บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) โดย นายมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร ผู้ช่วยผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน และ นายปรเมษ บุญเศรษฐ ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน นำทีมงานจัดกิจกรรม “นำความรู้สู่ชุมชน เพื่อชีวิตหมุนต่อได้” เพื่อส่งเสริมความรู้และเสริมสร้างทักษะทางการเงินให้กับชมรมผู้สูงอายุรามคำแหง 68 เขตบางกะปิ กทม. จำนวน 38 ราย ภายใต้โครงการ “เรื่องเงินเรื่องสนุก ความสุขยั่งยืน” ในหัวข้อ “ออมเงินง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้” อีกทั้งยังได้สอดแทรก เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับ “ภัยมิจฉาชีพออนไลน์” ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในสังคมปัจจุบัน เพื่อให้ผู้สูงอายุได้เข้าใจและระมัดระวังมากขึ้น ภายในกิจกรรมได้รับการสนับสนุนจาก นางจริยา ภคสกุล ประธานชมรมผู้สูงอายุรามคำแหง 68 ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน จึงได้เชิญชวนสมาชิกชมรมฯ เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว และยังให้การต้อนรับทีมงานอย่างเป็นกันเอง ณ คริสตจักรใจสมาน รามคำแหง เขตบางกะปิ กทม. เมื่อเร็วๆ นี้ โครงการ “เรื่องเงินเรื่องสนุก ความสุขยั่งยืน” จัดโดย สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐานให้กับชาวบ้านชาวชุมชนทั่วประเทศ โดยใช้หลักสูตร “ปลดหนี้ ชีวิตเป็นสุข” และ “ออมเงินง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้” ผ่านความร่วมมือของสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งปัจจุบันสมาคมมีสมาชิกผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวนรวม 16 ราย มีสาขารวมกันทั่วประเทศกว่า 18,000 สาขา และมีฐานลูกค้ารวมกันกว่า 6 ล้านราย นอกจากนี้ทางสมาคมฯ ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถรายอื่น ๆ สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฯ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 065-919-0644 หรือเยี่ยมชมรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมฯ ได้ที่ www.vtla.or.th
Author: staff
สมาคมประกันชีวิตไทย โดย นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย นายสาระ ล่ำซำ อุปนายกฝ่ายการตลาด และนายนิคฮิล แอดวานี อุปนายกฝ่ายวิชาการ ร่วมแถลงแนวปฏิบัติประกันสุขภาพ ส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) ซึ่งจะใช้กับกรมธรรม์ประกันสุขภาพฉบับใหม่ที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อการบริหารจัดการและสร้างความยั่งยืนของการประกันสุขภาพภายใต้มาตรฐานทางการแพทย์และความจำเป็นทางการแพทย์ นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงถึง 15% (อ้างอิงจาก WTW) ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ การเข้าสู่สังคมสูงวัย โรคอุบัติใหม่ มลพิษทางอากาศ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ และโครงสร้างค่ารักษาพยาบาล โดยการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพส่งผลให้ อัตราการเคลมประกันสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาคธุรกิจประกันภัยต้องวางแผนรับมืออย่างรอบคอบ โดยเฉพาะจากสถานการณ์ปัจจุบันอัตราการเคลมประกันสุขภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากโรคเจ็บป่วยเล็กน้อยทั่วไป อีกทั้ง ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ “New Health Standard” ที่บังคับใช้ไปเมื่อปี 2564 ซึ่งบริษัทประกันชีวิตพร้อมที่จะดูแลผู้เอาประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกันภัย ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันภัยที่เคยคำนวณไว้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระบบประกันสุขภาพได้รับผลกระทบโดยตรง นำไปสู่การปรับเบี้ยประกันภัยทั้งพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) จนทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศ ดังนั้น ภาคธุรกิจประกันภัยจึงต้องวางแผนรับมือกับความท้าทายนี้อย่างรอบคอบ เพื่อให้ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือช่วยลดความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของประชาชนได้อย่างแท้จริง ภาคธุรกิจประกันภัยจึงได้นำส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ “New Health Standard” มาใช้เป็นเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) เพื่อลดการ เคลมจากการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปรับเพิ่ม เบี้ยประกันภัยของทั้งพอร์ตโพลิโอ (Portfolio) โดยส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับ ผู้เอาประกันภัย ภายใต้การบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์และความจำเป็นทางการแพทย์ โดยไม่นับรวมผ่าตัดใหญ่หรือโรคร้ายแรง สำหรับเกณฑ์การเข้าเงื่อนไขแนวปฏิบัติประกันสุขภาพส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)” แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง…
นางสาวสุกัญญา ดอนดง (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการสาขาแม่สอด บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบเงินจำนวน 1,100,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลสุโขทัย โดยมีนายแพทย์สุนทร อินทพิบูลย์ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสุโขทัย เป็นผู้รับมอบ และมีบุคลากรทางการแพทย์ร่วมรับมอบ เพื่อจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษาคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคที่มีความซับซ้อนในการรักษา ได้แก่ เครื่องตรวจอวัยวะภายในด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เครื่องกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยไฟฟ้าพร้อมอัลตร้าซาวด์ และเครื่องติดคลื่นไฟฟ้าหัวใจพร้อมระบบวิเคราะห์ผล ทั้งนี้ เพื่อให้เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ณ โรงพยาบาลสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568
นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI ร่วมเสวนา Future Thailand : Soft Power ร่วมกับ นายรวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศรีจันทร์สหโอสถ และนางสาวมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) ในงาน Chula Thailand Presidents Summit 2025 จัดโดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดเวที “Chula Thailand Presidents Summit 2025” เปิดวิสัยทัศน์ผู้นำองค์กรชั้นนำของประเทศทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์อันมีค่า พร้อมนำเสนอกลยุทธ์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในปี 2568 นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันภัย เสวนาในหัวข้อ “Future Thailand : Soft Power” ว่า ประเทศไทยมีอาวุธที่สำคัญที่สุดที่เป็น Soft Power คือ ‘คนไทย’ โดยปีที่แล้วกรุงเทพฯ ถูกจัดให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก นั่นก็เพราะคนไทยมีเอกลักษณ์และอุปนิสัยที่ดี มีความน่ารัก ความใจดี และรอยยิ้ม และที่สำคัญคือเรื่องของ Service mind ความมีใจให้บริการ “โอกาสและความท้าทายของ Soft Power จะถูกพัฒนาจากคนในประเทศเป็นหลัก ซึ่งไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ พร้อมกับการมีอัตราการเกิดที่ต่ำ อัตราการเสียชีวิตสูง จำนวนประชากรที่เริ่มลดลง และขาดแคลนแรงงาน ดังนั้น Soft Power จึงถือว่าเป็นความท้าทายที่ต้องทำไปพร้อมกับการพัฒนาคนรุ่นใหม่ แน่นอนว่า Soft Power จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีองค์กร ภาครัฐ/เอกชน ผลักดันให้การสนับสนุน แป้งขอเรียกว่าเป็น ‘Smart Power’ นั่นคือ Soft บวกกับ กำลังของภาครัฐ…
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเร่งออกมาตรการป้องกันความเสียหายทางการเงินให้กับลูกค้าที่ใช้บริการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร ด้วยปัจจุบันเล่ห์เหลี่ยมมิจฉาชีพมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่สวมรอยเป็นคอลเซนเตอร์หน่วยงานต่าง ๆ แอบอ้างข่มขู่ทางโทรศัพท์ การออกจดหมายปลอม ตลอดจนการส่งข้อความล่อลวงให้กดลิงก์เว็บไซต์ปลอม ซึ่งหากหลงเชื่อทำตามจะทำให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงบัญชีเงินฝากของลูกค้าและถอนหรือโอนเงินออกไปได้โดยลูกค้าไม่รู้ตัว เป็นต้น ทำให้ประชาชนหลงเชื่อเป็นจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ต้องสูญเสียเงินฝากก้อนสุดท้ายด้วยความตกใจกลัว หรือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ MyMo Secure Plus เป็นโหมดให้บริการบนแอป MyMo ที่ช่วยลดความเสียหายจากการสูญเสียทรัพย์ของลูกค้าธนาคารออมสิน โดยลูกค้าที่กดเลือกใช้โหมด MyMo Secure Plus บนแอป MyMo จะไม่สามารถโอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารออมสินของตน ไปยังบัญชีผู้อื่นได้ทั้งสิ้น จึงช่วยลดความสูญเสียได้ในกรณีที่ลูกค้าเกิดพลาดกดลิงก์ที่แนบมากับข้อความใด ๆ หรือกรณีโทรศัพท์มือถือโดนแฮก หรือโดนรีโมตควบคุมจากระยะไกล โดยลูกค้าที่เลือกใช้โหมด MyMo Secure Plus ยังคงสามารถใช้บริการ Mobile Banking อื่น ๆ ได้เช่นเดียวกับแอป MyMo โหมดปกติ และยังสามารถโอนเงินไปยังบัญชีชื่อตนเองที่มีอยู่กับธนาคารอื่นได้เมื่อมีเหตุจำเป็น ต้องใช้เงิน หรือเมื่อลูกค้าได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบและระมัดระวังที่สุดแล้ว ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าเงินฝากระยะยาว ที่ไม่มีความจำเป็นต้องทำธุรกรรมโอนเงินเข้า-ออกเป็นประจำ หรือไม่มีการชำระค่าสินค้าและบริการทาง Mobile Banking ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถกดเปิดโหมด MyMo Secure Plus บนแอป MyMo ได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ภายใต้สถานการณ์ภัยมิจฉาชีพในปัจจุบัน ธนาคารออมสิน ขอย้ำว่า ธนาคารไม่มีนโยบายให้ผู้บริหาร หรือพนักงานโทรศัพท์สอบถามข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้กดลิงก์หรือดำเนินการใด ๆ ทุกกรณี ทั้งนี้ หากได้รับการติดต่อโดยแอบอ้างชื่อธนาคาร หรือมีความไม่แน่ใจต้องตรวจสอบด้วยตนเองทุกครั้งกับช่องทางของธนาคาร อาทิ เว็บไซต์ www.gsb.or.th, แอปพลิเคชัน MyMo, เฟซบุ๊ก GSB Society, LINE Official Account : GSB NOW และหากพบธุรกรรมผิดปกติให้ติดต่อ GSB Contact Center 1115 กด 6 หรือสาขาของธนาคารออมสิน หรือแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ทันที
