Author: admin

นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นดูแลลูกค้าของเราโดยการคัดสรรพันธมิตรทางธุรกิจระดับคุณภาพของประเทศ ความร่วมมือกับ ไทยประกันชีวิต บริษัทประกันชั้นนำที่เข้าใจลูกค้าคนไทยเป็นอย่างดี จะยิ่งช่วยให้บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ ส่งมอบบริการที่ดีให้แก่ลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทั้งในสถานการณ์ปกติและในสถานการณ์ที่การแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ยังไม่คลี่คลาย เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าบริการและได้พยายามเต็มที่ในการดูแลลูกค้าผ่านสาขาทั้ง 40 แห่งทั่วประเทศ   นายวิญญู ไชยวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตดำเนินธุรกิจมุ่งสู่การเป็นทุกคำตอบของชีวิต หรือ Life Solutions ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อขยายช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น ล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมกับ บริษัท   ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ครบวงจรในเครือธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) รุกตลาดประกันสินเชื่อรถยนต์ นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ หรือ CIMB THAI Auto Loan Protection “ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการผสานความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ คือ ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ และไทยประกันชีวิตในฐานะผู้นำด้านธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งการพัฒนาแผนความคุ้มครอง CIMB THAI Auto Loan Protection เป็นเสมือนเครื่องมือที่ช่วยในการขยายตลาด รวมถึงสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน และมีความไม่แน่นอนต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย” นายวิญญูกล่าว บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแสวงหาพันธมิตรที่มีความเข้มแข็งที่จะช่วยเสริมด้านการขยายตลาด ทำให้ในปี 2563 ที่ผ่านมา ไทยประกันชีวิตมีเบี้ยฯ จากผลิตภัณฑ์คุ้มครองสินเชื่อด้านธุรกิจเช่าซื้อ สูงเป็นอันดับ 1 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,381 ล้านบาท สำหรับ CIMB THAI Auto Loan Protection เป็นแผนประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ชำระเบี้ยประกันภัยเพียงครั้งเดียว ระยะเวลาความคุ้มครองตั้งแต่ 1-7 ปี ตามระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ โดยให้ความคุ้มครองหลากหลาย ทั้งกรณีเสียชีวิต กรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือชั่วคราวจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ กรณีสูญเสียอวัยวะและดวงตา รวมถึงค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เอาประกันภัยอุ่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ภาระหนี้สินที่มีอยู่จะไม่ตกเป็นภาระของครอบครัว รวมถึงกรรมสิทธิ์รถยนต์จะยังคงส่งมอบเป็นมรดกให้แก่ครอบครัวได้ต่อไป โดยผู้สนใจสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองผ่านเจ้าหน้าที่ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้  40 แห่งทั่วประเทศ    พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ทำสัญญาสินเชื่อซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ และเลือกซื้อความคุ้มครอง CIMB THAI Auto Loan Protection จากไทยประกันชีวิต ระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.- 31 ก.ค. 2564  รับสิทธิประโยชน์ความคุ้มครอง Covid-19 เพิ่มเติมจากไทยประกันชีวิต นาน 6 เดือน  ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจากการติดเชื้อ Covid-19 วงเงิน 10,000 บาท รวมถึงหากเจ็บป่วยด้วยภาวะโคม่าจะได้รับความคุ้มครอง 200,000 บาท ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ จำกัด ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือโทร 02-684-6500 วันจันทร์- ศุกร์ เวลา 08.30-17.00 น.

Read More

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน บริษัทได้ตอบสนองนโยบายของภาครัฐด้วยการให้พนักงานปฎิบัติงานแบบ Work from Home มาตั้งแต่ปลายปี 2563 และเพื่อเป็นการแสดงความห่วงใยและขอบคุณบุคคลากรทางการแพทย์ที่เป็นเสมือนด่านหน้าในการต่อสู้กับภัยโรคระบาดอย่างเต็มที่ในครั้งนี้คณะผู้บริหารและพนักงานของบริษัทจึงได้ร่วมใจกันสมทบทุนบริจาค 5 โรงพยาบาล ประกอบไปด้วย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลศิริราช  โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ผ่านมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก)  และโรงพยาบาลสมเด็จพระราชเทวี ณ ศรีราชา  ยอดเงินรวม 600,000 บาท พร้อมทั้งขอให้ชาวไทยทุกคนสามารถผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยดีในเร็ววันนี้

