเชี่ยวชาญและทรัพยากรที่มีมาร่วมนำเสนอโซลูชันทางการเงินและบริการให้คำปรึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนต่างชาติ โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการลงทุนให้ราบรื่นยิ่งขึ้น ยกระดับความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมอุตสาหกรรมหลักตามกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย อันได้แก่ ยานยนต์ยุคใหม่ การแพทย์และสุขภาพ ดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงเศรษฐกิจสีเขียวและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นายริชาร์ด มาโลนี่ย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “การร่วมมือระหว่างธนาคารยูโอบี และ สกพอ. แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเราจะให้การสนับสนุนแบบครบวงจรแก่นักลงทุนทั้งในประเทศ ภูมิภาค และระดับนานาชาติ เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางชั้นนำด้านนวัตกรรมและการพัฒนาในภูมิภาคนี้ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของ สกพอ.” ความร่วมมือครั้งนี้จะครอบคลุมโครงการต่างๆ ที่จะดำเนินการร่วมกัน อาทิ แคมเปญส่งเสริมการลงทุน การจัดโรดโชว์สำหรับนักลงทุน และการสนับสนุนผ่านหน่วยงานที่ปรึกษาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDIA) ของธนาคาร ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2563 หน่วยงาน FDIA ของยูโอบีได้สนับสนุนให้บริษัทกว่า 450 แห่งขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทย โดยคาดว่าสร้างมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 45,000 ล้านบาท และสร้างโอกาสการจ้างงานให้กับคนไทยมากกว่า 31,000 ตำแหน่ง นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า “การร่วมมือกับธนาคารยูโอบี สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเป้าหมายทางเศรษฐกิจของไทย การดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธนาคารยูโอบีในประเทศไทย และเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมความสามารถของ สกพอ. ในการเสนอโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจร ไม่เพียงแต่สำหรับโครงการในประเทศเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับฐานลูกค้าที่หลากหลายและขยายตัวเพิ่มขึ้นของธนาคารยูโอบี โดยทั้งสององค์กรมุ่งมั่นดึงดูดการลงทุนมูลค่าสูงที่ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างโอกาสให้กับชุมชนในประเทศไทย” เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และนโยบายที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมสร้างปัจจัยบวกให้ประเทศไทย โดยนักลงทุนจะได้รับบริการธนาคารที่ราบรื่นไร้รอยต่อ คำแนะนำด้านการลงทุนที่ครอบคลุมทุกมิติ และการเข้าถึงสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ เป็นต้น

Read More

บมจ.หลักทรัพย์ธนชาต ชี้สิ้นปี 2568 นี้ มีโอกาสเห็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดตลาดที่ 1,580 จุด มองยังมีหลายอุตสาหกรรมที่ยังมีความสามารถทำกำไรได้ดี และมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว แนะนำให้จัดพอร์ตลงทุนแบบเสี่ยงปานกลาง ( Moderate Risk Portfolio) พร้อมมองหุ้นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดประกอบด้วย SCB KTB MTC CPALL TRUE CKP ERW SPA MEGA และ DIF จากเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 หลังจากนโยบายเศรษฐกิจมีความชัดเจน และเสถียรภาพทางการเมืองนิ่งมากขึ้น แต่เนื่องด้วยความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่อาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ใช้มาตรการภาษีนำเข้าที่แข็งกร้าวกับประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะประเทศจีน ส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Country) ไปที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Country) และเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ทั้งๆ ที่มีแรงหนุนจากเม็ดเงินใหม่ผ่านกองทุนวายุภักษ์ และกองทุนประหยัดภาษี TESG ก็ตาม นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล Head of Retail Strategy และ Investment Strategist บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงปัญหาของตลาดหุ้นไทยที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีนัก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และโครงสร้างตลาดหุ้นไทย ที่ถูกกดดันจากหลายอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในช่วงหลัง Covid ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มสื่อโฆษณาเป็นต้น อย่างไรก็ดี เรามองว่ายังมีหลายอุตสาหกรรม ที่ยังมีความสามารถทำกำไรได้ดี และมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงหลายปีนี้ อยู่ในภาวะที่ “ต้องเลือก” ลงทุน โดยให้เป้าหมาย SET สิ้นปี 2568 ที่ 1,580 จุด ทั้งนี้ในปี 2568…

