ธนาคารกสิกรไทยปล่อยแคมเปญลดจัดหนักแห่งปี บ้านมือสองคุ้มแรง “One Price 1.99 ล้านบาท” ยกขบวนทรัพย์มือสองคุณภาพดี ทำเลเด่นทั่วประเทศ มาให้เลือกครบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม และอาคารพาณิชย์ โอกาสดีที่คนอยากมีบ้านไม่ควรพลาด พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษแบบจัดเต็ม จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อการลงทุนก็คุ้มค่า การันตีคัด คุ้ม ครบ ทรัพย์มือสอง ทำเลดี พิเศษราคาเดียว 1.99 2.99 และ 3.99 ล้านบาท และยังมีทรัพย์ลดราคาสูงสุด 50% รวมทั้งหมดกว่า 4,800 รายการ ฟรีค่าโอนสูงสุด 250,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน กู้ได้สูงสุด 110% ในกรณีกู้ไม่ผ่านยินดีคืนเงินมัดจำ นอกจากนี้ยังมีทรัพย์ประเภทโกดังและโรงงานลดราคาสูงสุด 50% เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่อยากขยายกิจการมาให้เลือกอีกด้วย แคมเปญบ้านมือสองกสิกรไทยคุ้มแรง “One Price 1.99 ล้านบาท” เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2567 โดยลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชมและค้นหาข้อมูลบ้านมือสองที่ร่วมแคมเปญ รวมถึงนัดหมายชมทรัพย์ จองซื้อบ้าน ตลอดจนการยื่นขอสินเชื่อ ได้ง่ายและสะดวกผ่านเว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทย หรือคลิก https://www.kasikornbank.com/k_4fimp6r หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ K-Contact Center 02-8888888 กด 04 กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 4% – 5% ต่อปี หมายเหตุ: สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2566 = 7.30% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ *ฟรีค่าโอนสูงสุด 250,000 บาท (โดยต้องโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ธนาคารแจ้งผลการอนุมัติขาย) **อัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อลูกค้าชำระค่างวดเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนดชำระ ***วงเงินกู้สูงสุด 110% ของราคาซื้อขายแต่ไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน สำหรับหลักประกันสินเชื่อบ้านสัญญาที่ 1…
Author: staff
ธุรกิจกับชุมชนเป็นภาคส่วนที่ต้องพึ่งพากันและกัน เพราะชุมชนที่แข็งแกร่งเป็นรากฐานของธุรกิจที่แข็งแรง ขณะเดียวกันธุรกิจที่ประสบความสำเร็จก็เป็นกำลังหลักในการยกระดับชุมชนในระยะยาวเช่นกัน ซึ่งการสร้างความยั่งยืนระหว่างธุรกิจกับชุมชนนี้เอง เป็นพันธกิจที่ธนาคารซิตี้แบงก์ให้ความสำคัญ ทำให้ตั้งแต่พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา ธนาคารระดับโลกที่มีสาขาครอบคลุมกว่า 180 ประเทศแห่งนี้ จึงมีการจัดกิจกรรม “วันชุมชนซิตี้” หรือ Citi Community Day ขึ้นทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานซิตี้แบงก์ทั่วโลกได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่สังคม สำหรับวันชุมชนซิตี้ 2567 ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย รวมพลังพนักงานและอาสาสมัครกว่า 200 คน ร่วมกิจกรรมทำดีเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด “Act of Kindness” โดยพนักงานกว่า 40 คนได้ร่วมแรงร่วมใจแพ็กถุงยังชีพและถุงใส่อุปกรณ์เครื่องเขียน เพื่อนำไปมอบให้ 200 ครอบครัวในชุมชนคลองเตยและเยาวชนในศูนย์พันธกิจคลองเตย ตามเจตนารมณ์ที่มุ่งหวังให้สังคมและชุมชนโดยรอบมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งตลอดการทำกิจกรรมทางคณะผู้บริหารยังได้ร่วมลงพื้นที่ด้วยตัวเองเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับคนในชุมชน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนแห่งนี้ นอกจากนี้ พนักงานธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทยอีกกว่า 70 คน ยังได้ร่วมกันจัดทำสื่อการสอนภาษาอังกฤษไปยังโรงเรียนในพื้นที่ต่างจังหวัด ด้วยการเขียนคำศัพท์พร้อมวาดภาพประกอบบนผืนผ้าใบ สะท้อนถึงปณิธานองค์กรที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนผ่านการศึกษา และยังให้พนักงานทุกคนในองค์กรสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวันชุมชนซิตี้ ผ่านการบริจาคเสื้อผ้าและสิ่งของคุณภาพดีให้กับโครงการปันกัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายของบริจาค มาเป็นทุนการศึกษาสำหรับโรงเรียนด้อยโอกาสทั่วประเทศ รวมถึงยังการให้ความสำคัญกับสัตว์ที่ถูกทอดทิ้ง ด้วยการให้พนักงานสามารถร่วมบริจาคผ้าขนหนูให้กับศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดเพื่อนำไปช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับสุนัขที่อยู่ในการดูแลต่อไป ถือเป็นอีกกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสังคมอย่างรอบด้าน นางสาวนฤมล จิวังกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย กล่าวว่า “ซิตี้แบงก์ ในฐานะสถาบันการเงินระดับโลก มีพันธกิจในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของเด็ก เยาวชน และชุมชน ผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม และการอบรมให้ความรู้ด้านการเงิน เพื่อเป็นรากฐานของอาชีพที่สร้างรายได้อย่างมั่นคงแก่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งวันชุมชนซิตี้ 2567 ถือเป็นการจุดประกายให้พนักงานขององค์กรได้ให้ความสำคัญในการทำกิจกกรมเพื่อสังคม รวมถึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทุกคนร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน” ### หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ เกี่ยวกับ “ซิตี้” ซิตี้แบงก์ เป็นธนาคารชั้นนำของโลกที่ให้บริการแก่องค์กรที่มีความต้องการในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ รวมถึงเป็นผู้นำด้านการบริหารความมั่งคั่ง และด้านการเ ป็นธนาคารส่วนบุคคลในประเทศสหรัฐอเมริกา ซิตี้แบงก์มีการดำเนินธุรกิจในกว่า 180 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่าง ๆ โดยให้บริการด้านการธนาคารและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุม ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citibank.co.th | ทวิตเตอร์: @Citi | LinkedIn:www.linkedin.com/company/citi | YouTube: www.youtube.com/citi | Facebook:…
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิต ภายใต้โครงการ “Love for Life ให้รักดูแลชีวิต ให้โลหิตดูแลผู้ป่วย” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และร่วมสมทบในโครงการ “บริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” อันจะช่วยให้สภากาชาดไทยมีโลหิตสำรองสำหรับใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วย โครงการ Love for Life ให้รักดูแลชีวิต ให้โลหิตดูแลผู้ป่วย เป็นโครงการที่ไทยประกันชีวิต ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รณรงค์รับบริจาคโลหิตจากผู้บริหาร พนักงาน ฝ่ายขาย และประชาชนทั่วไป โดยเมื่อวันที่ 17-19 กรกฎาคม 2567 ได้เปิดจุดรับบริจาคโลหิต ณ ชั้น 1 อาคารไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ และเพิ่มจุดรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ หน้าอาคารไทยประกันชีวิต สาขารัตนาธิเบศร์ และจุดรับบริจาคโลหิต ณ ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลเมืองบางริ้น จ.ระนอง โดยสามารถจัดหาปริมาณโลหิตได้ทั้งสิ้น 169,650 ซีซี
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ร่วมกับภาครัฐในการดำเนินการโครงการประกันภัยพืชผล ซึ่งได้ขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่องจนก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 ในปี 2567 นี้ โดยการประกันภัยข้าวนาปี เริ่มต้นดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2554 สามารถช่วยให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภัยทางธรรมชาติรวมถึงภัยจากศัตรูพืชและโรคระบาด ที่นับวันจะยิ่งมีความแปรปรวนและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยผลการดำเนินงานของโครงการประกันภัยข้าวนาปี (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2567) พบว่า ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2554 จนถึงปี 2565 รวม 12 ปี ได้ให้ความคุ้มครองพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีแล้วกว่า 230 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ มีเบี้ยประกันภัยเข้าสู่ระบบประกันภัย จำนวน 18,560 ล้านบาท และจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับเกษตรกรไปแล้ว จำนวน 14,612 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนร้อยละ 78.73 โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2567 ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยกำหนดเป้าหมายของพื้นที่รับประกันภัยทั้งหมดประมาณ 21 ล้านไร่ ซึ่งภาครัฐให้การสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัย จำนวนทั้งสิ้น 2,302.16 ล้านบาท ประกอบด้วย วงเงินที่รัฐบาลอุดหนุน จำนวน 1,612.16 ล้านบาท และวงเงินที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้แก่ลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. จำนวน 690 ล้านบาท ในปีนี้ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้รับความร่วมมือจากบริษัทประกันวินาศภัยที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการรับประกันภัยโครงการประภัยข้าวนาปีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทรับประกันภัยต่อจากทั่วโลกเข้ามาร่วมในโครงการ เพื่อสนองต่อนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้เกษตรกรได้รับการช่วยเหลือและบรรเทาความเสียหายจากภัยต่าง ๆ โดยมีบริษัทประกันวินาศภัยเข้าร่วมรับประกันภัย จำนวน 12 บริษัท ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)…
