ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลให้ผู้คนต่างตระหนักถึงความอันตรายในครั้งนี้กันมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการหันมาซื้อประกันที่คุ้มครองโควิด-19 แต่การซื้อประกันโควิด-19 นั้นควรตรวจสอบถึงความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับให้แน่ชัดว่าครอบคลุมถึงเรื่องใดบ้าง เช่นเดียวกับประกันสุขภาพทั่วไปนั้นครอบคลุมไปถึงโควิด-19 หรือไม่ เพื่อจะได้ไม่ต้องกลุ้มใจและกุมขมับทีหลังเมื่อประกันไม่คุ้มครอง โดยล่าสุด “เจนเนอราลี่” ได้แนะลูกค้าเจนเนอราลี่ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ความคุ้มครองโควิด-19 ตามกรมธรรม์ เริ่มจากสิทธิประโยชน์แรก “คุ้มครองการตรวจโควิด-19” ให้การคุ้มครองทันทีสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ ทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) โดยสามารถเลือกวิธีการตรวจได้ทั้งแบบ Rapid Test (ตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส) ด้วยการเจาะเลือด และวิธี Real-time PCR (การตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส) ด้วยการเก็บสารคัดหลั่งทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของกระทรวงสาธารณสุข สิทธิประโยชน์ต่อมาคือ “คุ้มครองการเข้ารักษาโควิด-19” ซึ่งจะให้การคุ้มครองค่าใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่ได้ทำไว้ทั้งประกันสุขภาพรายบุคคลและประกันภัยกลุ่ม ภายใต้ผลประโยชน์ผู้ป่วยใน (IPD) ตามผลประโยชน์ความคุ้มครอง ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ สามารถเข้าพักรักษาได้ในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม (Field Hospital) และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) นอกจากนี้ ผู้ถือกรมธรรม์ของเจนเนอราลี่ยังจะได้รับ “บริการจัดหาเตียงรักษาโควิด-19” สำหรับลูกค้าที่มีแบบประกันสุขภาพรายบุคคลหรือประกันกลุ่มที่มียืนยันผลการติดเชื้อโควิด-19 โดยการตรวจยืนยันหาสารพันธุกรรมของไวรัสด้วยวิธี Real-time RT PCR ว่าติดเชื้อ หรือ ‘Detected’ สามารถแจ้งความประสงค์ให้บริษัทฯ จะเป็นผู้ดำเนินการช่วยประสานกับโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศในการจัดหาเตียงในการเข้ารับการรักษาให้กับลูกค้าได้ด้วยตนเอง โดยลูกค้าประกันรายบุคคล ติดต่อทางศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 1394 และลูกค้าประกันกลุ่มติดต่อผ่านช่องทาง LINE : @GenBuddy นอกจากนี้ยังมี “ความคุ้มครองการแพ้วัคซีนโควิด-19” คุ้มครองการเจ็บป่วยจากผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับลูกค้าเจนเนอราลี่ที่มีสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองการรักษาแบบผู้ป่วยใน (HS rider) และผู้ป่วยนอก (OPD rider) สำหรับลูกค้าที่ซื้อผ่านช่องทางตัวแทนรวมถึงประกันสุขภาพกลุ่ม (สำหรับช่องทางประกันกลุ่ม) จะได้รับสิทธิดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เจนเนอราลี่ ขอสนับสนุนให้คนไทยทั่วประเทศ ร่วม #ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อเพื่อชาติ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาประกันสุขภาพที่คุ้มครองโควิด-19 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://generali.co.th/services/covid-19-faq/ หรือติดต่อทางศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 1394
Author: admin
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ เข้าใจถึงปัญหาการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในตอนนี้ และต้องการดูแลลูกค้าเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่เจ็บป่วยเล็กน้อย จึงได้จับมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดบริการใหม่ล่าสุด! OCEAN LIFE TELEMED x SAMITIVEJ ปรึกษาแพทย์สมิติเวชออนไลน์ แบบ Exclusive สำหรับลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทรคนพิเศษ โดยสามารถรับบริการปรึกษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลสมิติเวชในรูปแบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และประหยัดเวลาในการรอพบแพทย์ พร้อมบริการจัดส่งยาถึงบ้านอีกด้วย (กรณีที่แพทย์มีการจ่ายยา) ซึ่งยังช่วยลดภาระบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานหนักในช่วงนี้อีกด้วย สำหรับลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) สามารถใช้สิทธิ์ภายใต้วงเงินความคุ้มครองโดยไม่ต้องสำรองจ่าย สะดวก ง่ายดาย ด้วยการเข้าใช้บริการผ่าน 3 ช่องทาง ทั้งทาง Application : Samitivej Plus / LINE : @samitivej หรือ https://virtual.samitivejhospitals.com ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2SmciHO OCEAN LIFE ไทยสมุทร เราพร้อมส่งมอบบริการที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์เพื่อช่วยให้ลูกค้าปลอดภัย รวมทั้งช่วยให้สังคมไทยก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างดีที่สุดและสามารถติดตามบริการดี ๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่าผ่านทาง OCEAN CLUB APP หรือช่องทางต่าง ๆ ทั้ง LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife และ www.ocean.co.th หรือติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร 0 2207 8888
อาคเนย์ประกันชีวิต หนึ่งในสายธุรกิจหลักด้านประกันและการเงิน บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าขยายระยะเวลาผ่อนผันชำระค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิต พร้อมยกเว้นดอกเบี้ยต่ออายุกรมธรรม์ เพื่อช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 พร้อมเคียงข้างคนไทยฝ่าวิกฤตโควิด-19 นางภฤตยา สัจจศิลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ห่วงใยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคโควิด-19 จึงได้ออกมาตรการผ่อนผันเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันชีวิต เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีวันครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัยงวดวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ถึง งวดวันที่ 30 พฤษภาคม 2564 โดยบริษัทฯ ขยายระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัย ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็น 91 วัน นับจากวันที่ครบกำหนดชำระเบี้ยประกันภัย และยกเว้นดอกเบี้ยจากการต่ออายุกรมธรรม์ (Reinstatement) ภายใน 6 เดือน นับจากงวดชำระดังกล่าว รวมถึงยกเว้นดอกเบี้ยกรมธรรม์ที่กู้ชำระเบี้ยประกันภัยอัตโนมัติ (Automatic Premium Loan) สำหรับลูกค้าที่ชำระคืนเงินกู้เต็มจำนวน ภายใน 6 เดือน นับจากงวดชำระดังกล่าว “เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่คลี่คลายและยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับรายได้ของลูกค้าที่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน บริษัทฯ ไม่นิ่งนอนใจที่จะช่วยเหลือและดูแลลูกค้าคนสำคัญอย่างเต็มที่ โดยเราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างทุกคนในภาวะที่ยากลำบาก ให้สามารถผ่านสถานกาณ์นี้ไปด้วยกัน เพื่อให้คนไทยได้ใช้ชีวิตด้วยความอุ่นใจ ปราศจากความกังวล และเป็นการตอบแทนที่ได้มอบวางไว้วางใจให้บริษัทฯ เป็นผู้ให้หลักประกันชีวิตและสุขภาพการเงินแก่ทุกคน” นางภฤตยา กล่าว สามารถติดต่อสอบถามมาตรการขยายระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ดูแลลูกค้า โทร.1726, แอดไลน์อาคเนย์ Line @Southeast.th เว็บไซต์ www.southeastlife.com และเฟซบุ๊ก อาคเนย์ Southeast https://m.facebook.com/Segsoutheastpage/
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI โดยดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน (กลาง) ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มอบชุด PPE (Personal Protective Equipment) จำนวน 1,000 ชุด ให้แก่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้นำไปใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดและลดความเสี่ยงจากการสัมผัสกับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงและสามารถนำส่งผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากบ้านไปสู่โรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย โดยมีนายสุรชัย ศิลาวรรณ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉิน เป็นผู้แทนรับมอบ ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย ถนนสาทรใต้ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564
