Author: admin

“แฟรงค์” ผู้ให้บริการประกันออนไลน์บนแพลต์ฟอร์ม Frank.co.th ปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ หลังจากการเข้าซื้อกิจการของแปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ป (Pacific Century Group: PCG)ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของโบลท์เทค ในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2561โดยเปลี่ยนชื่อเป็น โบลท์เทค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโบลท์เทค กรุ๊ป (Boltech Group) พร้อมเดินหน้าดันธุรกิจเติบโต 2 เท่าภายในปี 2564 และดันรายได้ให้ถึง 1,000 ล้านบาทในปี 2566 บริษัท แฟรงค์ อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการประกันออนไลน์บนแพลต์ฟอร์ม frank.co.th ตั้งแต่ปี 2559 ประสบความสำเร็จในการสร้างประสบการณ์ประกันภัยออนไลน์ โดยนำเสนอประสบการณ์ประกันภัยที่รวดเร็ว เรียบง่าย และเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกค้า ด้วยการนำเสนอราคาและมอบความคุ้มครองทันทีพร้อมการให้บริการที่มีคุณภาพรวดเร็วและครอบคลุมหลายช่องทาง หลังจากการปรับภาพลักษณ์องค์กร แฟรงค์ จะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นของโบลท์เทค การเข้าถึงระบบนิเวศดิจิทัลที่ล้ำสมัย ซึ่งช่วยให้พันธมิตรและตัวแทนด้านประกันภัยสามารถติดต่อกับลูกค้าทั้งแบบรายบุคคลและองค์กร ด้วยการคุ้มครองทุกรูปแบบตามที่ลูกค้าต้องการ ตั้งแต่ประกันการเดินทาง อุบัติเหตุ รถยนต์และจักรยานยนต์ สุขภาพ ทรัพย์สิน รวมถึงประกันชีวิต บ๊อบ เวาเทอร์ส (Bob Wouters) ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย กล่าวว่า  โบลท์เทคเหมือนเป็นพี่น้องของ เอฟดับบลิวดี โดยการนำประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่ไร้รอยต่อของแฟรงค์เดิม มาเสริมการเป็นผู้นำตลาดและช่วยส่งเสริมเป้าหมายของโบลท์เทค ในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ล้ำสมัย เพื่อการคุ้มครองและประกันภัยพร้อมเปิดโอกาศให้ทุกคนมีทางเลือกมากขึ้นในการคุ้มครองสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ โดยประเทศไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของโบลท์เทคและเอฟดับบลิวดี สำหรับธุรกิจหลักของโบลท์เทคประกอบด้วย 3 ส่วนหลักประกอบด้วย 1) Device Protection เป็นการรับประกันโทรศัพท์มือถือ เทปเลต และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ มีเครือข่ายร้านซ่อมอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงเป็นพาร์ทเนอร์กับซัมซุง และธุรกิจอีคอมเมอร์แพลตฟอร์ม TH Insurtech Exchange 2) Insurtech Exchange เป็นธุรกิจดิจิทัลโบรกเกอร์ทั้งในประเทศไทยและตลาดอื่นๆ ในอาเซียน 3) Digital Insurance เป็นธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ เอฟดับบลิวดี ประกันภัย ที่มีลูกค้ามากกว่า 2 ล้านราย ปัจจุบันเป็นพาร์ทเนอร์กับเงินติดล้อ ธนาคารไทยพาณิชย์ แบงก์กรุงศรี และช้อปปี้ ทางด้าน ฮัรเปรม…