เมืองไทยประกันชีวิตร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย ร่วมกิจกรรมการบริจาคโลหิตเนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 23 ประจำปี 2567 เพื่อรวมพลังผู้บริหาร พนักงาน ฝ่ายขายและประชาชนที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงบริษัทฯ ร่วมบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการโลหิต พร้อมตอกย้ำองค์กรที่ร่วมสร้างสรรค์คุณภาพของสังคมในทุกมิติ นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ได้ร่วมกับ 4 องค์กรหลัก ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และกองทุนประกันชีวิตจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการรักษาพยาบาลและช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการเลือดในการรักษา กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพนักงานและประชาชนทั่วไป ที่มาร่วมบริจาคโลหิตอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นกิจกรรมเนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติครั้งที่ 23 ประจำปี 2567 สำหรับการจัดกิจกรรมนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างสังคมที่มีความรับผิดชอบและการช่วยเหลือต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งการบริจาคแต่ละครั้งสามารถช่วยชีวิตและสร้างโอกาสให้กับผู้ป่วยได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้อย่างเต็มที่ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขของทุกคนที่มาร่วมกิจกรรม ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในทุกด้าน ทั้งนี้การบริจาคโลหิตนอกจากจะเป็นการได้ช่วยต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุเพื่อใช้ในการผ่าตัด และผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาด้วยการรับโลหิตอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเกิดประโยชน์แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกายของเราจะได้สร้างเม็ดเลือดใหม่ ซึ่งมีความแข็งแรงและทำให้ได้ประสิทธิภาพกว่าเดิม ทำให้เม็ดเลือดแดงลำเลียงออกซิเจนได้เต็มที่ ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น เม็ดเลือดขาวทำลายสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น และเกล็ดเลือดทำงานซ่อมแซมส่วนต่างๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงภาวะหลอดเลือดแดงตีบ นอกจากนี้ยังเป็นการได้ตรวจภาวะโลหิตของเราในทุกครั้งที่บริจาคโลหิตอีกด้วย ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจากรองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และคุณมยุรินทร์ สุทธิรัตนพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมในพิธีเปิดงานบริจาคโลหิต เนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 23 ประจำปี 2567 โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตและมีผู้บริหาร พนักงาน ฝ่ายขายและประชาชนทั่วไป เป็นจำนวนรวมกว่า 250 ท่าน รวมเป็นประมาณโลหิตกว่า 100,000 ซีซี. ซึ่งบริษัทฯ ยังคงจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตอีกในปลายปี โดยจัดบริจาคในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา “เมืองไทยประกันชีวิต ได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยมีพนักงานและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมอย่างคับคั่ง การบริจาคโลหิตช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและรักษาผู้ป่วยที่ต้องการเลือด ในขณะเดียวกันผู้บริจาคยังได้รับประโยชน์จากการตรวจสุขภาพเบื้องต้นและความรู้สึกดีจากการทำบุญครั้งนี้ บริษัทฯ…
นายวุฒิเลิศ สุวรรณศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำทีมผู้บริหารและพนักงาน เข้าร่วมออกบูธในงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 23 ซึ่งจัดโดยสมาคมประกันชีวิตไทยและพันธมิตร ภายใต้แนวคิด “Empowering Future Life+ พลัสความสบายใจ ให้ประกันชีวิตดูแล” โดยภายในงานบริษัทฯ ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์เด่นๆ พร้อมของสมนาคุณพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อแบบประกันชีวิตภายในงาน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี โดยผลิตภัณฑ์เด่นๆ ที่นำเสนอภายในงาน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสรรสำหรับวางแผนการออมเงินและวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ “ประกันออมทรัพย์ Smart Saving 10/4” ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า เทียบเท่าดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 2.21% ต่อปี ลดหย่อนภาษีได้ ชำระเบี้ยประกันสั้นเพียง 4 ปี คุ้มครองนาน 10 ปี รับเงินคืนทุกปีสูงสุด 6% ครบกำหนดสัญญารับ 410% รวมเงินคืนตลอดสัญญา 460% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย “ประกันออมทรัพย์ Super Saving 2/1” ออมสั้น 2 ปี จ่ายเบี้ยครั้งเดียว รับเงินคืนทุกๆ 6เดือน ผลตอบแทนเทียบเท่าดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 3% ต่อปี ผลประโยชน์ทั้งหมดเมื่อครบกำหนดสัญญา 104.6% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยพร้อมรับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 105% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย “ประกันออมทรัพย์ Super Saving 3/1” แบบประกันเพื่อการลงทุน ออมสั้น 3 ปี จ่ายเบี้ยครั้งเดียว รับเงินคืนเร็วทุกๆ 6 เดือน ผลตอบแทน 3 ปี สูงถึง 3.29% ต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ผลประโยชน์ทั้งหมดเมื่อครบกำหนดสัญญา 107.5% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย…