นายสิทธิรัตน์ ธนวัฒน์พิมล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลธารปราสาท รับมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี ว่าที่ร้อยตรีหญิงกมลวรรณ โมรินทร์ ผู้จัดการสาขานครราชสีมา เป็นผู้แทนมอบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ในพื้นที่ บ้านหน้องแหน หมู่ที่ 10 และบ้านหน้องแหนพัฒนา หมู่ที่ 19 ตำบลธารปราสาท อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 139 หลังคาเรือน ซึ่งมีประชากรประมาณ 1,065 คน ที่ได้รับผลกระทบจากสถาณการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ เนื่องจากมีการปิดสถานที่และห้ามเข้าออกพื้นที่หมู่บ้าน ทางองค์การบริหารส่วนตำบลธารปราสาท จึงได้ดำเนินการจัดแบ่งและแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคที่ได้รับจากวิริยะประกันภัยไปมอบให้แก่ประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดร. สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทิพยประกันภัย ส่งมอบกำลังใจและความห่วงใยให้กับพี่น้องชุมชนย่านพระรามสาม (TIP ZONE) โดยมอบกระเป๋าห่วงใย จากใจทิพยประกันภัย (ถุงยังชีพ) บรรจุเครื่องอุปโภค-บริโภค อาทิ ข้าวสาร อาหารกระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย ฯลฯ รวมถึงข้าวกล่องพร้อมรับประทาน ให้แก่ครอบครัวที่ต้องกักตัวเนื่องจากมีบุคคลในครอบครัวได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 เขตยานนาวา พระราม3 นางลิ้นจี่ และชุมชนในพื้นที่ย่านพระราม 3
นายแพทย์วันฉัตร ชินสุวาเทย์ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางจาก จังหวัดสมุทรปราการ รับมอบเงินบริจาคจำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) จากธุรกิจในเครือวิริยะพันธุ์ โดยมี บริษัท กลุ่มเมืองโบราณ บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด บริษัท วิริยะซัพพลาย จำกัด บริษัท จี.เอ็น.พี. จำกัด และบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้กับโรงพยาบาลบางจากในโครงการ “ไฟจากฟ้า” ของมูลนิธิแพทย์ชนบท โดยมี นางสาวกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาดผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งผู้บริหารกลุ่มเมืองโบราณ เป็นผู้แทนร่วมส่งมอบเงินบริจาคดังกล่าว
เอไอเอ ประเทศไทย สานต่อโครงการ ‘AIA Sharing A Life’ หรือ ‘วันทำดีร่วมกัน’ ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 8 ภายใต้ธีม ‘สู้วิกฤตโควิด-19’ เพื่อตอบแทนทุกความไว้วางใจที่ได้รับจากคนไทยในฐานะบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งของประเทศ เดินหน้าผนึกกำลังพนักงานและตัวแทนประกันชีวิตร่วมกันทำความดีตอบแทนคืนสู่สังคมในช่วงเวลาที่คนไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ยังคงทวีความรุนแรงและมีอัตราผู้ติดเชื้อที่ต้องเร่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รวมถึงโรงพยาบาลสนามเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง โดย เอไอเอ ประเทศไทย ขออยู่เคียงข้างและเป็นกำลังสำคัญให้คนไทยก้าวผ่านช่วงเวลาแห่ง ความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการมอบเงินจำนวนทั้งสิ้น 2 ล้านบาท ให้กับโรงพยาบาลสนาม 20 แห่งทั่วประเทศ สำหรับนำไปช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์และช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ที่มุ่งสนับสนุนให้คนไทย ทั้งประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ที่ผ่านมาโครงการ AIA Sharing A Life ประสบความสำเร็จและได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องในการเปิดโอกาสให้พนักงาน ตัวแทนประกันชีวิต ลูกค้า รวมถึงประชาชนทั่วไปได้ร่วมกันทำความดีตอบแทนคืนสู่สังคม ผ่านกิจกรรมที่แตกต่างกันในแต่ละปีภายใต้วัตถุประสงค์เดียวกัน คือการยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปีที่ท้าทายที่สุดอีกปีหนึ่งนี้ ทำให้เราไม่สามารถมารวมตัวเพื่อร่วมทำความดีพร้อมกันได้ ผมในนามตัวแทนของครอบครัวชาวเอไอเอ ประเทศไทยทุกคน ตระหนักดีถึงผลกระทบอันรุนแรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอันเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย พร้อมกันนี้ พวกเรารู้สึกซาบซึ้งและขอขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักของบุคลากรทางการแพทย์ และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนสามารถก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ด้วยกายและใจที่แข็งแรง ด้วยการมอบเงินสนับสนุนจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อเป็นกำลังแก่โรงพยาบาลสนามจำนวน 20 แห่งทั่วประเทศไทย ได้นำไปใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคโควิด-19 เหมือนกับที่เอไอเอได้อยู่เคียงข้างคนไทยและร่วมฝ่าฟันทุกอุปสรรคเพื่อส่งเสริม ให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นมาตลอดระยะเวลา 83 ปี” โครงการ ‘AIA Sharing A Life สู้วิกฤตโควิด-19’ ในปีนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 อย่างปลอดภัย นำโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง และตัวแทนประกันชีวิต มอบเงินสนับสนุนรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2 ล้านบาทให้แก่โรงพยาบาลสนาม ภายใต้การดูแลของโรงพยาบาล หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย จำนวน…
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันยังส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง การฉีดวัคซีนโควิด-19 จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการป้องกันการแพร่ระบาด และลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ซึ่งภาครัฐได้กำหนดแผนการเร่งฉีดวัคซีนตามแนวทางการขยายหน่วยบริการ โดยสนับสนุนให้องค์กร หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดบริการฉีดวัคซีน ณ จุดบริการนอกโรงพยาบาล/สถานพยาบาลเวชกรรม เช่น จุดบริการในห้างสรรพสินค้า หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและการเข้าถึงวัคซีนของประชาชน รวมทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการฉีดวัคซีนให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และทั่วถึง ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ส่งเสริมให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยการแพ้วัคซีนโควิด-19 เพื่อเป็นเครื่องมือการบริหารความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยการประกันภัยแพ้วัคซีนโควิด-19 จะให้ความคุ้มครอง หากผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่ามีอาการแพ้หรือผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งในปัจจุบันมีผลประโยชน์ความคุ้มครองหลายรูปแบบให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อได้ อาทิ เช่น ผลประโยชน์การเกิดเจ็บป่วยระยะสุดท้าย และ/หรือภาวะโคม่า และ/หรือภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว ผลประโยชน์การรักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน และผลประโยชน์เงินชดเชยรายวันจากการเป็นผู้ป่วยใน เป็นต้น โดยบริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามเงื่อนไขผลประโยชน์ที่ระบุไว้ และโดยปกติจะเป็นการฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลทั่วไป เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อรองรับนโยบายของภาครัฐและสนับสนุนแผนดำเนินการของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ในการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยง รวมทั้งเพื่อให้ผู้เอาประกันภัยที่ซื้อความคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังคงได้รับความคุ้มครองเช่นเดิมตามเงื่อนไขทั่วไปของกรมธรรม์ประกันภัย ดังนั้น ตนในฐานะนายทะเบียนจึงได้ออกคำสั่ง นายทะเบียนที่ 26/2564 เรื่อง การให้ความคุ้มครองกรณีได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือสัญญาเพิ่มเติม สําหรับบริษัทประกันชีวิต และคำสั่งนายทะเบียนที่ 