บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัดในฐานะ สำนักงานประกันรถผ่านแดนแห่งชาติ และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการใช้ระบบการรับประกันภัยรถภาคบังคับผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Compulsory Motor Insurance : ACMI) พร้อมให้บริการรับประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับแก่ผู้ใช้รถผ่านแดนที่มีความประสงค์เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ในรูปแบบกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (Online Real Time) “ตามที่ประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ได้ร่วมลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit : AFAFGIT) ประกอบด้วย 9 พิธีสาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมด้านการค้าและอำนวยความสะดวกด้านการเคลื่อนย้ายสินค้าในภูมิภาคอาเซียนให้มีความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการขนส่งแบบไร้พรมแดน เพื่อดำเนินการตามพิธีสาร 5 ของกรอบความตกลง AFAFGITว่าด้วยโครงการประกันภัยรถภาคบังคับของอาเซียน ที่ได้กำหนดให้ประเทศสมาชิกจัดตั้งสำนักงานประกันภัยรถผ่านแดนแห่งชาติ (National Bureau of Insurance) เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการรับประกันภัยรถผ่านแดน บริษัทกลางฯ จึงได้รับมอบหมายจากภาครัฐให้ทำหน้าที่เป็นสำนักงานประกันภัยรถผ่านแดนแห่งชาติ (Thailand National Bureau of Insurance) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปี2545 เพื่อเป็นหน่วยงานศูนย์กลางในการขับเคลื่อนด้านการประกันภัยรถภาคบังคับผ่านแดนอาเซียน รวมถึงประสานงานกับบริษัทประกันภัยเพื่อดูแลช่วยเหลือด้านสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัย และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางและผู้ประกอบการขนส่งสามารถทำประกันภัยรถภาคบังคับได้อย่างสะดวกรวดเร็วบริษัทกลางฯ และประเทศสมาชิกอาเซียนจึงได้ร่วมกันพัฒนา ระบบการประกันภัยรถภาคบังคับผ่านแดนอาเซียน ASEAN Compulsory Motor Insurance System หรือ ACMI ขึ้น เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางในการออกกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ และบลูการ์ด (Blue Card) ของทุกประเทศสมาชิกอาเซียนผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งการเชื่อมโยงผ่าน ASEAN ACMI platform ทำให้ National Bureau ของทุกประเทศ สามารถดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และประสานการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ตลอดทุกเส้นทาง เมื่อรถผ่านแดนเกิดเหตุ ทั้งนี้ บริษัทกลางฯ ได้รับความร่วมมือจากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในการเชื่อมต่อระบบ ACMI ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกที่พร้อมให้บริการรับประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับแก่ผู้ใช้รถผ่านแดนที่มีความประสงค์เดินทางเข้ามายังประเทศไทย…
Author: staff
บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต นำโดย นางสวพร สัตตบุศย์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์ภาครัฐและควบคุมการปฏิบัติตามกฎระเบียบประจำประเทศไทย พร้อมด้วยพนักงานจิตอาสา ร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลน เนื่องในงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 23 จัดโดย สมาคมประกันชีวิตไทย จัดขึ้นเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูธรรมชาติ ป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารสำคัญของสัตว์หลายชนิด กิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ในการสนับสนุนต้นแสม รวมทั้งสิ้น 8,000 ต้น โดยมี นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) ให้เกียรติร่วมถ่ายภาพ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก บางปู จ.สมุทรปราการ