Read More

“ไทยประกันชีวิต” เดินหน้าแคมเปญ “Dare to Give พิชิตโลหิต 1.2 ล้านซีซี” หวังกระตุ้นยอดบริจาคโลหิตในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ชี้เตรียมความพร้อมตามมาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัยของผู้บริจาคทุกราย พร้อมเชิญชวนลูกค้าโครงการไทยประกันชีวิต ไลฟ์ฟิต ยิ่งให้ ยิ่งได้ ร่วมบริจาคโลหิตสะสมคะแนนแลกรับส่วนลดเบี้ยฯ ดวงเดือน คงคาสวัสดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตในฐานะองค์กรที่เชื่อมั่นต่อการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม รวมถึงดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเป็นทุกคำตอบของชีวิต (Life Solutions) บนพื้นฐานการตระหนักถึงคุณค่าชีวิต จึงได้สนับสนุนภารกิจของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี อย่างไรก็ดีในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปบริจาคโลหิต ทำให้ปริมาณโลหิตสำรองในช่วงนี้มีการขาดแคลน ดังนั้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดหาโลหิตให้เพียงพอต่อความต้องการ บริษัทฯ จึงจัดแคมเปญ “Dare to Give พิชิตโลหิต 1.2 ล้านซีซี” ขึ้น เพื่อรณรงค์และกระตุ้นให้บุคลากรไทยประกันชีวิต รวมถึงประชาชนทั่วไป เป็น “ผู้กล้า” ร่วมบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน โดยตั้งเป้าหมายจัดหาปริมาณโลหิตในปี 2564 ให้ได้ 1,200,000 ซีซี ซึ่งแคมเปญดังกล่าวเป็นแคมเปญต่อเนื่องจากปี 2563 ที่ผ่านมา ที่สามารถจัดหาปริมาณโลหิตตลอดทั้งปีได้ถึง 1,214,400 ซีซี โดยบริษัทฯ กำหนดจัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิตครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 13-15 มกราคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. บริเวณ Easy Zone ชั้น 1 อาคารไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ พร้อมเพิ่มรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ บริเวณด้านหน้าอาคารไทยประกันชีวิต สาขารัตนาธิเบศร์ ในวันที่ 13 มกราคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ซึ่งบริษัทฯ เตรียมความพร้อมในการดำเนินมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การคัดกรองผู้บริจาคด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิ เช็กประวัติ และจัดพื้นที่บริจาคโลหิตตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)…

Read More

“อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต” เดินหน้าต่อเนื่อง โครงการพาน้องเที่ยวบางกอก พร้อมปรับแนวทางสู่ยุค New Normal พาเด็กไทยเที่ยววิถีใหม่ผ่านรายการ “ยังไกด์ พาเที่ยวบางกอก” ดำเนินรายการโดย ยุวมัคคุเทศน์รุ่นพี่ที่จบหลักสูตรภายใต้โครงการฯ ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นไทยจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงเทพมหานคร ผ่านมุมมองคนรุ่นใหม่ เผยแพร่แล้ววันนี้ รับชมได้ทาง Facebook และ YouTube AZAYFan พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการพาน้องเที่ยวบางกอก เป็นโครงการที่ อลิอันซ์ อยุธยา ได้ร่วมกับสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร จัดทัศนศึกษาให้กับนักเรียนด้อยโอกาสมาแล้วกว่า 52,000 คน ได้ท่องเที่ยวเรียนรู้นอกห้องเรียนในวิชาสำคัญอย่างประวัติศาสตร์ รอบเกาะรอบเกาะรัตนโกสินทร์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ต่อเนื่องมานานกว่า 14 ปี และยังมีการเพิ่มหลักสูตรยุวมัคคุเทศน์ ต่อยอดในโครงการเดิม เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับเยาวชนที่สนใจและมีความสามารถ ได้ออกมานำเที่ยวและสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเอง จนปัจจุบัน เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ทำให้การพาน้องเที่ยวบางกอกต้องเปลี่ยนรูปแบบไปตามนโยบายการรักษาระยะห่างทางสังคมและการอยู่กับบ้าน โดยบริษัทฯ ได้เปิดโอกาสให้กับกลุ่มยังไกด์ที่จบหลักสูตร และเคยทำหน้าที่ยุวมัคคุเทศน์ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกทม. ยังคงได้ทำหน้าที่ นำเที่ยวในรูปแบบใหม่สไตล์ New Normal ผ่านการทำวีดีโอคลิป โดยเยาวชนกลุ่มนี้ได้เป็นผู้ คิดเรื่องราวในการนำเสนอ การถ่ายทำ และการตัดต่อ โดยได้รับการสนับสนุนทางด้านเทคนิคและความรู้การผลิตวิดีโอตั้งแต่ต้นจนจบ จากทีมงานของ อลิอันซ์ อยุธยา ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสและประสบการณ์ที่เยาวชนกลุ่มนี้ สามารถนำไปต่อยอดในสายอาชีพของพวกเขาในอนาคตได้อีกด้วย” วีดีโอนำเที่ยวบางกอก โดย ยังไกด์ ชุดนี้ นำเสนอภายใต้ชื่อ “ยังไกด์ พาเที่ยวบางกอก” แบ่งออกเป็น 5 คลิปวิดีโอจาก 5 สถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ อันได้แก่ วัดโพธิ์ ย่านบางลำพู วัดบวรฯ ข้าวสาร ย่านเสาชิงช้า และชุมชนตลาดน้อย โดยไม่ได้มีแค่ความรู้ทางด้านวิชาการอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีทั้งแชะ แวะกินของอร่อย ไปจนถึงการลงไปพูดคุยและเรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ กับคนในชุมชนอย่างใกล้ชิด เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ในทุกแง่มุม “หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมพาน้องเที่ยวบางกอก ในรูปแบบรายการ…