Read More

 ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) ยกระดับประสิทธิภาพการบริหารงานให้แก่ลูกค้าธุรกิจและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้วยบริการชำระเงินให้ภาครัฐผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เพื่อลูกค้าธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ สะดวก รวดเร็วและแม่นยำ ลดการใช้เงินสดและลดเอกสาร ตอกย้ำความเป็นธนาคารผู้นำด้านดิจิทัลโซลูชันเพื่อลูกค้าธุรกิจ   นางกนกพร จูฑา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกรรมทางการเงินภายในประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายหน่วยงานของภาครัฐได้มีการยกระดับการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มมีโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าธุรกิจและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไม่ว่าจะเป็น การชำระเงินให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐผ่านช่องทางดิจิทัล การคืนเงินภาษีผ่านทางพร้อมเพย์ การให้ธนาคารเป็นตัวแทนหักและนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยในปีที่ผ่านมามีจำนวนลูกค้าธุรกิจของทีเอ็มบีธนชาต มาสมัครใช้งานผ่านช่องทางดิจิทัลของธนาคารเพิ่มขึ้นกว่า 30% และมีจำนวนรายการทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นกว่า 20% ทีเอ็มบีธนชาต เล็งเห็นถึงความสำคัญและมีความตั้งใจที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของลูกค้าธุรกิจและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมร่วมมือกับภาครัฐในการพัฒนาดิจิทัลโซลูชันเพื่อการชำระเงินให้แก่ภาครัฐ หรือ E-Government Payment ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาลูกค้าธุรกิจทั้งเรื่องต้นทุน เรื่องเวลาและเรื่องเอกสาร โดยธนาคารจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการดำเนินการจ่าย หรือชำระเงินแทนผู้ประกอบการให้กับภาครัฐ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง โดยมีบริการหลัก ๆ ได้แก่ 1) e-Tax (RD) ซึ่งประกอบไปด้วย บริการชำระภาษีกรมสรรพากรสำหรับภาษีนิติบุคคลทุกประเภท และทราบผลการชำระเงินผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรทันที และบริการหักภาษีและนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย (e-Withholding Tax) 2) e-SSO บริการจ่ายสำนักงานประกันสังคม สำหรับเงินสมทบกองทุนประกันสังคมมาตรา 33 และกองทุนเงินทดแทน รวมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมาย (ค่าปรับกรณีชำระเงินล่าช้า) 3) e-Student Loan บริการจ่ายเงินคืนกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือ กยศ. ที่นายจ้างต้องหักจากลูกจ้างและนำส่งให้ทุกเดือน 4) e-Excise บริการจ่ายภาษีสรรพสามิต สำหรับธุรกิจเฉพาะ เช่น ภาษีสุรา แสตมป์ ยาสูบ และภาษีเฉพาะ อื่น ๆ ที่จ่ายกับกรมสรรพสามิต 5)  e-Customs บริการสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกที่จ่ายภาษีให้กับกรมศุลกากร 6)  e-ORRAF บริการชำระค่าธรรมเนียมการส่งยางออกไปต่างประเทศ โดยจ่ายกับการยางแห่งประเทศไทย โดยการชำระเงินให้ภาครัฐผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งลักษณะนี้ จะเป็นการชำระเงินแบบเรียลไทม์ และได้รับใบเสร็จหลังการทำรายการทันที ลูกค้าสามารถเรียกดูรายงานได้ตลอดเวลาผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง สามารถทำรายการชำระเงินภายในวันเดียวกัน หรือ กำหนดวันและเวลาชำระเงินล่วงหน้าได้ ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์หลัก ๆ คือการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการจัดการเอกสาร  ลดความผิดพลาดในการทำรายการ สามารถตรวจสอบรายการได้ และเป็นการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย  ทีเอ็มบีธนชาต ในฐานะธนาคารผู้นำด้านดิจิทัลโซลูชันเพื่อลูกค้าธุรกิจ มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจให้แก่องค์กรไทย โดยเดินหน้าพัฒนาดิจิทัลโซลูชันอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะพัฒนาระบบการให้บริการร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานอื่น ๆ…

Read More

จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (FWD ประกันชีวิต) ขอส่งความห่วงใยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด้วยการมอบชุดป้องกันความปลอดภัย (Personal Protective Equipment หรือ PPE) ให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อใช้สำหรับปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19  เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจเพื่อร่วมก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