บริการ Data center ไทยเติบโตอย่างรวดเร็วในทิศทางเดียวกับเทรนด์โลก ทั้งจากการให้บริการ Public cloud และบริการ Colocation ความต้องการบริการ Data center เติบโตตามปริมาณการใช้งานข้อมูลที่เติบโตด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในยุคดิจิทัล โดยมูลค่าตลาดให้บริการ Data center ของโลกมีแนวโน้มขยายตัวราว 22%YOY ซึ่งเป็นการขยายตัวของบริการ Public cloud เป็นหลัก เช่นเดียวกับตลาด Data center ของไทย โดยSCB EIC คาดว่า มูลค่าตลาด Data center ของไทยมีแนวโน้มเติบโตราว 24%YOYในปี 2024 โดยบริการ Public cloud ขยายตัวที่ราว 29%YOY จากปริมาณการใช้งานข้อมูลของผู้บริโภคที่ยังสูงขึ้นและการใช้เทคโนโลยีที่มากขึ้นขององค์กรขนาดใหญ่SMEs และ Startups ขณะที่การให้บริการ Colocation ซึ่งเป็นบริการรับฝาก Server ที่ผู้ให้บริการจะจัดเตรียมพื้นที่สำหรับจัดวางอุปกรณ์พร้อมโครงข่ายการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยผู้เช่าจะจัดหาอุปกรณ์ต่าง ๆ เองนั้น คาดว่าจะเติบโตราว 14%YOY จากการปรับแผนการจัดเก็บข้อมูลขององค์กรหลายแห่งที่หันมาใช้ระบบ Private cloud มากขึ้น และการขยาย Cloud region ของผู้ให้บริการต่างประเทศในไทย แม้ปัจจุบันการลงทุน Data center ในไทยจะเพิ่มขึ้นมาก แต่การพิจารณานโยบายสนับสนุนเพิ่มเติมจากภาครัฐ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ไทยก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำของอาเซียน ปัจจุบันสิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลาง Data center ของอาเซียน แต่ด้วยนโยบายจำกัดการก่อสร้างศูนย์ Data center แห่งใหม่ของภาครัฐทำให้การขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลไม่ทันต่อความต้องการใช้งาน ผู้ให้บริการ Data center ในสิงคโปร์จึงเริ่มมองหาประเทศใกล้เคียง ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย เพื่อลงทุน Data center แห่งใหม่ ทั้งนี้แม้ไทยเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่น่าสนใจในการลงทุน ทำให้มีการลงทุน Data center ของผู้ให้บริการต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่การพิจารณาสิทธิประโยชน์และนโยบายเพิ่มเติมของภาครัฐ อาทิ การขยายระยะเวลาการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับ Data center ที่ตั้งในเขตเศรษฐกิจพิเศษ…
ธนาคารทิสโก้เปิดรายชื่อ 14 กองทุน ภายใต้ 3 ธีมลงทุนเด่น มุ่งสร้างกำไรครึ่งปีหลัง ได้แก่ 1. ธีมการลงทุนตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ คือ กองทุน UOBSA, TEMxCH, TISCOINA-A, UOBSGC, PRINCIPAL VNEQ-A, KFDYNAMIC และ TISCOHD-A 2. ธีมหุ้นเติบโตสูง คือ กองทุน K-ATECH, TISCOAI, TCLOUD, TCYBER และ MRENEW-A และ 3. ธีมตราสารหนี้โลก คือ กองทุน TGBOND-A และ ES-GINCOME มั่นใจเพิ่มโอกาสสร้างกำไรช่วงเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับเป็นขาลง นางวรสินี เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ เปิดเผยว่า ธนาคารทิสโก้ให้ความสำคัญกับการคัดสรรผลิตภัณฑ์กองทุนคุณภาพจากหลากหลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างกำไรให้กับลูกค้า ล่าสุดจากมุมมองการลงทุนของทีม Wealth Advisory มองว่าการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง “หุ้น” จะเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจในช่วงอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวเป็นขาลง และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยแนะนำให้ลูกค้าเลือกลงทุนใน 3 ธีมกองทุนหลัก คือ 1. ธีมตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market: EM) ซึ่งมีโอกาสสร้างกำไร 20-25% โดยมีประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่ จีน เวียดนาม อินเดีย และไทย 2. ธีมกลุ่มหุ้นเติบโต ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ AI และ กลุ่มพลังงานสะอาด โดยทั้งสองธีมลงทุนเป็นหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสสร้างกำไรอย่างก้าวกระโดดในระยะยาวตามความต้องการของผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม และ 3. ธีมตราสารหนี้โลก ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ สำหรับรายชื่อกองทุนแนะนำนั้น ธนาคารทิสโก้คัดสรรกองทุนที่อยู่ภายใต้ 3 ธีมข้างต้น ดังนี้ 1. ธีมการลงทุนตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ คือ UOBSA, TEMxCH, TISCOINA-A, UOBSGC, PRINCIPAL VNEQ-A, KFDYNAMIC…
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้าส่งเสริมการออมเงินต่อเนื่อง แคมเปญยิ่งฝาก ยิ่งได้ กับ “ttb ME save” บัญชีเงินฝากดิจิทัลที่ตอบโจทย์ตรงใจสายออม มอบดอกเบี้ยรวมโบนัสสูงสุดถึง 2.2% ต่อปี พร้อมรับเพิ่ม Starbucks e-Coupon มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท เพียงเปิดบัญชีและฝากเงินตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปตามเงื่อนไข ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 สิงหาคม 2567 ทีทีบี ตอกย้ำผู้นำเรื่องเงินฝากที่ให้มากกว่าและมีบัญชีเงินฝากให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ตรงใจทุกไลฟ์สไตล์การออม เดินหน้าส่งเสริมการออมเงินเพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ส่งแคมเปญยิ่งฝากยิ่งได้ กับ “ttb ME save” บัญชีเงินฝากดิจิทัลเพื่อนักออมรุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยดอกเบี้ยรวมโบนัสสูงสุดถึง 2.2% ต่อปี พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ยิ่งกว่าเดิมสำหรับผู้เปิดบัญชี ttb ME save รายใหม่ เพียงฝากเงิน ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2567 และคงเงินฝากไว้ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือนนับจากวันที่เปิดบัญชี รับทันที Starbucks Code โดยมียอดเงินฝาก 10,000 บาทขึ้นไป รับ Starbucks e-coupon 100 บาท ยอดเงินฝาก 50,000 บาทขึ้นไป รับ Starbucks e-coupon 200 บาท ยอดเงินฝาก 100,000 บาทขึ้นไป รับ Starbucks e-coupon 500 บาท และยอดเงินฝาก 500,000 บาทขึ้นไป รับ Starbucks e-coupon 1,000 บาท เมื่อได้รับการแจ้งสิทธิ์จากทีทีบีแล้วสามารถกดรับสิทธิ์ตามรอบผ่านแอป ttb touch โค้ดส่วนลดมีอายุการใช้งาน 30 วันหลังกดรับสิทธิ์…
นางสาวกนกวรรณ บูรณวิทยานนท์ (ที่ 1 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบุคคลแบบมีหลักประกัน ธนาคารกสิกรไทย และนางพิมพรรณ ปรีชานนท์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัวแคมเปญ “โปรเด่น ประเด็นร้อน” อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ผ่อนล้านละ 999 บาท ปีแรก เพื่อกู้ซื้อบ้านเดี่ยวเอพี 3 แบรนด์ที่เข้าร่วมแคมเปญ THE CITY, CENTRO และ MODEN ใน 57 ทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ กับธนาคารกสิกรไทย ลูกค้าที่สนใจอยากเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวจากเอพีที่ออกแบบพื้นที่ ภายใต้แนวคิด LIFE SPACE สามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารกสิกรไทย รับโปรโมชันพิเศษ อัตราดอกเบี้ย 0% และผ่อนชำระต่องวด ล้านละ 999 บาท ในปีแรก พร้อมวงเงินกู้สูงสุด 110% ของมูลค่าหลักประกัน และฟรีค่าประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,000 บาท โดยบ้านเดี่ยวเอพี 3 แบรนด์ที่เข้าร่วมแคมเปญ “โปรเด่น ประเด็นร้อน” ได้แก่ THE CITY, CENTRO และ MODEN รวม 57 โครงการบนทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ ราคาเริ่มตั้งแต่ 3.99 – 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ของแถมอีกมากมายจากเอพี เช่น ฟรีค่าส่วนกลางสูงสุด 10 ปี ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน และฟรี Home Automation ทุกยูนิต ผู้ที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อเพื่อรับโปรโมชันพิเศษได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2567 และจดจำนองภายใน วันที่ 31 สิงหาคม 2567 กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง…