ธนาคารกสิกรไทยติด 1 ใน 50 องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุด ปี 2568 (Top 50 Companies in Thailand 2025) ด้วยความโดดเด่นในการสร้างประสบการณ์และสภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าร่วมงานด้วย โดยในปีนี้ธนาคารกสิกรไทยครองอันดับที่ 11 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดในกลุ่มธนาคาร และอยู่ใน Top 50 มา 5 ปีซ้อน จากผลการสำรวจความคิดเห็น จัดทำโดย “WorkVenture” บริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์นายจ้างให้แก่องค์กรในไทยและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มค้นหางาน ผลการจัดอันดับดังกล่าว สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของธนาคารในการเป็นที่ที่ดีที่สุดในการทำงาน เป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ พัฒนาการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และส่งเสริมความเป็นผู้นำ (Best Place to Perform, Learn and Lead) เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ สามารถสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตทางการเงินของคนไทยสู่ความยั่งยืน (Possibility to make an impact)
“เงินให้ใจ” รุกตลาดสินเชื่อรถแลกเงิน ดันกลยุทธ์ดึงใจลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ ส่งแคมเปญ “แอดไลน์ ลุ้นทอง ท้ารวย” ให้ลูกค้ามีทุนต่อยอดโอกาสชีวิตมากขึ้น พร้อมแจกทองและของรางวัลจำนวน 501 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 175,000 บาท เมื่อสมัครสินเชื่อรถเงินให้ใจและได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อ ลูกค้าก็มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลง่าย ๆ เพียงเพิ่มเพื่อน ลงทะเบียนผูกบัญชีสินเชื่อ และลงทะเบียนร่วมกิจกรรมผ่าน LINE Official Account @haijai ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2568 จนถึง 31 มีนาคม 2568 โดยมีรายละเอียดของรางวัล ดังนี้ รางวัลที่ 1 สร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท มูลค่า 45,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 45,000 บาท รางวัลที่ 2 บัตรของขวัญ e-Voucher Lotus’s มูลค่า 500 บาท จำนวน 100 รางวัล รวมมูลค่า 50,000 บาท รางวัลที่ 3 โค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 200 บาท จำนวน 400 รางวัล รวมมูลค่า 80,000 บาท กำหนดจับรางวัลในวันที่ 10 เมษายน 2568 และประกาศรางวัลในวันที่ 17 เมษายน 2568 ผ่านทางไลน์ @haijai *เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บจก.เงินให้ใจ กำหนดและการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นเด็ดขาดและสิ้นสุด เงินให้ใจ รถแลกเงิน สินเชื่อรถวงเงินสูง รับเงินไว ผ่อนสบาย สูงสุด 72 งวด ยื่นเอกสารไม่ยุ่งยาก และยิ่งเป็นลูกค้าธนาคารกสิกรไทยยิ่งง่าย สมัครได้ผ่าน…
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จับมือกับ Disney On Ice โชว์ระดับโลกที่จะกลับมาสร้างความประทับใจให้แฟน ๆ ชาวไทยอีกครั้ง กับโชว์สุดมหัศจรรย์ Disney On Ice presents “Find Your Hero” ออกผจญภัยครั้งใหม่ไปกับตัวละครดิสนีย์ที่ทุกคนชื่นชอบ เติมเต็มรอยยิ้มและความสุขให้กับทุกช่วงวัย ระหว่างวันที่ 27 – 30 มีนาคม 2568 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี คุณนันทพร ตั้งเจริญศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารการตลาดและความสัมพันธ์ลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบีธนชาต เชิญชวนผู้ถือบัตรเครดิตและเดบิต ttb มาสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษผ่านการแสดงระดับโลก Disney On Ice 2025 โดยทีทีบีมอบสิทธิประโยชน์สุดคุ้มให้กับลูกค้า เมื่อซื้อบัตรชมการแสดง Disney On Ice 2025 ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ttb ทุกประเภท รับส่วนลดทันที 10% และพิเศษยิ่งขึ้นสำหรับ ภายในงานอัศจรรย์ เฟสติวัล ที่จัดขึ้นวันที่ 13 – 16 กุมภาพันธ์ 2568 ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน ลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ttb ทุกประเภท จะได้รับส่วนลด 15% เราเชื่อมั่นว่าสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต ttb จะช่วยให้แฟน ๆ ดิสนีย์สามารถเข้าถึงประสบการณ์นี้ได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น และสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำร่วมกับครอบครัวและคนที่คุณรัก สำหรับงาน “อัศจรรย์ เฟสติวัล” ในวันที่ 13 – 16 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน ได้รวมสุดยอดโปรโมชันจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำ อาทิ การบินไทย, โรงแรมในเครือดุสิตธานี, โรงแรมในเครือไมเนอร์,…