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต นำโดยคุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ Deputy Chief Executive Officer พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมให้การต้อนรับ คุณวสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในโอกาสที่ให้เกียรติเยี่ยมชมบูท OCEAN LIFE ไทยสมุทร ในงาน “วันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 23″ ภายใต้แนวคิด “HEALTHIVERSE โลกใหม่ที่ดีขึ้นเพื่อคนรักสุขภาพ” ที่ยกขบวนผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่ครอบคลุมครบทุกความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงนวัตกรรมการบริการด้านสุขภาพที่หลากหลายนำมาไว้ในงาน โดยมีที่ปรึกษาประกันชีวิตมืออาชีพพร้อมให้คำปรึกษาตลอดงาน นอกจากนี้ ลูกค้าประชาชนที่มาร่วมงานยังได้ร่วมกระทบไหล่กับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” Brand Ambassador แบบ Exclusive พร้อมรับฟังเสียงเพลงเพราะ ๆ และเล่นเกมส์รับของรางวัลมากมาย สร้างความสุขความประทับใจให้กับผู้ร่วมงานทุกคน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER 1503
ธนาคารกรุงเทพ แนะผู้ส่งออกสินค้าเกษตร 7 กลุ่มไปสหภาพยุโรป เร่งปรับธุรกิจลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก-ปลอดการทำลายป่า ก่อนกฎหมายใหม่เริ่มบังคับใช้ปลายปีนี้ พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญเจาะลึกผลกระทบ ย้ำบทบาท ‘เพื่อนคู่คิด’ ช่วยเติมความรู้-เงินทุนดอกเบี้ยต่ำ หวังช่วยลูกค้าพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ลุยตลาดการค้าโลก ร่วมสร้างเส้นทางธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน นายทัฬห์ สิริโภคี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายลูกค้าธุรกิจรายปลีก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ซึ่งเดินหน้าสร้างการตระหนักรู้และเสริมองค์ความรู้ให้ลูกค้าและผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับทิศทางความต้องการของตลาดโลก ล่าสุด ได้จัดสัมมนาพัฒนาเกษตรไทยมุ่งสู่สากล Global Supply Chain ครั้งที่ 2/2567 หัวข้อ “Sustainability Era : การปรับตัวของภาคเกษตรไทยสู่ความยั่งยืน” โดยมุ่งส่งเสริมให้ธุรกิจเร่งปรับตัวอย่างจริงจัง เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับธุรกิจด้านการส่งออก โดยเฉพาะสหภาพยุโรป (EU) ที่มีกฎหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เช่น มาตรการการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) และกฎระเบียบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปลอดจากการทำลายป่า หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) โดยเริ่มต้นในภาคเกษตร 7 กลุ่ม ได้แก่ ไม้ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน โกโก้ กาแฟ ถั่วเหลือง และวัว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 30ธันวาคม 2567 ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง หลายประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากและออกกฎระเบียบข้อบังคับใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เป็นประเด็นที่ผู้ส่งออกต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ เป็นทั้งการสร้างโอกาสทางการค้าหากปรับตัวได้ทัน และในทางตรงกันข้ามก็อาจกลายเป็นข้อจำกัดของธุรกิจได้หากไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือ ธนาคารกรุงเทพจึงสนับสนุนให้ผู้ส่งออกมีความรู้เท่าทันสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ขณะเดียวกันธนาคาร ยังพร้อมสนับสนุนด้วยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ อาทิ สินเชื่อ Bualuang Green สินเชื่อ Bualuang Green Solar Energy และ สินเชื่อBualuang Transformation Loan (สินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจ) เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินทุนเพียงพอสำหรับปรับปรุงธุรกิจให้พร้อมรับมือกับความท้าทายจากเทรนต่างๆของโลกได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน “ตลอด 80 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด”…
