คนประกันผนึกกำลังบริจาคโลหิตช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
4 แกนนำภาคอุตสาหกรรมประกันชีวิต โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน พร้อมด้วยกองทุนประกันชีวิต รวมพลังบุคลากรในธุรกิจประกันชีวิตและเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมบริจาคโลหิตช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์เนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 23 ประจำปี 2567
นายสุวิรัช พงศ์เสาวภาคย์ รองประธานคณะกรรมการจัดงานวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 23
(พ.ศ.2567) กล่าวว่า การบริจาคโลหิตเป็นกิจกรรมสาธารณะกุศล เนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติที่ถูกจัดอย่างต่อเนื่องทุกปี จากการประสานความร่วมมือของ 4 แกนนำภาคธุรกิจประกันชีวิตได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน พร้อมด้วยกองทุนประกันชีวิต เป็นแก่นนำในการผนึกกำลังบุคลากรในธุรกิจประกันชีวิตพร้อมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนที่มีจิตสาธารณะร่วมแรงร่วมใจมาบริจาคโลหิต ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งข้อมูลที่ได้จากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติเกี่ยวกับการรับบริจาคโลหิตนั้น พบว่า ในปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนประชากร 66 ล้านคน แต่มีผู้บริจาคโลหิตเพียง 1,500,000 คน และในจำนวนนี้เป็นผู้บริจาคโลหิตเพียงปีละ 1 ครั้ง คิดเป็น 67% ของจำนวนผู้บริจาคโลหิตทั้งหมด ทำให้เกิดปัญหาจำนวนโลหิตที่ได้รับบริจาคมีไม่เพียงพอสำหรับผู้ป่วย
ดังนั้น ภาคธุรกิจประกันชีวิตจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าวจึงได้จัดกิจกรรมสาธารณะกุศลบริจาคโลหิตเนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของภาคธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งปี 2567 นี้ เป็นปีที่ 15 (เริ่มรับบริจาคโลหิตครั้งแรก ในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ประจำปี 2553) ทำให้ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา สมาคม ฯ ได้รับความร่วมมือในการบริจาคโลหิตจากบุคคลทั้งในและนอกวงการธุรกิจประกันชีวิต จำนวน 67,299 ราย และได้รับปริมาณโลหิตเป็นจำนวนถึง 26,718,850 ซี.ซี.
สำหรับปี 2567 นี้ สมาคมประกันชีวิตไทยมีความมุ่งมั่นที่จะรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้บุคลากรของธุรกิจประกันชีวิต ทั้งพนักงานในทุกภาคส่วนของบริษัทประกันชีวิตและตัวแทนประกันชีวิตในแต่ละบริษัท รวมทั้งประชาชนทั่วไปทั่วประเทศแสดงพลังจิตอาสา โดยเริ่มดำเนินกิจกรรมรณรงค์และรับบริจาคโลหิตตั้งแต่เดือนมกราคมและจะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม 2567 พร้อมทั้งวางเป้าหมายการรับบริจาคโลหิตไว้ที่ประมาณ 4,000,000 ซี.ซี. (10,000 คน) แบ่งเป็นในส่วนกลางปริมาณโลหิตที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 1,500,000 ซี.ซี. (4,000 คน)
ส่วนภูมิภาค ปริมาณโลหิตที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 2,500,000 ซี.ซี. (6,000 คน) ซึ่งในส่วนกลางได้มีการเปิดงานอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
ในโอกาสนี้ สภากาชาดไทยยังคงต้องการปริมาณโลหิตเป็นจำนวนมาก จึงขอเชิญชวนประชาชนและบุคลากรในธุรกิจประกันชีวิต ที่มีอายุตั้งแต่ 17 ปีบริบูรณ์ – 70 ปี มีสุขภาพสมบูรณ์ ไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกันแสดงพลังจิตอาสาบริจาคโลหิตช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์กันเยอะๆนะครับ