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย นายมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร ผู้ช่วยผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน และ นายปรเมษ บุญเศรษฐ ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน นำทีมงานอาสาชาวเงินติดล้อ จัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการเงินแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร คณะบริหารธุรกิจ และคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน ชั้นปีที่ 3 และชั้นปีที่ 4 จำนวนกว่า 130 คน ในหัวข้อ “รู้เรื่องเงินก่อนทำงาน” เพื่อปูพื้นฐานความรู้ด้านการเงินสำหรับเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยทำงาน อาทิ การวางแผนการเงิน การบริหารรายได้และค่าใช้จ่าย การคำนวณภาษีเงินได้ส่วนบุคคล รวมถึงการทำความรู้จักประเภทของหนี้สิน ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานความรู้ด้านการเงินให้กับน้องๆ เพื่อนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม และยังเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันปัญหาทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เงินติดล้อได้ขยายโครงการ “นำความรู้สู่ชุมชน เพื่อชีวิตหมุนต่อได้” ไปยังกลุ่มนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง ภายในกิจกรรมได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร. รัตนาวลี ไม้สัก คณบดีคณะบริหารธุรกิจ ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง และยังได้รับการสนับสนุนการจัดกิจกรรมเป็นอย่างดีจาก ผศ.ดร. ดลพร ศรีฟ้า อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย และอาจารย์ปาริชาติ ช้วนรักธรรม อาจารย์ประจำสาขาการจัดการ ณ อาคารมงคลอาภา 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เมื่อเร็วๆ นี้
บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำทีมโดย นายจักรพงศ์ แสงแก้ว ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน และนางสาว อรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า พร้อมด้วย นายปรัชญ์ สิงหเสนี ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน นายรชฎ เอกรัตน์ ผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการและสนับสนุนการขายตัวแทนและที่ปรึกษาทางการเงิน นางสาวสกาว สำราญคง ผู้บริหารฝ่ายฝึกอบรมช่องทางการขาย และ นายนรินทร์ เอกวงศ์วิริยะ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร ให้การต้อนรับนักขายรุ่นใหม่ ในงานสัมมนา Agency Grand Open House 2024 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “งานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ: Live A Life Beyond Imagination” เพื่อจุดประกายนักขายรุ่นใหม่ในการก้าวสู่เส้นทางอาชีพที่จะสร้างรายได้และมีอิสระในการทำงานแบบไร้ขีดจำกัด โดยมีวิทยากรพิเศษด้านการขายและการตลาดภาครัฐและเอกชน มาร่วมให้ความรู้ ณ ห้องประชุม ชิณ โสภณพนิช อาคารสำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆนี้
“80 แสนซีซี x 2”- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดตั้งหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ต่อเนื่องเป็นครั้งที่3/2567 ภายใต้กิจกรรม “80 แสนซีซี x 2” ในโครงการ “80 แสนซีซี 80 ปีธนาคารกรุงเทพ” เพื่ออำนวยความสะดวกรับบริจาคโลหิตให้กับผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และผู้สนใจ โอกาสนี้ นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ นางสาวเพ็ญมาศ เฮงปริญญาธร เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ผู้จัดการ ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ และนางสาวชลิตา พงษ์รูป เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President วางแผนภาษี นำทีมผู้บริหารและพนักงานชาวบัวหลวง ร่วมบริจาคโลหิต เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตสำรองคงคลังของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยณ ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม ปัจจุบัน (ณ 17 กรกฎาคม 2567 ) โครงการ “80 แสนซีซี 80 ปีธนาคารกรุงเทพ” ได้ส่งมอบโลหิตไปแล้ว 10,934,000 ซีซี จากผู้เข้าร่วมบริจาคทั้งหมด 27,335 ราย ซึ่งมาจากความร่วมขององค์กรพันธมิตรชั้นนำ ผู้บริหาร พนักงาน และประชาชนทั่วไป ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการเป็น “ผู้ให้” เพื่อช่วย บรรเทาปัญหาโลหิตสำรองคงคลังไม่เพียงพอต่อความต้องการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ ธนาคารกรุงเทพ และศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และผู้สนใจ เข้าร่วมกิจกรรม“80 แสนซีซี x 2” โดยสามารถร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ และโรงพยาบาลแต่ละจังหวัดที่เป็นโรงพยาบาลสาขาบริการโลหิต เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด กรอกข้อมูล ร่วมสะสมจำนวนซีซี กับ…
สังคมไทยกำลังเผชิญความไม่พร้อมหลังวัยเกษียณ สะท้อนจากข้อมูลครัวเรือนไทยส่วนใหญ่คนที่มีรายได้มากที่สุดในครัวเรือนมีอายุเกิน 50 ปี และรายได้ต่ำ (ราว 42% ของครัวเรือนไทย) จึงต้องพึ่งพารายได้นอกครัวเรือน เช่น เงินช่วยเหลือภาครัฐ และรายได้ไม่เป็นตัวเงิน (หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่ได้รับมา) ส่งผลให้กันชนทางการเงินต่ำหากมีเหตุฉุกเฉินหรือมีรายได้ลดลง นับเป็นความเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า ทั้งในด้านความเปราะบางของครัวเรือนและภาระการคลัง ผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey 2023 ชี้ว่า ในระยะสั้นปัญหาแก่ก่อนรวยของสังคมไทยยังน่าห่วง โดยพบว่า กลุ่มวัยทำงานใกล้เกษียณ (51-60 ปี) ส่วนใหญ่ยังมีสินทรัพย์น้อย โดยเฉพาะคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน มีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายหลังเกษียณ ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการสะสมสินทรัพย์ของกลุ่มนี้ คือ ปัญหาภาระหนี้ โดย 56% ของครัวเรือนที่มีหนี้พบว่ามีสินทรัพย์รวมไม่ถึง 1 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนสูง ในระยะยาว SCB EIC มองว่าปัญหาการออมนับเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อความพร้อมหลังเกษียณ ผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey 2023 พบว่า ในภาพรวมคนวัยทำงานที่สามารถออมเงินได้ทุกเดือนยังมีไม่ถึงครึ่ง และอีกราว 1 ใน 4 ที่ไม่สามารถออมได้เลย โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะเหลือเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่สามารถออมได้สม่ำเสมอ สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาภาระรายจ่ายสูงแต่รายได้ต่ำ โดยเฉพาะวัยทำงานอายุ 31 – 50 ปี ที่มีปัญหาภาระหนี้มากกว่ากลุ่มอื่น เพราะได้เริ่มก่อหนี้ก้อนใหญ่เอาไว้ SCB EIC ประเมินว่า พฤติกรรมการออมจะส่งผลอย่างมากต่อปัญหาแก่ก่อนรวยของคนไทย โดยเฉพาะคนอายุมากและรายได้ต่ำ ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีวินัยการออมน้อยที่สุด ขณะที่คนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 30 ปี พบว่าสามารถเริ่มออมสม่ำเสมอได้ตั้งแต่ช่วงรายได้ต่ำกว่ากลุ่มอื่น ๆ โดยกลุ่มนี้มีพฤติกรรมเก็บก่อนใช้ได้ตั้งแต่รายได้ 30,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน กลับพบว่ายังขาดวินัยการออม ส่วนหนึ่งเพราะใช้จ่ายตามกระแสสังคมมาก ซึ่งจะต่างจากคนอายุมากกว่าที่ส่วนใหญ่เริ่มมีพฤติกรรมเก็บก่อนใช้ตั้งแต่มีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป…