Author: admin

เมืองไทยประกันภัย เคียงข้างสังคมไทยร่วมมอบความห่วงใยให้คนไทย ผ่านโครงการ “เมืองไทยห่วงใยคุณ” แจกฟรีประกันภัยแพ้วัคซีนโควิด-19 2,000,000 สิทธิ์ มอบวงเงินความคุ้มครอง 100,000 บาท กรณีภาวะโคม่าที่ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งแต่ 20 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2564   นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI เปิดเผยว่า “ด้วยความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) จะเห็นได้ว่าหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาที่ตรงจุดคือ การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนชาวไทย อีกทั้งยังช่วยลดความรุนแรงของอาการป่วยจากการติดเชื้อได้ค่อนข้างมาก ด้วยเหตุผลนี้ เมืองไทยประกันภัย จึงตัดสินใจเปิดโครงการ “เมืองไทยห่วงใยคุณ” แจกประกันแพ้วัคซีนโควิด-19 ฟรี ให้แก่ประชาชนจำนวน 2,000,000 สิทธ์ ในฐานะที่เป็นธุรกิจที่คอยช่วยเหลือเยียวยาสังคมในยามเกิดภัย เมืองไทยประกันภัย ขอเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาความกังวลใจ โดยเชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นอีกส่วนที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนทุกท่านร่วมใจกันฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หยุดเชื้อเพื่อชาติ และหวังว่าสถานการณ์จะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเร็ววัน” นางนวลพรรณ กล่าวเพิ่มเติม “สำหรับโครงการ ‘เมืองไทยห่วงใยคุณ’ มอบวงเงินความคุ้มครองผลประโยชน์ภาวะโคม่า (Coma) กรณีได้รับผลกระทบจาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทุนประกันภัย 100,000 บาท รับประกันภัยตั้งแต่อายุ 18 ปี – 99 ปี สัญชาติไทย อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่จำกัดอาชีพ ซึ่งผู้รับสิทธิ์จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยระยะเวลาคุ้มครองภายใน 60 วัน นับจากวันที่เริ่มฉีดวัคซีน จำกัดสิทธิ์ลงทะเบียน 1 ท่านต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น สำหรับประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการสามารถทำรายการผ่านเว็บไซต์ https://www.mticonnect.com/landingpage/ลงทะเบียนรับสิทธิ์ประกันแพ้วัคซีนฟรี-เมืองไทยประกันภัย     ได้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2564 หรือมีการลงทะเบียนครบ 2,000,000 สิทธิ์”            หลังจากลงทะเบียนสำเร็จ บริษัทฯ จะนำส่งใบรับรองกรมธรรม์ให้ทางอีเมลภายใน 3 วันทำการ ทั้งนี้ ผลประโยชน์และความคุ้มครองเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่บริษัทฯ กำหนด สอบถามข้อมูลการลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1484 หรือ Line Official Account: @mtifriend

Read More

 เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ จัดแคมเปญใหญ่ “Generali Protect our Heroes” จัดหาชุด PPE เป็นเกราะป้องกันเสริมทัพคนด่านหน้าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มอบให้มูลนิธิหรือองค์กรการกุศล  ตั้งเป้าบริจาค 120,000 บาท  พร้อมเชิญชวนลูกค้าและพนักงานร่วมบริจาคสมทบทุนผ่านการแลกคะแนนสะสมในแอปฯ Generali 365 ทุก 100 คะแนน แทนเงินบริจาค 10 บาท* เริ่มตั้งแต่วันนี้-ถึง 30 มิถุนายน นี้ นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ประเทศไทย กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ยังคงทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดในระลอกใหม่นี้ที่มีจำนวนยอดผู้ติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตสูงขึ้นเป็นทวีคูณ ส่งผลให้ทุกฝ่ายต้องทำงานกันอย่างหนัก ซึ่งนอกจากบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับเชื้ออยู่ตลอดเวลาแล้ว เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยก็ถือเป็นบุคลากรด่านหน้าอีกหนึ่งกลุ่มที่มีความเสี่ยง  ดังนั้น อุปกรณ์สำคัญสำหรับการเสริมความแข็งแกร่งป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ให้กับบุคลากรด่านหน้าอย่างอาสาสมัครกู้ภัยในเวลานี้ คือ ชุดอุปกรณ์ป้องกันเชื้อส่วนบุคคล หรือ PPE (Personal Protective Equipment) โดยทาง เจนเนอราลี่ ประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดแคมเปญ Generali Protect our Heroes  ขึ้นเพื่อจัดหาชุด PPE และส่งต่อให้กับบุคลากรด่านหน้าในการเข้าไปรับผู้ป่วยโควิด-19 นำส่งส่งถึงมือแพทย์ได้อย่างปลอดภัย โดยตั้งเป้าบริจาคที่ 120,000 บาท  นายบัณฑิต ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถือเป็นภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติอย่างร้ายแรง นอกเหนือจากยารักษาโรคแล ะวัคซีนป้องกันโรคแล้ว น้ำใจของคนไทยก็นับเป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน จึงอยากขอเชิญชวนลูกค้าและพนักงานร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบกำลังใจให้ โดยสามารถสมทบทุนซื้อชุด PPE ได้ด้วยการแลกคะแนนสะสมพิเศษ (Point) ผ่านแอปพลิเคชัน Generali365 ทุก 100 คะแนน แทนเป็นเงินบริจาคได้ 10 บาท* เพื่อสมทบทุนในการจัดซื้อชุด PPE โดยทางเจนเนอราลี่ จะเป็นผู้จัดหาและส่งมอบชุดให้แก่มูลนิธิหรือองค์กรการกุศลโดยเร็วที่สุด” ทั้งนี้เจนเนอราลี่ขอชื่นชมในความเสียสละและขอส่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่บุคลากรทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เคียงข้างผู้ป่วยในวิกฤตนี้ให้ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย สำหรับลูกค้าเจนเนอราลี่ที่สนใจเข้าร่วมบริจาคสามารถดูรายละเอียดและร่วมกิจกรรมผ่านแอปพลิเคชัน Generali 365 โดยสามารถดาวน์โหลดและสมัครได้ฟรี ทั้ง iOS และ Android เพียงค้นหา Generali365 ในแอปสโตร์ หรือ เพลย์สโตร์ *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

Read More

ธนาคารกรุงเทพขานรับ ธปท. ขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 3 ยาวจนถึง 31 ธ.ค. 64 จากเดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย. 64 ชี้มาตรการสำคัญ เน้นลดภาระการเงิน-ยืดหนี้-รวมหนี้ พร้อมแนวทางช่วยเหลือปรับตามสถานการณ์และผลกระทบของลูกค้า ตอกย้ำจุดยืน ‘เพื่อนคู่คิด’ เคียงข้างลูกค้าทุกสถานการณ์ นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะที่ 3 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อของสถาบันการเงินต่าง ๆ ในการบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) นั้น ล่าสุด ธนาคารกรุงเทพได้ประกาศขยายระยะเวลาให้ลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ซึ่งมาตรการช่วยเหลือในปัจจุบันครอบคลุมทั้งลูกค้าสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน “ธนาคารมุ่งดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกค้าให้สอดคล้องกับสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้า เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ร่วมกันประคับประคองท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลานี้มีลูกค้าสินเชื่อรายย่อยได้รับผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงลูกค้าที่เคยได้รับความช่วยเหลือไปแล้วก่อนหน้านี้ หากยังมีความติดขัดอันเนื่องมาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ก็สามารถขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้เช่นกัน” นายสุวรรณ กล่าวอีกว่า มาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยของธนาคารประกอบด้วยหลากหลายแนวทาง เน้นการลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะสั้นลง เพื่อให้มีความสามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพเป็นสำคัญ มีความช่วยเหลือหลายระดับเพื่อบรรเทาภาระหนี้โดยปรับเงื่อนไขการชำระให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกค้า เช่น การลดค่างวด การพักชำระเงินต้น การพักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน การพักชำระค่างวด การขยายระยะเวลาชำระหนี้ การเปลี่ยนจากสินเชื่อหมุนเวียนให้เป็นสินเชื่อระยะยาว เป็นต้น ขณะเดียวกัน ลูกค้าบัตรเครดิตทุกรายยังได้รับสิทธิการปรับลดอัตราผ่อนชำระคืนขั้นต่ำให้โดยอัตโนมัติไปจนถึงปี 2565 อีกด้วย นอกจากมาตรการพักชำระหนี้ ลดค่างวด ปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ และการเปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาวแล้ว ลูกค้าที่มีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่กับธนาคารยังสามารถเลือกใช้แนวทางการรวมหนี้ (Debt Consolidation) โดยรวมสินเชื่ออื่นที่ไม่มีหลักประกันซึ่งอยู่กับธนาคารกรุงเทพเข้าไว้ด้วยกันกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยลดภาระดอกเบี้ยของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน “ธนาคารเข้าใจและมีความห่วงใยลูกค้า โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ลูกค้าประสบความยากลำบากในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพ ซึ่งธนาคารได้ทยอยส่งมอบความช่วยเหลือเพื่อลดภาระทางการเงินแก่ลูกค้าผ่านมาตรการต่างความช่วยเหลือต่าง ๆ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และยังได้ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือออกไปเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับการดูแลตลอดช่วงเวลาที่ใช้บริการกับธนาคาร เสมือนเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่อยู่เคียงข้างกันและก้าวไปด้วยกันในทุกสถานการณ์” นายสุวรรณ กล่าว

Read More

เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยนายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมกับมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม โดยนางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ร่วมบริจาคเงินสมทบแก่มูลนิธิพุทธรักษา ในโครงการ “พันธมิตรธุรกิจ  ร่วมใจ สู้ภัยโควิด-19” จำนวน 500,000 บาท (ห้าแสนบาท) เพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจ แบบ High Flow จำนวน 2 เครื่อง และนำไปส่งมอบให้กับโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เพื่อช่วยผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 โดยมี ดร.วิทย์ สุนทรนันท์ รองประธานกรรมการ มูลนิธิพุทธรักษา และมูลนิธิธนินท์ เทวี เจียรวนนท์พร้อมด้วยนางชาลอต โทณวณิก ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัทดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด รับมอบ ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่

Read More

ส่งมอบความคุ้มครองผ่านนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้า  กรุงเทพมหานคร, 20 พฤษภาคม 2564 – เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัวบริการ “การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยโดยการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (AIA iSign)” เป็นแห่งแรกในไทย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านดิจิทัลใหม่ล่าสุดที่เอไอเอพัฒนาขึ้น เพื่อมุ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในกระบวนการสมัครทำประกันภัยแบบไม่ต้องพบหน้า จบครบในกระบวนการเดียว ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เอาประกันภัยในยุคปกติวิถีใหม่ หรือ New Normal โดยนวัตกรรม iSign ตอกย้ำการเป็นผู้นำในด้านดิจิทัลของเอไอเอ ด้วยความง่าย สะดวก และมีความปลอดภัยสูง ซึ่งถือเป็นบริการตามแนวทางการเข้าร่วมโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการสำหรับธุรกิจประกันภัย (Insurance Regulatory Sandbox) ตามประกาศ คปภ. พ.ศ. 2564 โดยเริ่มเปิดให้ลูกค้าได้ใช้บริการในช่องทางการเสนอขายผ่านตัวแทนประกันชีวิตแบบไม่พบหน้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป              นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “บริษัทได้ปรับปรุงระบบ iPoS+ โดยมีการเพิ่มฟังก์ชันการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (iSign) ซึ่งจะเป็นการตรวจดูเอกสารและแนบเอกสารออนไลน์บนอุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟนและ/หรือแท็บเล็ตของลูกค้า ผ่านการส่งลิงก์ที่มีความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าทาง SMS และ/หรือ อีเมล (ถ้ามี) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในกระบวนการสมัครทำประกันภัยรูปแบบใหม่ผ่านตัวแทนประกันชีวิตแบบไม่พบหน้า ซึ่งสอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนในสังคมยุคปกติวิถีใหม่ (New Normal)”  “ทั้งนี้ การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยแบบไม่พบหน้าโดยใช้นวัตกรรม iSign นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งบริการทางด้านการเงินและการประกันที่ล้ำสมัยที่สุดในวงการประกันภัย ณ ปัจจุบัน ซึ่งสามารถใช้ได้กับการขายแบบประกันทุกประเภท รวมถึงกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) เรียกได้ว่าตอบโจทย์ความต้องการด้านการประกันชีวิตของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเอไอเอ ประเทศไทย เป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรก ที่นำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสมัครทำประกันชีวิต ซึ่งมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า อีกทั้งลูกค้ายังคงได้รับบริการเหนือระดับจากตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่และดีที่สุดสำหรับลูกค้าคนไทย* อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสำคัญของเราคือการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศว่า เอไอเอจะเป็นหนึ่งเพื่อคนไทย ยืนหนึ่งเพื่อสังคม และเป็นที่หนึ่งในการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์มานำเสนอแก่ลูกค้าก่อนเสมอ เพื่อช่วยเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล” นายกฤษณ์ กล่าวเสริม นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า “สำหรับการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยโดยการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (AIA iSign) นั้น ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยสนับสนุนด้านงานขายของตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอได้อย่างดีเยี่ยม เพราะง่ายต่อการใช้งานและมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งตัวแทนสามารถดำเนินการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย และส่งมอบความคุ้มครองให้แก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มความคุ้มครอง เสริมความมั่งคั่งและมั่นคงให้แก่ลูกค้าแม้ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งลูกค้าจะยังได้รับการดูแลและการบริการที่เป็นเลิศจากตัวแทนทุกท่านของเอไอเอ”      สำหรับกระบวนการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยโดยใช้การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (AIA iSign) นั้น มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ ตัวแทนประกันชีวิตทำการเสนอขายแบบ iSign ทางโทรศัพท์ วีดีโอคอล หรือ ช่องทางออนไลน์อื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องอัดเสียงสนทนาการนำเสนอขาย ตัวแทนกรอกข้อมูลของลูกค้าตามข้อมูลที่ได้รับมาระหว่างการเสนอขายบนใบคำขอเอาประกันชีวิตและเอกสารประกอบการเสนอขาย และทำการส่งลิงก์ที่มีความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าทาง SMS และ/หรืออีเมล (ถ้ามี) เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลบนเอกสาร ลูกค้าถ่ายภาพบัตรประชาชน และถ่ายภาพเซลฟีลูกค้าคู่กับบัตรประชาชน จากนั้นลงลายมือชื่อบนอุปกรณ์มือถือสมาร์ทโฟนและ/หรือแท็บเล็ตของลูกค้า และยืนยันตัวตนอีกครั้งด้วยรหัส OTP ลูกค้าทำการชำระค่าเบี้ยประกันภัยเข้าบัญชีบริษัทตามช่องทางที่บริษัทกำหนดไว้ ลูกค้าจะได้รับการติดต่อจากบริษัทประมาณ 7 วันปฏิทินนับจากวันที่เล่มกรมธรรม์ถูกจัดส่งให้ลูกค้าแล้ว ผ่านทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ไปยังที่อยู่ของลูกค้า หรือ จัดส่งกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ (ePolicy) ไปยังอีเมลที่ลูกค้าได้ให้ไว้ ทั้งนี้…

Read More

อาคเนย์ประกันชีวิต หนึ่งในสายธุรกิจหลักด้านประกันและการเงินบริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ลุยต่อยอดธุรกิจส่งแอปพลิเคชั่น “Happii” ให้บริการพิเศษสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตสวัสดิการพนักงานในกลุ่มทีซีซี และลูกค้าประกันกลุ่มองค์กรอาคเนย์ สามารถดาวน์โหลด Happii App ได้ตั้งแต่วันนี้ นางภฤตยา สัจจศิลา กรรมการผู้จัดการบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความตั้งใจที่จะเป็นผู้นำในการดูแลสุขภาพและช่วยวางแผนทางการเงินให้กับคนไทย เราจึงได้นำดิจิทัลเทคโนโลยีมาออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าถึงง่าย สะดวก รวดเร็ว สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ของผู้บริโภค โดยแอปพลิเคชั่น “Happii” ได้พัฒนาและออกแบบขึ้นเพื่อมอบบริการที่ตอบโจทย์ ตรงใจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เพราะเรื่อง Happii มีได้ทุกวัน” เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นและลงทะเบียน เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในทุกช่วงเวลาของชีวิต “กลยุทธ์ในการเปิดตัวแอปพลิเคชั่นสำหรับลูกค้าประกันกลุ่มอาคเนย์จะเริ่มให้บริการสำหรับประกันชีวิตสวัสดิการพนักงานในกลุ่มทีซีซี ที่มีฐานลูกค้าอยู่กว่า 100,000 ราย มาพร้อมสิทธิพิเศษเมื่อลูกค้าดาวน์โหลดแอปก็สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มให้กับคู่สมรสและบุตรได้ในราคาสุดคุ้มขั้นต่ำเพียงวันละ 16 บาท รับความคุ้มครองค่าห้องแบบ IPD วันละ 2,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก สูงสุดครั้งละ 2,000 บาท จำนวน 30 ครั้งต่อปี เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้ทั้งครอบครัว นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ากลุ่ม “บุคลากรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ที่ใช้บริการประกันชีวิตสวัสดิการพนักงาน กว่า 8,000 ราย และประกันกลุ่มองค์กรลูกค้า คู่ค้า อาคเนย์ที่สนใจ ก็สามารถใช้บริการและรับสิทธิ์จากแอปนี้ได้เช่นกัน” นางภฤตยา กล่าว นางสาวจุฑาทิพย์ ธัญญาพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า แอปพลิเคชั่น “Happii” มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบคลุมสำหรับการวางแผนสุขภาพสำหรับตนเองและคนที่คุณรัก พร้อมสร้างความมั่นคงการเงินได้แบบครบวงจร ตั้งแต่การตรวจสอบกรมธรรม์ เช็กวงเงินความคุ้มครอง และสามารถซื้อเพิ่มให้คู่สมรส และบุตรได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น อีกทั้งยังสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากกลุ่มอาคเนย์ พร้อมระบบแจ้งเตือนโปรโมชั่นใหม่ ๆ ที่สามารถคลิกรับความคุ้มครองได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังสามารถค้นหารายชื่อโรงพยาบาลประกันชีวิตและประกันภัยแบบกลุ่ม โดยในเฟสถัดไป เราจะนำเทคโนโลยี…

Read More

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ ห่วงใยสุขภาพคนไทย ยืนยันพร้อมดูแลคนไทยทุกคนในทุกช่วงเวลา โดยได้ส่งนวัตกรรม ด้าน Health Tech “OCEAN LIFE TelePharmacy” บริการปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ ผ่าน PHARMCARE Platform ศูนย์รวมเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาใน 10 กลุ่มโรคพื้นฐาน และความปลอดภัยในการใช้ยา รวมทั้งการให้คำแนะนำในเรื่องสุขภาพเบื้องต้น โดยเมื่อทราบอาการแล้วสามารถติดต่อรับยาที่ร้านยาเครือข่าย OCEAN LIFE ไทยสมุทรทั่วประเทศได้ทันที เพื่อให้คุณหมดกังวลหากมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ลดความเสี่ยงและปลอดภัยจากการติดเชื้อ COVID-19 เมื่อต้องไปโรงพยาบาล ที่สำคัญสามารถใช้บริการได้ทุกที่ที่ต้องการเหมือนมีเภสัชกรเคียงข้างคุณตลอดเวลา              ฟรี!! สำหรับคนไทย รับบริการปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ ได้ง่าย ๆ เพียงดาวน์โหลด OCEAN CLUB APP และใส่ Code “OCEAN01” ในหน้าสิทธิประโยชน์ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 จำกัดเพียง 100 สิทธิ์เท่านั้น ติดตามกิจกรรมดี ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าจาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร ผ่านทาง OCEAN CLUB APP หรือช่องทางต่าง ๆ ทั้ง LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife และเว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์  โทร 0 2207 8888 

Read More

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ตอกย้ำนโยบายเคียงข้างลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิต เปิดบริการพิเศษ FIND HOSPITAL by Generali ช่วยเหลือลูกค้าเจนเนอราลี่ ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในการหาโรงพยาบาลเพื่อช่วยให้ลูกค้าเราเข้าสู่ระบบการรักษาในเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนได้อย่างรวดเร็ว ผ่านช่องทางศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 1394 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระลอกใหม่นี้ถือได้ว่าเป็นการแพร่ระบาดที่รุนแรงที่สุดในประเทศ เห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งยังพบปัญหาการประสานงานโรงพยาบาลหาเตียงว่างสำหรับการเข้ารักษาตัว เจนเนอราลี่จึงเปิดบริการ FIND HOSPITAL by Generali ขึ้น เพื่อช่วยเหลือลูกค้าของเจนเนอราลี่ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในการประสานช่วยหาโรงพยาบาลเพื่อจัดส่งตัวเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยทางบริษัทฯ จะดำเนินการประสานกับโรงพยาบาลเอกชนในเครือข่ายที่มีทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ประสงค์จะรับบริการต้องเป็นลูกค้าปัจจุบันของเจนเนอราลี่ลูกค้าที่มีแบบประกันสุขภาพรายบุคคลหรือประกันกลุ่มที่มียืนยันผลการติดเชื้อโควิด-19 โดยการตรวจยืนยันหาสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real-time RT PCR ว่าติดเชื้อ หรือ ‘Detected’ เท่านั้น นอกจากนี้สำหรับลูกค้าของเจนเนอราลี่ที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) กับบริษัทฯอยู่แล้ว จะได้รับความคุ้มครองสิทธิค่ารักษาพยาบาลตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ในส่วนกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล (IPD) บริษัทฯ จะช่วยบริการประสานกับโรงพยาบาลในเครือให้ด้วยเช่นกัน แต่จะไม่ได้รับความคุ้มครองในสิทธิเรื่องค่ารักษาพยาบาล นายบัณฑิต ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การมอบการบริการพิเศษในครั้งนี้จะสามารถสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าถึงการบริการของเจนเนอราลี่ที่พร้อมยืนหยัดอยู่เคียงข้างลูกค้าทุกช่วงเวลาของชีวิต ตามเป้าหมายที่เรายึดมั่นในการเป็น Lifetime Partner เพื่อให้ลูกค้าของเจนเนอราลี่ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตได้อย่างปลอดภัย โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะคลี่คลายลง ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ด้วยตนเอง โดยลูกค้าประกันรายบุคคล ติดต่อทางศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 1394 และลูกค้าประกันกลุ่มติดต่อผ่านช่องทาง LINE : @GenBuddy ตามวันและเวลาให้บริการ ในวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 8.30 – 17.00 น. (ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

Read More

 ประกาศจ่ายปันผลงวดไตรมาส 1/2564 ในอัตรา 0.396 บาทต่อหน่วย   กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี หรือ KBSPIF โชว์ศักยภาพการดำเนินงานของสินทรัพย์ที่มั่นคง ตอกย้ำกระแสเงินสดดีอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนสามารถจ่ายปันผลจากกระแสเงินสดรับสุทธิรอบปีตั้งแต่ 1 เม.ย 63 – 31 มี.ค. 64 (12 เดือนแรก) ได้ 8.95% ซึ่งเป็นไปตามประมาณการที่แจ้งในหนังสือชี้ชวน หลังประกาศเตรียมจ่ายเงินปันผลงวดการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 ในอัตรา 0.396 บาทต่อหน่วย มั่นใจว่าจะสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้แก่ผู้ถือหน่วยได้อย่างต่อเนื่อง             นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการกองทุน KBSPIF เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี หรือ KBSPIF (“กองทุน”) มีความสามารถการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากคุณภาพทรัพย์สินโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่กองทุนเข้าไปลงทุน ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด หรือ KPP โดยมีคู่สัญญาจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาวให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 22 เมกะวัตต์ และ บมจ.น้ำตาลครบุรี อีก 3.5 เมกะวัตต์ รวมการผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งสิ้น เป็นจำนวน 25.5 เมกะวัตต์ ทำให้มีความมั่นคงด้านกระแสเงินสดที่ดี   ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการลงทุนของบริษัทจัดการฯ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานของกองทุนฯไตรมาส 1/2564 (มกราคม-มีนาคม 2564) ให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.396 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินประมาณ 110.88 ล้านบาท พร้อมกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่กองทุน KBSPIF ได้เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ กองทุนได้มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไปแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้ คิดรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 0.499 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราการปันส่วนแบ่งผลตอบแทนตามกระแสเงินสดรับสุทธิในรอบ 12 เดือนแรก (1 เมษายน 2563 – 31 มีนาคม 2564) อยู่ที่ 8.95% ซึ่งเป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้ในหนังสือชี้ชวน  “กองทุน KBSPIF มีการดำเนินงานที่มั่นคงของกระแสเงินสดที่เกิดจากสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนตามเป้าหมายที่เราได้เคยประมาณการกระแสเงินสดรับสุทธิไว้ภายใน 12 เดือนแรก โดยมีผลตอบแทนรวม อยู่ที่ 8.95% ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานกองทุน KBSPIF ต่อจากนี้ เชื่อมั่นว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีจากการสร้างกระแสเงินสดรับจากการแบ่งรายได้จากสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาว  อีกทั้งกองทุน KBSPIF ไม่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโรงไฟฟ้า รวมถึงการปิดความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบผลิตกระแสไฟฟ้า จึงมั่นใจว่าการดำเนินงานจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้” นางชวินดา กล่าว

Read More

ผลการดำเนินงานของกรุงเทพประกันภัย ไตรมาส 1 ของปี 2564 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6,157.2 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 0.3 มีกำไรสุทธิ 816.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.0 ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 (ม.ค.-มี.ค.) มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6,157.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 กำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 442.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.7 มีรายได้สุทธิจากการลงทุน 486.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 กำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษี เงินได้ 929.0 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 816.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 22.0 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 7.67 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งได้ประชุมเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 มีมติให้จ่ายเงิน ปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2564 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563

Read More