Read More

LINE MAN ร่วมกับ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ลงนามความร่วมมือและอบรมการวางแผนทางการเงิน สู่การเกษียณที่มั่นคงสำหรับไรเดอร์ มุ่งสร้างหลักประกันชีวิตในวัยเกษียณ ผ่านการวางรากฐานที่มั่นคงด้วยการออมเงินโดยมีรัฐช่วยสมทบ ตั้งเป้ายกระดับคุณภาพชีวิตไรเดอร์ ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และ ความมั่นคงทางการเงินอย่างยั่งยืนในระยะยาว กอช. เป็นหน่วยงานของรัฐที่ส่งเสริมการออมและสร้างหลักประกันบำนาญพื้นฐาน เพื่อขับเคลื่อนบำนาญ ภาคประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมเงินให้กับอาชีพไรเดอร์ โดย LINE MAN มีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของ กอช. ผ่านแอปพลิเคชันและช่องทางสื่อสารต่าง ๆ เพื่อให้ไรเดอร์รับรู้สิทธิและสวัสดิการของตนเอง พร้อมวางแผนทางการเงินระยะยาวได้อย่างมั่นคง คุณจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า “การออมเงินเพื่อการเกษียณถือเป็นการวางแผนการเงินที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาชีพไรเดอร์ หนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบ ที่ยังขาดสิทธิสวัสดิการบำเหน็จบำนาญใดๆ รองรับ และมีรายได้ที่ไม่แน่นอน จึงควรต้องมีการวางแผนการออมเงินเช่นเดียวกับอาชีพอื่น ๆ” คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือระหว่าง LINE MAN และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตไรเดอร์กว่า 100,000 คนทั่วประเทศ โดยมุ่งสร้างหลักประกันชีวิตในวัยเกษียณผ่านโครงการออมเงินที่มีรัฐช่วยสมทบ สำหรับเฟสแรกในโครงการนี้ มีไรเดอร์ลงทะเบียนแล้วกว่า 100 คน แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวในการวางแผนอนาคตทางการเงินของไรเดอร์ LINE MAN ให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และมอบสิทธิสวัสดิการสำหรับกลุ่มแรงงานอิสระอย่างทั่วถึง ทั้งการมอบประกันอุบัติเหตุให้กับไรเดอร์ทุกคน ให้ความรู้เรื่องการยื่นภาษี และการตรวจสุขภาพฟรีทั้งไรเดอร์และครอบครัว เพื่อช่วยไรเดอร์วางรากฐานชีวิตที่มั่นคง ครอบคลุมทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และความมั่นคงทางการเงินอย่างยั่งยืนในระยะยาว” ภายในงานมีการบรรยายในหัวข้อ “วางแผนทางการเงิน สู่การเกษียณที่มั่นคง” โดยคุณจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ พร้อมกับกิจกรรมพิเศษอีกมากมายให้ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมสนุก

Read More

บลจ.ทิสโก้ เดินหน้าเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้า เปิดกลยุทธ์ลงทุนปี 2568 ด้วย 2 ธีมลงทุนเด่น คือ ธีมที่ได้ประโยชน์จากนโยบายทรัมป์ 2.0 และธีม Laggard Play และมองหาโอกาสสร้างกำไรด้วยการจับจังหวะลงทุนผ่านการเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนและลูกค้าอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้าเริ่มเข้าใจการลงทุนและรับความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นต่างประเทศมากขึ้น ประกอบกับความสำเร็จในด้านการบริหารกองทุนของบลจ.ทิสโก้ ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์รวมภายใต้การจัดการ (AUM) ของ บลจ.ทิสโก้ เติบโต 40% จาก 290,239 ล้านบาท ในปี 2562 เพิ่มขึ้นเป็น 406,802 ล้านบาท ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเติบโต 7% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สำหรับในปีนี้ บลจ.ทิสโก้ยังคงมุ่งเน้นการเติบโต การขยายฐานลูกค้า และ AUM ในทั้ง 3 ธุรกิจ ทั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนส่วนบุคคล และโดยเฉพาะธุรกิจกองทุนรวม บลจ.ทิสโก้มุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางตัวแทนผู้สนับสนุนการขาย และ ช่องทางออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการออกผลิตภัณฑ์กองทุนใหม่ๆ รวมถึงการนำเสนอกองทุน ที่ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง อันได้แก่ กองทุนทริกเกอร์ ซึ่งจะทยอยออกในช่วงที่ตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศมีความผันผวน หรือปรับตัวลดลง โดยบลจ.ทิสโก้เชื่อมั่นว่าจะเป็นกลุ่มกองทุนที่ช่วยจับจังหวะสร้างผลตอบแทนระยะสั้นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากในปี 2567 ที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้เปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ทั้งหมด 6 กองทุน สามารถบริหารและถึงเป้าหมายในระยะเวลาได้ทั้งหมด 5 กองทุน ถึงเป้าหมายเร็วที่สุดคือภายใน 8 วัน ทั้งนี้ ณ วันที่ 27 มกราคม 2568 บลจ.ทิสโก้ออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์มาแล้วทั้งหมด 152 กองทุน (ถึงเป้าหมายในระยะเวลา 88…