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานแถลงข่าวนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. ประจำปี 2568 พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ อาคารรับรองเกษะโกมล ถนนอำนวยสงคราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสารและประชาสัมพันธ์แผนงานและทิศทางการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. โดยมีสื่อมวลชนร่วมรับฟังข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแผนงานและทิศทางการดำเนินงานพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน คปภ.เพื่อเผยแพร่ไปสู่สาธารณชน อันจะเป็นการส่งเสริมความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของสำนักงาน คปภ. รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมประกันภัยและระบบประกันภัยไทยในภาพรวม เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงาน คปภ.ได้ตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2569 ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยไทยจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งระบบแตะที่ 1,000,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สำนักงาน คปภ. โดยด้านและสายงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. ประจำปี 2568 โดยแบ่งการขับเคลื่อนการดำเนินงานออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนที่ 1 ประชาชน สามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรมและการบริการที่ได้มาตรฐาน อาทิ ลดเรื่องร้องเรียนที่มีปริมาณมากที่สุดคือข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ ดังนั้นจึงควรกำหนดค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถให้เป็นจำนวนที่ชัดเจนไม่กำหนดเป็นขั้นต่ำ และกำหนดค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ให้สามารถเรียกร้องจากบริษัทประกันภัยที่รับประกันรถยนต์กรณีเป็นฝ่ายถูกของตนเองไว้ และเฉพาะประเภท 1 กำหนดเป็น Knock for Knock รวมทั้งยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของสาขาบริษัทประกันภัยในส่วนภูมิภาคให้มีความเข้มแข็ง โปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบประกันภัยไทย โดยจะมีการตรวจสาขาบริษัทประกันภัยในส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดและให้บริการโดยตรงกับประชาชน โดยเป็นการตรวจติดตาม การดำเนินการตามประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตเปิดสาขาย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ หรือสาขา หรือเลิกสาขาของบริษัทประกันวินาศภัย/ประกันชีวิต พ.ศ. 2565 โดยจะเริ่มเข้าตรวจในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป และจะมีการประสานความร่วมมือส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยให้แก่ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมของไทยอย่างเป็นระบบอีกด้วย นอกจากนี้จะมีการทบทวนความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับโดยสำนักงาน คปภ. จะทบทวนความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัยให้มีความเหมาะสมกับความเสี่ยงภัยและสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสมกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบัน อีกทั้งจะมีการผลักดันการจำหน่ายกรมธรรม์รถภาคบังคับผ่านช่องทาง online และการออกกรมธรรม์รถภาคบังคับในรูปแบบ e-Policy ซึ่งถือเป็นการตอบสนองต่อความต้องการและอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และจัดโครงการส่งเสริมความปลอดภัยเพื่อลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยจะเน้นการศึกษาวิจัยเพื่อหามาตรการที่มีประสิทธิภาพในการลดอุบัติเหตุทางถนน ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่จังหวัดปราจีนบุรีก่อนขยายผลไปในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ…
นายวิน พรหมแพทย์, CFA, ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) พร้อมคณะผู้บริหารของ บลจ.กสิกรไทย ให้การต้อนรับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และนายทอม เธโอบาลด์ (Mr. Tom Théobald) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Luxembourg for Finance (LFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการพัฒนาศูนย์กลางการเงินของลักเซมเบิร์ก เนื่องในโอกาสเยี่ยมชมธุรกิจจัดการกองทุน เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงทิศทางการขับเคลื่อนการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินของทั้ง บลจ.กสิกรไทย และ LFF