Read More

เปิดบ้านรับไอเดียเจ๋ง เพื่อบ่มเพาะ ลงทุน เดินหน้าเปลี่ยนสังคมสู่ความยั่งยืน บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต สานต่อนโยบายสิ่งแวดล้อม เดินหน้าชวนคนรุ่นใหม่ นำเสนอไอเดียร่วมเปลี่ยนแปลงสังคมสู่ความยั่งยืน ภายใต้โครงการ “Go Green Sandbox” โปรแกรมบ่มเพาะสตาร์ทอัพ ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่มีใจสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม นำไอเดียเกี่ยวกับการจัดการขยะ เข้ารับการคัดสรร บ่มเพาะ ต่อยอด ภายในสถานที่ทำงานจริงของอลิอันซ์ อยุธยา พร้อมเงินทุนทดลองทำโครงการ เพื่อต่อยอดการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมไทย โครงการ “Go Green Sandbox” เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ จนถึง 6 มิถุนายน 2564 พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อลิอันซ์ อยุธยา ได้ดำเนินตามนโยบายของกลุ่มอลิอันซ์เรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ โดยในประเทศไทย เรามุ่งเน้นไปที่การจัดการกระบวนการดำเนินงานภายในสำนักงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 ล่าสุดในปี 2563 มีพนักงานจำนวนกว่า 200 คนที่เข้าร่วมกิจกรรมการแยกขยะพลาสติกเพื่อนำไปรีไซเคิล ทำให้ขยะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ได้ถึง 51.09% ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 12,967.98 กิโลกรัม (kgCO2e) การแยกขยะจากอาหารสำหรับทำเป็นปุ๋ยหมัก ได้ถึง 746 กิโลกรัม การผลิตเสื้อพนักงานจากผ้าที่มีอยู่ ช่วยลดคาร์บอน 31,836 กิโลกรัม (kgCO2e) ตัวเลขสะท้อนความยั่งยืนที่เกิดขึ้น ถือเป็นความสำเร็จในองค์กรในช่วงเริ่มต้นที่เราพอใจเป็นอย่างมาก และในปี 2021 นี้ เรายังคงเดินหน้าสนับสนุนการสร้างความยั่งยืนนี้ให้ออกไปสู่สังคมภายนอก ด้วยโครงการ “Go Green Sandbox” โดยร่วมกับ School of Changemakers เชิญชวนบุคคลภายนอกองค์กร ที่มีใจอยากเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน เข้ามานำเสนอไอเดีย เพื่อคัดสรร รับการพัฒนา โดยกลุ่ม Sandboxer ที่ผ่านเข้ารอบ จะได้ทำงานร่วมกับเราในสถานที่จริง ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของ อลิอันซ์ อยุธยา เพื่อเอาไอเดียมาทดสอบ…

Read More

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิต ตอกย้ำการดำเนินงานภายใต้นโยบาย “MTL Trusted Lifetime Partner” ที่พร้อมดูแลและเดินเคียงข้างในทุกช่วงของชีวิต ล่าสุดเพื่อเป็นการเสริมความอุ่นใจแก่ลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บริษัทฯ ได้ทำการปรับลดระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period) กรณีการเจ็บป่วยที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อโควิด 19 จากเดิม 30 วัน เหลือเพียง 14 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติม สำหรับความคุ้มครองกลุ่มค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยรายวัน ที่มีวันเริ่มมีผลคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม -31 ธันวาคม 2564 โดยการปรับลดระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period) ดังกล่าว จะครอบคลุมลูกค้ารายบุคคลที่มีความคุ้มครองกลุ่มค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน กลุ่มค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก และกลุ่มชดเชยรายวัน ที่แนบท้ายกรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทสามัญ และประเภทควบการลงทุน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะให้ความคุ้มครองสำหรับการเจ็บป่วยจากโรคโควิด 19 ที่เกิดขึ้นหลังจากระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติม หรือหากมีการต่ออายุสัญญาเพิ่มเติมให้นับตั้งแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามการต่ออายุนั้นครั้งสุดท้ายแล้วแต่กรณีใดจะเกิดขึ้นหลังสุด สำหรับแบบประกันภัยที่ได้รับความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติม ประกอบด้วย ความคุ้มครองกลุ่มค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน กลุ่มค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก และกลุ่มชดเชยรายวัน เช่น สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์, สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ ดี เฮลท์, สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ เอ็กซ์ตร้า แคร์, สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ สมาร์ทเฮลท์, สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ ไดมอนด์แคร์, สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ แยกค่าใช้จ่าย (H&S), สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ วีไอพี, สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ เหมาจ่าย, สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพแบบ พรีเมี่ยม เฮลท์ แคร์, สัญญาเพิ่มเติม การรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD), สัญญาเพิ่มเติม สุขภาพวงเงินแน่นอน (HB), สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพข้าราชการสุขสันต์, สัญญาเพิ่มเติม สุขภาพเด็กเล็ก (0-5 ปี),สัญญาเพิ่มเติม สุขภาพเอชไอพี (HIP), สัญญาเพิ่มเติม คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการศัลยกรรม, ตะกาฟุลสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่าย, และตะกาฟุลสุขภาพแบบวงเงินแน่นอน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะยกเว้นความคุ้มครอง กรณีที่ผู้เอาประกันภัยเจ็บป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ยังไม่ได้รักษาให้หาย ก่อนวันที่เริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ หรือบันทึกสลักหลังการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก โดยพิจารณาตามเงื่อนไขสภาพที่เป็นมาก่อนการเอาประกันภัย (Pre-existing Condition) “การปรับลดระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period) นี้ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เมืองไทยประกันชีวิต ได้นำออกมาเพื่อสร้างความมั่นใจและอุ่นใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ที่โรคโควิด 19 ยังแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ หลังจากที่ก่อนหน้าได้มอบความคุ้มครองพิเศษ ด้วยการขยายความคุ้มครองผลกระทบหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19  ฟรี! สำหรับลูกค้าที่มีความคุ้มครองกลุ่มค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน กลุ่มค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก และกลุ่มชดเชยรายวัน ที่แนบท้ายกรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทสามัญ และประเภทควบการลงทุน รวมถึงประเภทประกันกลุ่มเพียงลูกค้ามีกรมธรรม์ตามที่บริษัทฯ กำหนดและยังมีผลคุ้มครองอยู่ไปแล้วนั้น” นายสาระ กล่าว

