“ลอยด์ส” จับมือกลุ่มบริษัทประกันในอังกฤษ ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับ DXC ปูทางสู่ดิจิทัล
“ลอยด์ส” จับมือกับบริษัทประกันในลอนดอน ร่วมกันก่อตั้งบริษัทร่วมทุน (joint venture) กับ DXC Technology โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนความสามารถเชิงดิจิทัลและลดต้นทุนการดำเนินการสำหรับตลาดประกันภัยในลอนดอน
ลอยด์ส ระบุในแถลงการณ์ว่า การร่วมทุนครั้งนี้ตั้งใจที่จะ “ส่งมอบเทคโนโลยีระดับ world class รวมทั้งลดต้นทุนในกระบวนการต่าง ๆ สำหรับตลาดลงอย่างมีนัยสำคัญ”
ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการรับประกันความเสี่ยงภัยของลอยด์สเป็นปัญหาเชิงการแข่งขันสำหรับตลาดมาโดยตลอด แม้ว่าจะมีความกระบวนการจัดการก็ตาม อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในปี 2020 ของลอยด์สอยู่ที่ 37.2% เทียบกับ 38.7% ในปี 2019 แม้ว่าคู่แข่งส่วนใหญ่จะมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายประมาณ 30%
ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 โดยใช้ชื่อว่า Future at Lloyd’s project ลอยด์สระบุไว้ในเอกสารว่าบริษัทต้องการลดต้นทุนในการจัดหาและการบริหารสำหรับความเสี่ยงภัยที่พบบ่อยที่สุดจาก 30-40% เป็น 10-20% แต่ไม่ได้มีการระบุกรอบเวลาสำหรับการลดนี้ สิ่งสำคัญสำหรับโครงการลดต้นทุนของ ลอยด์สก็คือการทำงานอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะปรับปรุงระบบและกระบวนการให้ทันสมัย
ผู้ลงนามในการร่วมทุนครั้งนี้ประกอบด้วย ลอยด์ส และ Lloyd’s Market Association (LMA) ซึ่งเป็นองค์กรที่ประกอบด้วยอะเจนซี่ (managing agencies) และสมาชิกตัวแทน 51 ท่าน อีกองค์กรก็คือ สมาคมการรับประกันภัยระหว่างประเทศ (IUA) ซึ่งเป็นหน่วยงานการค้าที่เป็นตัวแทนของบริษัทประกันภัยในลอนดอน และแน่นอนต้องมี DXC Technology
ทุกฝ่ายที่ร่วมลงนามต่างยืนยันว่าข้อตกลงใหม่นี้ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการอภิปรายกันอยู่หลายเดือน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในระยะแรก ซึ่งจะทำให้เกิดความแม่นยำ ความรวดเร็ว และพลังในกระบวนการทำงานให้แก่ตลาดประกันภัยในลอนดอน เทคโนโลยีใหม่และความสามารถในการประมวลผลเชิงดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนความตั้งใจที่จะส่งมอบรับความคุ้มครองให้กับลูกค้าได้เร็วขึ้น และทำให้การชำระค่าสินไหมทดแทนได้เร็วขึ้น
จอห์น นีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอยด์ส กล่าวว่าข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการบรรลุเป้าหมายของบริษัท “ในการสร้างตลาดประกันภัยที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก” ซึ่งเป็นเป้าหมายของโครงการ Future at Lloyd’s project (Source : Insurance Journal)