บลจ.กสิกรไทย ส่ง “KINDIARMF” ลุยแดนภารตะ มองอินเดียผงาดเป็นตลาดแห่งโอกาสการลงทุน
บลจ.กสิกรไทย พร้อมส่งกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ “KINDIARMF” สร้างผลตอบแทนในระยะยาวเพื่อการเกษียณ มองหุ้นอินเดียเป็นตลาดแห่งโอกาสการลงทุน มีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่โตเร็วที่สุดในโลก ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และความได้เปรียบเชิงโครงสร้างประชากร มีศักยภาพการเติบโตสูง พร้อม IPO 12-18 มี.ค.นี้
นายวจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์, CFA, Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หุ้นอินเดียเป็นตลาดแห่งโอกาสของผู้ลงทุน โดยมีปัจจัยด้านโครงสร้างประชากร ตลาดแรงงานที่เติบโตได้ดี การบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของประเทศอินเดีย ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้จัดตั้งกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ล่าสุดที่เน้นโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในตลาดหุ้นอินเดีย ชื่อว่า กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ KINDIARMF โดยมีกำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 12-18 มี.ค. 67
นายวจนะกล่าวต่อไปว่า กองทุน KINDIARMF มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Goldman Sachs India Equity Portfolio Class I Shares (Acc.) การันตีผลการดำเนินงานของกองทุนด้วย Morningstar Overall Rating 4 ดาว ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดี และเติบโตสูง อาทิ ICICI Bank ธนาคารเอกชนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดีย, Infosys บริษัทผู้ให้บริการด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย, Tata Motors ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอินเดีย และ Sun Pharma บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย เป็นต้น โดยเน้นเข้าซื้อหุ้นในจังหวะที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง แบ่งสัดส่วนเป็นหุ้นขนาดเล็กและกลาง 48% และหุ้นขนาดใหญ่ 47% เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าดัชนีชี้วัด (ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 66)
“อินเดียเป็นประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก โดยคาดการณ์ GDP ปี พ.ศ.2567 ไว้ที่ 7.6% ซึ่งการเติบโตของอินเดียไม่ได้มาจากการส่งออกเป็นหลักเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการใช้จ่ายภายในประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ “Atmanirbhar Bharat หรือ อินเดียที่พึ่งพาตนเอง” ประกอบกับอินเดียมีความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับการเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เนื่องจากรัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินลงมาอย่างต่อเนื่อง และมีความได้เปรียบเชิงโครงสร้างประชากรเป็นอย่างมาก โดยอยู่ในวัยทำงานมากถึง 68% จึงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาได้อีกมากในอนาคต อย่างไรก็ดี แม้ว่าตลาดหุ้นอินเดียมีระดับมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ค่อนข้างสูง แต่กำไรบริษัทจดทะเบียนยังคงขยายตัวได้ดี ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียยังคงสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีได้ในระดับที่น่าสนใจ” นายวจนะกล่าว
นายวจนะกล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้มีกองทุนหุ้นอินเดียเป็นหนึ่งในกองทุนหลักของพอร์ตการลงทุน (Core Portfolio) ในสัดส่วนประมาณ 4% นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้จัดโปรโมชั่นรับ Fund Back 0.2% ของยอดลงทุนสะสม (สูงสุด 1,200 บาท) เมื่อลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging : DCA) ในกองทุน KINDIARMF และ/หรือ RMF/SSF/ThaiESG กสิกรไทย ผ่านบริการ K-Saving Plan และ/หรือ Investment Plan ระหว่างวันที่ 1 ก.พ. – 30 ธ.ค. 67 ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางการลงทุนข้างต้น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน • ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต • หากผู้ลงทุนไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี • KINDIARMF ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน • กองทุนที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้