Read More

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ผ่อนชำระ iPad Pro รุ่นใหม่ล่าสุด 0% นานสูงสุด 10 เดือน หรือเลือกผ่อนชำระนานสูงสุด 20 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.59% สำหรับบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” พร้อมรับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 16% โดยสามารถซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าไอทีชั้นนำ อาทิ Studio7 / iStudio / Apple Store / AIS / DTAC / TRUE / Jaymart / Telewiz / BANANA หรือช่องทางออนไลน์ www.apple.com/th/shop / www.store.ais.co.th / www.dtaconline.dtac.co.th / ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 – 31 กรกฎาคม 2564 ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือเว็บไซต์ www.ktc.co.th สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิก : https://ktc.today/apply-card

Read More

            Swiss Re รายงานรายได้สุทธิรวม 333 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2564 แม้ว่าจะมีความสูญเสีย (Loss) เพิ่มขึ้นในประกันภัยต่อที่เกี่ยวกับประกันชีวิตและสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 และประกันภัยต่อในกลุ่มทรัพย์สินและความเสียหายที่เกิดจากกรณีภัยพิบัติในสหรัฐอเมริกา              ทั้งนี้ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจทั้งหมดมากกว่าความสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับ COVID- 19 (643 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และภัยพิบัติทางธรรมชาติขนาดใหญ่ (426 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และหากไม่รวมค่าใช้จ่ายเรื่องเคลมและเงินสำรองที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 รายได้สุทธิของ Swiss Re อยู่ที่ 843 ล้านดอลลาร์              ไตรมาสดังกล่าวแสดงถึงการกลับมาสู่ความสามารถในการทำกำไรสำหรับธุรกิจประกันภัยทรัพย์สิน / ประกันภัยเบ็ดเตล็ด ตลอดจนหน่วยธุรกิจประกันภัยเชิงพาณิชย์ภายใต้ชื่อ “Corporate Solutions” นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการต่ออายุสัญญาทรัพย์สิน / เบ็ดเตล็ดเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วย              “ในช่วงเริ่มต้นปี 2564 มีผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 มากเป็นประวัติการณ์ในหลายประเทศและ เราขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก จำนวนผู้เสียชีวิตจากการระบาดของโรคระบาดยังสะท้อนให้เห็นในตัวเลขทางการเงินของ Swiss Re ในฐานะผู้รับประกันภัยต่อในกลุ่มประกันชีวิตและสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก” คริสเตียน มูลเมนทาเลอร์ (Christian Mumenthaler) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่ม Swiss Re กล่าว              ประกันภัยต่อในกลุ่มประกันชีวิตและสุขภาพ (L&H Re) ยังคงเห็นความสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 จำนวน 570 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ โดยสรุปผลขาดทุนสุทธิ 184 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสนี้              ในสหรัฐอเมริกาช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดโดยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด -19 มากกว่า 200,000 ราย ตั้งแต่เดือนมีนาคมการเสียชีวิตโดยเฉลี่ยต่อวันลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากความพยายามในการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้า              หากไม่รวมการเคลมและการตั้งสำรอง COVID-19 ธุรกิจพื้นฐานประกันภัยต่อในกลุ่มประกันชีวิตและสุขภาพประสบความสำเร็จอย่างมากโดยมีรายได้สุทธิ 270 ล้านเหรียญสหรัฐและ ROE 16.8%