Read More

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ประเมินภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2568 ว่ามีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน อย่างใกล้ชิด • นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยยังเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 ราว 38.8 ล้านคน โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวอาเซียน ยุโรป และเอเชียใต้ที่ยังเติบโตได้ดี รวมถึงนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพที่ขยายตัวแบบก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนมาไทยคาดว่าจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องโดยแม้จะยังไม่ฟื้นกลับมาในระดับเดียวกับปี 2562 แต่ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทาง TOP 2 ของนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ดี การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังถูกกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจส่งผลต่อกำลังซื้อต่อเนื่องไปยังความต้องการท่องเที่ยว, การแข่งขันเพื่อเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้นจากการออกมาตรการฟรีวีซ่าในหลายประเทศ, การฟื้นตัวของเที่ยวบินซึ่งส่งผลต่อจำนวนที่นั่งและราคาตั๋วเครื่องบิน รวมถึงแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูง กับความกังวลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน • นักท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องโดยคาดว่าจะอยู่ที่ 275.6 ล้านคน ซึ่งเติบโตขึ้นเล็กน้อยราว 2%YOY จากแรงกดดันของเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบางและส่งผลต่อการวางแผนท่องเที่ยวของคนไทย รวมถึงการเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวไทยกำลังซื้อสูงจากมาตรการฟรีวีซ่าในหลายประเทศและแพ็กเกจท่องเที่ยวราคาประหยัดที่ดึงดูดให้คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวในประเทศยังมีปัจจัยหนุนจากการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศของภาครัฐที่คาดว่าจะออกมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ซึ่งปัจจุบันเมืองน่าเที่ยวกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยมากขึ้น การเติบโตของนักท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องทั้งอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ย • อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของประเทศในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตมาอยู่ที่ราว 75% จากนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสอดรับกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐที่คาดว่าจะทยอยออกมาตลอดทั้งปี และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมาใกล้เคียงปกติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงที่เติบโตแบบก้าวกระโดดจะเดินทางมาไทยมากขึ้นและพำนักในไทยนานขึ้นอย่างนักท่องเที่ยวรัสเซียตามนโยบายขยายระยะเวลาการพำนักในไทยเป็น 90 วัน • ราคาห้องพักเฉลี่ยคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นราว 5%YOY ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการปรับราคาห้องพักของผู้ประกอบการโรงแรมโดยเฉพาะในโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไปหลังมีการปรับปรุงห้องพักและยกระดับการให้บริการตามเทรนด์การท่องเที่ยว รวมถึงจากอุปสงค์ที่ดีขึ้นตามยอดจองที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลจากการทำโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง • อย่างไรก็ดี ธุรกิจโรงแรมยังต้องเผชิญกับปัจจัยท้าท้าย ทั้งจากการแข่งขันที่สูงขึ้นจากอุปทานห้องพักของโรงแรมก่อสร้างใหม่ที่ทยอยเปิดให้บริการต่อเนื่อง และต้นทุนการบริหารจัดการโรงแรม โดยเฉพาะค่าจ้างที่สูงขึ้นจากการขาดแคลนแรงงานทักษะสูงด้านบริการ โดยยังมีปัจจัยบวกจากเทรนด์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ยอมจ่ายสูงขึ้นเพื่อได้รับบริการระดับพรีเมียมและประสบการณ์ที่แปลกใหม่ รวมถึงระยะเวลาการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มยาวนานขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่าของภาครัฐและการโปรโมตการท่องเที่ยวในประเทศ นอกจากนี้ ธุรกิจโรงแรมยังมีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น 1. มาตรการและนโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว อย่างเช่นการ ให้สิทธิชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดและเช่าที่ดิน, การเก็บค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจโรงแรม และการเก็บค่าธรรมเนียมเหยียบแผ่นดิน 2. อุปทานห้องพักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโรงแรมที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและจำนวนโรงแรมที่ขออนุญาตก่อสร้างใหม่ซึ่งจะทำให้การแข่งขันสูงขึ้นอีกในระยะข้างหน้า และ 3. ประเด็นด้านความยั่งยืนโดยโรงแรมไทยกำลังถูกผลักดันให้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนรับข้อกำหนดใหม่ของ EU ภายในปี 2569 ในขณะเดียวกัน รายได้ของธุรกิจสายการบินสัญชาติไทยในปี 2568 ก็มีแนวโน้มเติบโตและฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 • รายได้ในเส้นทางบินระหว่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย…