Read More

การแข่งขันในธุรกิจบัตรเครดิตค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโควิด-19 ยิ่งทำให้ความยากเพิ่มเป็นทวีคูณ ในฐานะผู้เล่นหลักในธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” ไม่อาจหยุดนิ่ง ก้าวย่างสำคัญคือการขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อ เพื่อสร้างโอกาสสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อเบ็ดเสร็จครบวงจร นอกจากนี้ยังเตรียมศึกษาโมเดลธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกัน หลังการเข้าถือหุ้นใหญ่เคทีบี ลีสซิ่ง เน้นกำไรโตแบบค่อยเป็นค่อยไป และสานต่อการพัฒนาคน นำเทคโลโลยีดิจิทัลมาปรับใช้กับธุรกิจ ปรับให้คนกับเทคโนโลยีทำงานร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความสำเร็จ เปิดแนวรบ Infinite Game ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “เคทีซี” กล่าวว่า สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 และมาตรการต่างๆ ของหน่วยงานภาคกำกับที่ปรับเปลี่ยนต่อเนื่อง เป็นตัวกระตุ้นให้แผนยุทธศาสตร์ของเคทีซีในปี 2564 นี้ ต้องเร่งเปลี่ยนแปลงองค์กรแบบก้าวกระโดด สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ให้เคทีซีเติบโตได้มากขึ้นและเร็วขึ้น คู่ขนานไปกับการทำธุรกิจเดิม เน้นทำกำไรแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างคลื่นใต้น้ำจนเป็นพลังคลื่นลูกใหญ่รับเกมธุรกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุด (Infinite Game) ทั้งนี้เคทีซีจะมุ่งขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันที่หลากหลาย เพื่อให้เคทีซีเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาดที่ผู้บริโภคมองหา ซึ่งการเข้าถือหุ้นในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด หรือ เคทีบี ลีสซิ่ง ถึง 75.05% จะทำให้เคทีซีสามารถทำธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งทุกประเภท ต่อยอดธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันได้อย่างครบวงจร และยังได้ใช้ประโยชน์จากสาขาและฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม โดยบริษัทฯ จะเข้าไปศึกษาระบบในเคทีบี ลีสซิ่ง และคาดว่าจะเริ่มออกแบบโมเดลธุรกิจได้หลังจากผ่านการประชุมผู้ถือหุ้น สำหรับธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ถึงแม้จะเป็นธุรกิจน้องเล็กที่เพิ่งเข้ามาเมื่อปลายปี 2563 แต่ ระเฑียร บอกว่าจะมุ่งขยายตลาดเป็นหลักในปี 2564 ด้วยความที่เป็นสินเชื่อมีหลักประกันซึ่งมีความสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนรวดเร็วสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยจะเน้นทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์ มีทีมงาน “พี่เบิ้ม Delivery” ติดต่อประสานงานกับลูกค้าเป้าหมายโดยตรง พร้อมแผนขยายพื้นที่ให้บริการไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เริ่มต้นที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนบนและภาคใต้ตอนบน อีกทั้งร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจและธนาคารกรุงไทยขยายฐานสมาชิกและออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ตลอดจนร่วมมือกับ เคทีบี ลีสซิ่ง เพื่อหาโอกาสต่อยอดและสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถร่วมกัน เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการกลุ่มเป้าหมายและสร้างประสบการณ์ที่ดี ด้วยเป้าหมายยอดสินเชื่อในปี 2564 ประมาณ 1,000 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจเดิมซึ่งเป็นบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ระเฑียร กล่าวว่า เคทีซีจะมุ่งรักษาคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ที่ดี เน้นรักษาฐานสมาชิกปัจจุบันด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการและระบบไอทีที่มีเสถียรภาพ เพื่อให้สมาชิกเกิดความมั่นใจและได้รับความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยทุกครั้งที่ทำรายการธุรกรรม โดยกลยุทธ์หลักในการทำตลาดธุรกิจบัตรเครดิต จะยังใช้คะแนน KTC…

Read More