Read More

ธนาคารกรุงเทพเน้นเชิงรุก แนะนำลูกค้าเข้าโครงการสินเชื่อฟื้นฟู หวังให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากมาตรการที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างยิ่งขึ้น ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจทุกกลุ่ม นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบกับทุกภาคส่วนในวงกว้าง ธนาคารตระหนักและเข้าใจถึงความจำเป็นของลูกค้าเป็นอย่างดี และที่ผ่านมาธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องเฉพาะหน้าไปแล้วบางส่วน นับเป็นการช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ อย่างไรก็ตามเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพได้เร่งออกไปพบลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจทั่วประเทศ เพื่อให้คำแนะนำและสร้างความเข้าใจในมาตรการดังกล่าว โดยมุ่งหวังให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และรวดเร็วทันสถานการณ์ ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ธนาคารได้ตั้งเป้าในการปล่อยสินเชื่อ 15,000 ล้านบาทจากมาตรการดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจ โดยธนาคารได้เตรียมความพร้อมไว้อย่างเต็มที่ ทั้งบุคลากรและระบบงานต่างๆ เช่นเดียวกับที่ได้สนับสนุนในทุกมาตรการความช่วยเหลือตามนโยบายของภาครัฐก่อนหน้านี้ “ที่ผ่านมา ธนาคารได้ให้การช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจนับหมื่นราย ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้สามารถประคองกิจการผ่านช่วงที่ยากลำบากไปได้ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อเนื่องถึงคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง โดยการช่วยเหลือมีทั้งการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ และการให้สินเชื่อเพิ่มเติม โดยใช้ซอฟท์โลนจากมาตรการของ ธปท. และกระทรวงการคลัง รวมทั้งสินเชื่อจากธนาคารกรุงเทพบางส่วน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ รวมถึงพยุงการจ้างงาน เมื่อภาครัฐมีมาตรการนี้ออกมาเพิ่มเติม เราก็พร้อมทำงานต่อเพื่อสนับสนุนอย่างเต็มที่”  นายชาติศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกรุงเทพให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงแรก ดำเนินการช่วยเหลือในเรื่องสภาพคล่อง เพื่อให้สามารถประคับประคองกิจการและพนักงานของตนเองได้ ช่วงที่ 2 เมื่อธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว ลูกค้ามีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนาบริการและผลิตสินค้าให้ได้ครบตามคำสั่งซื้อ ธนาคารก็จะให้การสนับสนุนในเรื่อง Working Capital และช่วงที่ 3 เมื่อธุรกิจดำเนินไปได้ระดับหนึ่ง อาจต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง Business Model ให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป ธนาคารก็พร้อมสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถดำเนินการได้ตามแผน ซึ่งยืนยันถึงจุดยืนของธนาคารกรุงเทพ ในการเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ที่พร้อมเคียงข้างและสนับสนุนลูกค้าในทุกช่วงเวลา ทั้งด้วยมาตรการจากภาครัฐและจากธนาคาร  สำหรับมาตรการล่าสุดที่ ธปท. และกระทรวงการคลัง ได้ออกมา ได้แก่ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อประคับประคองให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ มีสภาพคล่องสำหรับดำเนินธุรกิจ หรือเพื่อฟื้นฟูธุรกิจให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจต่อได้ โดยมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้าง สำหรับทั้งลูกค้าปัจจุบันที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจกับธนาคารไม่เกิน 500 ล้านบาท ณ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งสามารถขอวงเงินสินเชื่อฟื้นฟูได้สูงสุด 30% ของวงเงินเดิม สูงสุดไม่เกิน 150 ล้านบาท (นับรวมกับวงเงิน Soft Loan เดิมที่เคยได้รับตาม พ.ร.ก.) และลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินใด สามารถขอสินเชื่อได้สูงสุด 20 ล้านบาท…

Read More

พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับมอบน้ำดื่มจำนวน 12,000 ขวด และอาหารพร้อมทาน จำนวน 2,000 ชุด จากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาดผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ เป็นผู้แทนส่งมอบ ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ,กองบังคับการตำรวจจราจร รวมถึงตำรวจโครงการพระราชดำริ ที่ต้องปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

Read More