Read More

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ (ที่ 3 จากซ้าย) เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ได้ลงนามในสัญญาจ้างระหว่างกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และบริษัทจัดการ ร่วมกับนางชวินดา หาญรัตนกูล (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นผู้บริหารการลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้สมาชิก กอช. โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท (กลาง) รองปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ ให้เกียรติเป็นประธานสักขีพยาน และดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล (ที่ 3 จากขวา) ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายยุทธพล วิทยพาณิชกร (ที่ 2 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน ธุรกิจลูกค้าบุคคลและสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องโถงวายุภักษ์ กระทรวงการคลัง เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำหรับ กอช. เป็นหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก และเป็นหลักประกันการจ่ายบำนาญ และให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ โดยสมาชิกจะเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 60 ปี ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงแรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองเพื่อการชราภาพอย่างทั่วถึงให้ได้มีเงินบำนาญไว้ใช้เมื่ออายุครบ 60 ปี

Read More

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมด้วยผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 “109 ปี ตรุษจีนปากน้ำโพ สุขสนุก 12 วัน นครสวรรค์ วันเดอร์แลนด์” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมี นางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานเปิดงาน ณ บริเวณย่านตลาดปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ โดยธนาคารได้ร่วมสนับสนุนการจัดงาน พร้อมจัดขบวนแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ เพื่อร่วมสักการะองค์เทพเจ้า และจัดตั้งแท่นบูชาเจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย บริเวณหน้าสาขาสวรรค์วิถี เพื่อให้ชาวนครสวรรค์และนักท่องเที่ยวได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงได้จัดโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่บูธธนาคารออมสินรับกระปุกออมสินมงคล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

Read More

บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ยกทัพผู้บริหารและทีมงาน ร่วมงาน “จ้าวช้างไวไฟ ฉลองครบรอบ 50 ปี” เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองการดำเนินธุรกิจครบรอบ 50 ปี ของบริษัท เกษตรพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถเกี่ยวนวดข้าว รถเกี่ยวข้าวโพด รถเก็บฝักข้าวโพด รถพรวนดิน ของประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของบริษัทมายาวนานกว่า 20 ปี งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ที่จังหวัดพิษณุโลก ภายในงานมีการจัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมรถเกี่ยวข้าว รวมถึงจำหน่ายอะไหล่ราคาพิเศษให้กับลูกค้าที่มาร่วมงาน และไฮไลท์ของงานในปีนี้ ได้มีการเปิดตัวนวัตกรรมรถเกี่ยวนวดข้าวจ้าวช้างรุ่นใหม่ฉลองครบรอบ 50 ปี โดยมีลูกค้าและเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ทั้งนี้ จี แคปปิตอล ได้จัดแคมเปญสินเชื่อเงินช่วยดาวน์สูงสุด 100,000 บาท เพื่อร่วมฉลองในโอกาสครบรอบ 50 ปี นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดงานเลี้ยงและจัดกิจกรรมสุดประทับใจ เพื่อขอบคุณลูกค้าและผู้มีอุปการะคุณ โดยมีศิลปินนักร้องชื่อดัง “ตั๊กแตน ชลดา” มาร่วมสร้างสีสันในงานครั้งนี้ด้วย

Read More

MTC ปลื้ม! หุ้นกู้ใหม่ 3 ชุดขายเกลี้ยง 5,000 ลบ. พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสรายย่อยเข้าถึงแหล่งสินเชื่อที่เป็นธรรม ตอกย้ำดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมมาภิบาล มุ่งสู่มาตรฐานโลก บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ปลื้ม! หุ้นกู้ใหม่ 3 ชุด มูลค่า 5,000 ล้านบาท ขายเกลี้ยง ฟากผู้บริหาร “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” ระบุถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท ในฐานะผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ของเมืองไทย พร้อมเดินหน้าเพิ่มโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อที่เป็นธรรม ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล มุ่งสู่มาตรฐานระดับโลก และตอบโจทย์ความยั่งยืน นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า หุ้นกู้ใหม่ 3 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี 4 เดือน 16 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี 29 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.20% ต่อปี และ หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี 27 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.60% ต่อปี ซึ่งหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ซึ่งเสนอขายระหว่างวันที่ 23-24 และ 27 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเสมอมา โดยสามารถปิดการจองซื้อได้เต็มมูลค่าเสนอขาย 5,000 ล้านบาท ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ MTC ในฐานะผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ของเมืองไทย ที่มุ่งสู่มาตรฐานระดับโลก “เมืองไทยแคปปิตอล ขอขอบคุณนักลงทุนที่ได้ให้ความไว้วางใจในหุ้นกู้ของบริษัท…

Read More