ธนาคารไทยพาณิชย์ครองตำแหน่งธนาคารแห่งปี 2567 หรือ Bank of the Year 2024 จากงาน Money & Banking Awards 2024 จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร นับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และเป็นครั้งที่ 16 ของการได้รับรางวัลธนาคารแห่งปี ด้วยผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในรอบปี 2566 สะท้อนความสำเร็จกลยุทธ์Digital Bank with Human Touch ดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง เดินหน้ากลยุทธ์ต่อเนื่อง 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การดำเนินงาน AI-First Bank สร้างความแข็งแกร่งทางด้านดิจิทัล เดินหน้าธุรกิจบริหารความมั่งคั่งรูปแบบใหม่ สร้างสมดุลพอร์ตสินเชื่อ และการสนับสนุนลูกค้าและสังคมสู่เส้นทางความยั่งยืน โดยมี นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ รับมอบรางวัลจาก ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และนายสันติ วิริยะรังสฤษฏ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด จำกัด และวารสารการเงินธนาคาร เมื่อเร็วๆ นี้ นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่าการได้รับรางวัลธนาคารแห่งปี 2567 สะท้อนความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มที่ของเพื่อนพนักงานไทยพาณิชย์ทุกคน โดยมีปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญคือการให้บริการโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สร้างบริการที่รู้จักรู้ใจ อีกทั้งยังเป็นการแสดงถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch ที่ผสานเทคโนโลยีมาใช้มอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า และเสริมศักยภาพทางด้านการบริการจากพนักงานสู่ลูกค้า จนสามารถสร้างผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในปี 2566 ที่ผ่านมา ประกอบด้วยความสำเร็จใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1) การปรับตัวสู่ดิจิทัลแบงก์อย่างเต็มตัว ด้วยยุทธวิธี AI-First Bank เป็นผู้นำในการใช้เทคโนโลยี AI มอบบริการและประสบการณ์ทางการเงินใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า พร้อมนำเทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพการให้บริการและกระบวนการทำงานของพนักงาน 2) เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ด้วยบริการด้านการบริหารความมั่งคั่งอย่างครบวงจร เสริมศักยภาพที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมขยายธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ 3)…
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ อย่างเป็นทางการ ทั้ง บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันชีวิต (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) สู่ “พาร์ค สีลม” (Park Silom) อาคารมิกซ์ยูสระดับพรีเมียมแห่งใหม่ ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป โดยการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์นี้ เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรเท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังที่จะกำหนดมาตรฐานใหม่ในการดำเนินงานของอุตสาหกรรมประกันภัย และสานต่อกลยุทธ์ Hybrid Work Model เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า“ที่เจนเนอราลี่ เราเชื่อว่า ‘บุคลากร’ คือสิ่งที่มีค่าทีสุดขององค์กร” การย้ายสำนักงานใหญ่ สู่อาคาร “พาร์ค สีลม” (Park Silom) ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนสถานที่ตั้ง แต่นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการบริหารงานในประเทศไทย ที่จะเปลี่ยนผ่านสู่รูปแบบแห่งอนาคตในการทำงานของอุตสาหกรรมประกันภัย ด้วยการนำรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดมาใช้ และการลงทุนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมสำนักงานที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินเท่านั้น แต่เรากำลังส่งเสริม และยกระดับประสบการณ์การทำงานของพนักงานของเราอีกด้วย โดยก้าวสำคัญของความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ได้สะท้อนถึงพันธกิจของเรา ที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมนวัตกรรม สร้างความเป็นอยู่ที่ดี และการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งผลต่อการยกระดับการให้บริการลูกค้าของเรา สอดรับกับพันธกิจของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ที่มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างต่อเนื่อง” โดยแนวคิด Hybrid Work Model เป็นแนวทางที่พนักงานสามารถออกแบบตารางการทำงานของตนเองได้ มีความยืดหยุ่นในการทำงานที่สำนักงาน หรือทำงานจากสถานที่อื่น ๆ คำนึงถึงการทำงานในรูปแบบ Smart Workplace เพิ่มพื้นที่ส่วนกลางให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ เพื่อรองรับการทำงานหลากหลายรูปแบบ มีการติดตั้งเทคโนโลยีสำนักงานอัจฉริยะ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน อาคารสำนักงานตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่มีความสะดวกในการเดินทาง เชื่อมต่อทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT รวมถึงการให้ความสำคัญพื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อน โดยตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับมาตรฐานอาคารสีเขียว ระดับสากล …