27/2564 เรื่อง การให้ความคุ้มครองกรณีได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือเอกสารแนบท้าย สําหรับบริษัทประกันวินาศภัย ซึ่งคำสั่งนายทะเบียนทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว กำหนดให้บริษัทประกันภัยให้ความคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่กระทำการโดยแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรที่ได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่ว่าจะดําเนินการ ณ สถานที่ใดก็ตาม ผู้เอาประกันภัยจะยังได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย เช่นเดียวกับการฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลทั่วไป จากข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 มีบริษัทประกันภัยได้รับความเห็นชอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 25 บริษัท และมี 10 บริษัทที่จำหน่ายแก่บุคคลทั่วไปแล้ว โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน – 15 พฤษภาคม…
ในภาวะที่ประเทศกำลังบอบช้ำหนักในทุกด้าน จากภาวะวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งสามระลอกที่ผ่านมา สร้างผลกระทบเสียหายอย่างหนัก ประชาชนตกงาน ไร้อาชีพมากขึ้นเท่าทวีคูณ ท่ามกลางความยากลำบากนั้นเอง ก็เป็นโอกาสให้เรามองเห็นพลังของการช่วยเหลือผ่านการให้ในรูปแบบต่างๆ มากมายจากทุกโมเลกุลทางสังคมไปยังผู้ที่กำลังลำบากด้วยหวังแบ่งเบา บรรเทาทุกข์ผ่านการส่งต่อน้ำใจ และนี่คือหนึ่งในภารกิจของ “มูลนิธิมาดามแป้ง” ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ซีอีโอ เมืองไทยประกันภัย กับภารกิจเร่งด่วนและสำคัญหลังก่อตั้ง #มูลนิธิมาดามแป้ง ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยเหลือ บรรเทา และเยียวยาผู้คนและสังคมไทย เมื่อยามเกิดภัย หรือในช่วงวิกฤตต่างๆ ภายใต้แนวคิด #ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ประเดิมสานต่อและขยายความช่วยเหลือในยามวิกฤตโควิด-19 ในระลอกสาม ด้วย “ครัวมาดาม” การตั้งครัวประกอบอาหารโดยคนในชุมชน สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อส่งอาหารให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครประจำโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลสนาม 19 แห่ง ซึ่งทำงานอย่างหนักในการดูแลประชาชน กระทั่งขยายพื้นที่ 26 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งถูกส่งออกจากมือเราไปแล้วรวมกว่า 70,000 กล่อง ตลอดเดือนเมษายน-พฤษภาคม เมื่อการแพร่ระบาดกลับมากระจุกตัวกลางกรุง กับคลัสเตอร์คลองเตย โมเดลครัวมาดามช่วยคลองเตยจึงกลับมาอีกครั้ง ข้าวกล่องจากแม่ครัวอาสาถูกส่งถึงหน้าบ้านผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เด็ก คนตกงานทุกๆ วันๆ ละ 500 กล่อง รวมกว่า 8,000 กล่อง ครอบคลุมทั้ง 43 ชุมชนแออัด และพื้นที่ใกล้เคียง การทำงานแบบบูรณาการร่วมกับผู้นำชุมชน อาสากล้าใหม่ของมูลนิธิเกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนมากกว่าเรื่องปากท้อง การผลิตกล่องน้ำใจส่งไปยังผู้กักตัวจากความเสี่ยงสูงในคลองเตยหลายร้อยคน, กล่องห่วงใย ที่อัดแน่นด้วยอุปกรณ์ป้องกันและชุด PPE สำหรับผู้นำชุมชน ที่ทำงานอย่างหนัก, อาสาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในทุกชุมชนเสี่ยงตลอดทุกสัปดาห์จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และการสร้างซุ้มฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ติดตั้งทางเข้า-ออกของชุมชน เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการใช้ชีวิตนอกบ้าน ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจจริงที่ต้องการให้สังคมดีขึ้นในทุกมิติจากความช่วยเหลือและความร่วมมือของโมเลกุลเล็กๆ ทุกภาคส่วน ที่แสดงให้เห็นว่าคนไทยไม่เคยทิ้งกัน และวันนี้ การทำงานของมูลนิธิมาดามแป้ง ยังเดินทางไปอย่างต่อเนื่องทุกวัน ไม่มีวันหยุด เพื่อส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน ร่วมบริจาคสมทบทุนได้ที่บัญชี 092-2-61340-0 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี มูลนิธิมาดามแป้ง เพื่อโครงการสร้างสังคมแห่งการให้